สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
รวมเมนูอาหารสำหรับคุณหนูรับปิดเทอม






ข้าวปั้นทอด

เด็กบางคนเบื่ออาหารง่าย เมื่อไม่ชอบกินอะไรก็จะไม่กินอาหารนั้นอีก โดยเฉพาะผักที่มีกลิ่นแรง ถ้าเคยกินแล้วไม่ชอบมักเขี่ยทิ้งเสมอ ข้าวปั้นทอด จึงเป็นอาหารที่จะแทรกผักลงไปได้เป็นอย่างดี แต่ผักที่ใส่ต้องทำให้สุกก่อน เพื่อลดกลิ่นและมีรสหวาน เมื่อผสมรวมกับข้าวสวย ไข่ เนื้อกุ้ง แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ทอดจนด้านนอกกรอบเป็นสีเหลืองทอง เด็กจะไม่เห็นชิ้นผัก ถึงแม้เมื่อกัดแล้วจะรู้สึกว่ามีผักก็เป็นเรื่องยากที่เด็กจะเขี่ยผักออก จึงเป็นวิธีฝึกเด็กให้กินอาหารที่มีประโยชน์ได้อีกทางหนึ่ง
ข้าวปั้นทอด เป็นอาหารว่างอย่างดีสำหรับเด็กก่อนถึงมื้ออาหารหลัก หรืออาจให้กินแทนข้าวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบกินข้าว โดยให้เป็นของกินเล่น แต่ให้กินพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ในมื้ออาหารนั้นๆ เพราะเด็กชอบกินอาหารทอดเป็นพิเศษอยู่แล้ว

การทำอาหารทอดให้เด็กต้องระวังอย่าให้อมน้ำมัน เพราะจะทำให้เด็กกินอาหารได้น้อยลง ความแรงของไฟที่ใช้ในการทอดต้องใช้ไฟกลาง พอน้ำมันร้อนจึงใส่ข้าวปั้นลงทอด ข้าวปั้นจะค่อยๆ สุก ทอดแค่พอเหลือง ถ้าทอดนานเนื้อข้าวปั้นจะแห้งและแข็ง ทำให้เด็กรู้สึกระคายปาก เมื่อเคี้ยวแล้วจะคายทิ้งไม่ยอมกินอีก

เคล็ดลับในการทำข้าวปั้นทอดให้เด็กติดใจอยู่ที่ข้าวสวย ซึ่งต้องใช้ข้าวหอมมะลิหุงนุ่มๆ เวลาปั้นเป็นก้อนเมล็ดข้าวจะเกาะกันได้ดี การปั้นควรปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดพอคำเด็กหยิบใส่ปากได้ง่าย เพื่อให้เด็กเกิดความตื่นเต้นหรือมีส่วนร่วมที่ได้ใช้ไม้จิ้มอาหารกินเอง ข้อควรระวังคือ ไม้ที่จิ้มอาหารปลายต้องไม่แหลม ป้องกันเด็กนำมาเล่นและเกิดอันตรายได้





เครื่องปรุง

ข้าวสวย 1 ถ้วย
เนื้อกุ้งบด 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 1 ฟอง
แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
เผือกต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก 1/4 ถ้วย
ข้าวโพดต้ม (ฝานเอาแต่เมล็ด) 1/4 &nsp; ถ้วย
รากผักชีโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
กระเทียมโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

1. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกันพอปั้นได้ ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม.
2. คลุกข้าวปั้นด้วยแป้งสาลี นำลงทอดในน้ำมันร้อน ใช้ไฟกลาง พอเหลืองตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
3. จัดใส่จาน รับประทานกับซอสมะเขือเทศ


ไก่เสียบไม้

เด็กควรได้ฝึกให้รับประทานอาหารหลากหลายเมื่อถึงวัยอันสมควร กล่าวคือ ต้องหลากหลายด้วยชนิดของอาหาร วิธีการหุงต้ม และเรื่องของรสชาติ ผู้ใหญ่มักคิดว่าอาหารของเด็กควรจืดไว้ก่อน จึงไม่ใช้เครื่องปรุงรส แม้แต่พริกไทย ทั้งๆ ที่พริกไทยช่วยเพิ่มรสชาติ ช่วยกระตุ้นให้กินอาหารได้อร่อย
ไก่เสียบไม้ เป็นอาหารอีกอย่างที่เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป อาหารชนิดนี้สามารถให้เด็กรับประทานเป็นกับข้าว หรือรับประทานเป็นอาหารว่างที่อุดมไปด้วยสารโปรตีนก็ได้ ไก่เสียบไม้ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในการรับประทานอาหารของเด็ก จากอาหารต้มๆ ทอดๆ มาเป็นอาหารปิ้งย่างร้อนๆ

เนื้อไก่ใช้ได้ทั้งเนื้ออกและเนื้อสันใน เมื่อล้างแล้วต้องซับน้ำให้แห้ง เพราะตัวเนื้อไก่เองมีน้ำมากอยู่แล้ว การหมักไก่ต้องหมักไว้ในตู้เย็น เครื่องปรุงต่างๆ จึงจะซึมเข้าเนื้อไก่ได้ดี ทำให้ไก่เสียบไม้มีรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น

คุณแม่สามารถเตียรมไก่เสียบไม้ไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อจะรับประทานก็ให้เด็กๆ ได้ลงมือย่างเอง โดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เพียงเท่านี้เด็กๆ ก็จะรับประทานไก่เสียบไม้ได้อย่างเอร็ดอร่อยเพราะเขาได้สนุกกับการทำอาหารเอง





เครื่องปรุง

เนื้ออกไก่ 450 กรัม
ต้นหอมสับละเอียด 1 ต้น
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
พริกป่น 1 ช้อนชา
เนยถั่ว 100 กรัม
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีและมะนาวสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. ล้างเนื้อไก่ ซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 1 นิ้ว พักไว้
2. ใส่ซอสปรุงรส น้ำมันงา น้ำมะนาว ลงในชาม ผสมให้เข้ากัน
3. นำเนื้อไก่ใส่ลงในชามในข้อ 2 เคล้าให้น้ำซอสเคลือบเนื้อไก่ นำไปแช่ตู้เย็นไว้ 1 ชั่วโมง
4. เสียบเนื้อไก่ที่หมักด้วยไม้ โดยเสียบไม้ละ 4 ชิ้น
5. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ต้นหอม พริกป่น ผัดเบาๆ จนสุกนุ่ม ใส่ซอสที่หมักไก่ ใส่เนยถั่ว น้ำตาลทรายแดง ผัดอย่างสม่ำเสมอ ถ้าข้นเกินไปให้เติมน้ำ 2-3 ช้อนโต๊ะ
6. นำเนื้อไก่ที่เสียบไม้ไปย่างไฟจนสุก ใช้เวลานานประมาณ 10-15 นาที ขณะที่ย่างให้ทาด้วยน้ำซอสถั่วที่ผัดไว้ในข้อ 5 ย่างจนสุก
7. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยมะนาวหั่นเสี้ยวและผักชี



ข้าวโพดอ่อนห่อเครื่อง..นึ่ง

เริ่มด้วยข้าวโพดที่เอามาใช้ต้องเป็นข้าวโพดอ่อนจริงๆ จึงจะมีรสหวาน เมื่อเคี้ยวจะนุ่มปาก ไม่มีเส้นใยให้ระคายปาก เลือกข้าวโพดฝักเรียวเล็ก เมล็ดข้าวโพดเรียงติดกันแน่น หมูสับต้องเลือกใช้หมูเนื้อแดงที่มีมันติดเล็กน้อยเนื้อจะนุ่ม ก่อนผสมให้แช่เนื้อหมูจนเย็นเพื่อให้เนื้อหมูเหนียว เกาะตัวกันดี วุ้นเส้นต้องตัดเป็นท่อนสั้นๆ ผักหั่นเป็นชิ้นเล็ก

เวลานำเนื้อหมูหุ้มข้าวโพดอ่อน ต้องเหลือปลายข้าวโพดไว้ด้วย เพื่อให้เห็นเนื้อข้าวโพดสีเหลือง นึ่งในน้ำเดือดจนเนื้อหมูสุกดีแล้วราดด้วยซอสที่ผัด จัดใส่จานให้ลูกรับประทานร้อนๆ





เครื่องปรุง

ข้าวโพดอ่อน 6 ฝัก
เนื้อหมูบด 1/4 ถ้วย
วุ้นเส้นแช่น้ำหั่นท่อนสั้น 1/2 ถ้วย
แครอทหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
คึ่นฉ่ายหั่นละเอียด 2 ก้าน
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
น้ำซุป 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา


วิธีทำ

1. ล้างข้าวโพดอ่อน หั่นเป็นท่อนยาว 1 1/2 นิ้ว พักไว้
2. ผสมหมูบด วุ้นเส้น แครอท คึ่นฉ่าย ให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยพริกไทย ซีอิ๊วขาว และแป้งข้าวโพดอย่างละ 1 ช้อนชา ผสมรวมกันให้ทั่ว ฟาดจนส่วนผสมเหนียว
3. นำส่วนผสมข้อ 2 ห่อข้าวโพดอ่อน ทำจนหมด จัดใส่จาน นึ่งในน้ำเดือด ไฟแรง นานประมาณ 15 นาที ยกลง จัดใส่จานอีกใบ
4. ใส่น้ำซุปลงในกระทะ ตั้งไฟกลางให้เดือด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวที่เหลือ น้ำตาล เกลือ พอเดือดใส่แป้งข้าวโพดที่เหลือ ละลายน้ำ ผัดพอข้น ตักราดข้าวโพดนึ่งสุกในข้อ 3 เสิร์ฟ



มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด

การทำอาหารเด็กไม่เพียงแต่ต้องทำให้อาหารมีสีสันน่ากินเท่านั้น ยังต้องสร้างบรรยากาศในการกินที่ดีคือไม่บังคับและควรให้เด็กได้กินเองพร้อมกับสมาชิกในบ้าน และสิ่งที่ขอแนะนำเพิ่มเติมอีก คือให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารของเขาด้วย อย่าง "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" ที่เด็กสามารถช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นการบดมัน ปั้นมันฝรั่งให้เป็นก้อน หรือแม้กระทั่งการใส่ไส้ เป็นการทำที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับของมีคมและความร้อน ระหว่างที่เด็กทำผู้ใหญ่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และวางของมีคมให้พ้นมือเด็ก "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" มีทั้งเนื้อกุ้งและปู เหมาะสำหรับเด็กที่กินกุ้งแล้วไม่มีอาการแพ้ หากคุณแม่ต้องการให้อาหารมีธาตุไอโอดีนเพิ่ม จากที่เคยได้ไอโอดีนจากเนื้อกุ้งแล้ว ก็สามารถใส่อาหารทะเลชนิดอื่นได้
การทำให้เด็กติดอกติดใจในรสชาติของ "มันฝรั่งสอดไส้ซีฟู้ด" นั้น ต้องบดมันฝรั่งจนเนื้อละเอียดเนียนดี เนื้อมันฝรั่งไม่มีก้อนแข็ง ไส้ต้องผสมให้เข้ากันดี กุ้งและปูต้องมีความสดใหม่ ทอดเป็นสีเหลืองทอง ไม่อมน้ำมัน ต้องทอดในน้ำมันร้อน แต่ใช้ไฟกลาง

สำหรับอาหารจานซีฟู้ดนั้น เป็นอาหารจำเป็นที่ต้องทำให้เด็กกินอยู่เสมอ เพราะอาหารทะเลมีธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการเจริญเติบโตและระดับสติปัญญาของเด็ก ถ้าเด็กได้รับธาตุไอโอดีนไม่เพียงพอจะแคระแกรนและทำให้ระดับสติปัญญาต่ำ ปริมาณของธาตุไอโอดีนที่มีในอาหารเด็กมีในอัตราส่วนต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นควรฝึกให้เด็กได้กินอาหารทะเลทุกชนิดตามความเหมาะสมของวัย





เครื่องปรุง

กุ้งชีแฮ้บด 1/2 ถ้วย
เนื้อปูนึ่ง 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 2 ฟอง
มันฝรั่งหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
มันฝรั่งต้มสุก 2 หัว
หอมใหญ่สับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
เกล็ดขนมปังชนิดป่น 1 ถ้วย
แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

1. ผสมกุ้งบด เนื้อปู หอมใหญ่ มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก เกลือ พริกไทย เข้าด้วยกัน พักไว้
2. บดมันฝรั่งต้มสุกให้ละเอียด แบ่งเป็นก้อนกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว แผ่ออก ตักไส้ในข้อ 1 ใส่ หุ้มให้มิด ทำจนหมด
3. คลุกมันฝรั่งที่ใส่ไส้แล้วในข้อ 2 กับแป้งสาลีพอทั่ว จุ่มลงในไข่ และคลุกเกล็ดขนมปัง ทอดในน้ำมันร้อน ไฟกลางพอสุกเหลืองทอง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศผสม

เครื่องปรุงซอสมะเขือเทศผสม

ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ


ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน



หมูอบน้ำส้มคั้น

เมื่อลูกน้อยได้คุ้นเคยกับอาหารโปรตีนสูง เช่นไข่ทั้งหลายกันแล้ว มาเปลี่ยนเมนูจานที่อุดมไปด้วยสารโปรตีนที่ทำจากเนื้อหมูกันบ้าง ลูกน้อยจะได้กินอาหารจากเนื้อสัตว์หลากหลายมากขึ้น เป็นการปูพื้นฐานในการกินที่ดีต่อไปภายหน้า เพราะอาหารแต่ละอย่างมีสารอาหารแตกต่างกันไป เมื่อกินหลากหลายก็จะได้สารอาหารครบถ้วน

อาหารจานเด็กจานหมูที่ทำนี้ข้อสำคัญต้องเคี่ยวเนื้อให้นุ่ม หั่นเป็นชิ้นเล็ก เวลาป้อนตักคำเล็กๆ เด็กจะบดเคี้ยวอาหารได้อย่างสะดวก ถ้าหมูยังไม่นุ่ม ป้อนคำใหญ่อีก เขาจะเคี้ยวไม่ได้ เนื้อหมูติดตามซอกฟัน ลูกจึงคายอาหารนั้นทิ้ง เมื่อเห็นอาหารจานนั้นอีก เด็กก็เบือนหน้าหนี

"หมูอบน้ำส้มคั้น" ออกรสหวานอมเปรี้ยว นุ่มนวล รสไม่จัดจ้าน เนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับลูกน้อยอายุตั้งแต่ 10 เดือนขึ้นไป ทำอย่างไรอาหารจานนี้จึงเหมาะกับลูกน้อยทั้งรสชาติ และเนื้อสัมผัส สิ่งแรกก็คือ เลือกใช้ส้มเขียวหวาน รสเปรี้ยวอมหวาน (อย่าหวานอย่างเดียวเพราะลูกจะติดกับอาหารรสหวานไปจนโต) และหมูต้องคลุกแป้งให้ทั่วก่อนนำไปทอดให้ตึงตัว เนื้อหมูจะนุ่มและหวาน วิธีนี้ทำให้น้ำในเนื้อหมูไม่ไหลออกมา เคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อยๆ





เครื่องปรุง

หมูสันนอกหั่นชิ้นพอคำ 200 กรัม
ฟักทองหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วแขกหั่นท่อนสั้น 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
แป้งสาลี 1/4 ถ้วย
เกลือป่น 1/2 ถ้วย
น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย
น้ำซุป 1 ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับทอด


วิธีทำ

1. คลุกเนื้อหมูกับกระเทียม เกลือ หมักไว้ 30 นาที คลุกกับแป้งสาลีพอทั่ว
2. นำเนื้อหมูที่หมักไปทอดพอเหลืองและตึงตัว
3. ใส่เนื้อหมูที่ทอดลงในหม้อ ใส่น้ำซุป น้ำส้มคั้น ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวพอสุกนุ่ม ใส่ฟักทอง ถั่วแขก พอสุกนุ่ม ปิดไฟ ตักใส่จาน เสิร์ฟ



บะหมี่ราดหน้าปลา

เมื่อเด็กได้ผ่านวันเกิดในปีแรก การพัฒนาการต่างๆ ของเขาจะยิ่งมีมากขึ้น ทั้งเรื่องการพูด การเรียนรู้เรื่องต่างๆ ร่างกายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีฟันชิ้นใหม่เป็นชุดๆ ที่สำคัญยิ่งคือ ฟันกรามของฟันน้ำนมจะขึ้นให้เห็นรำไรๆ เด็กจะเจ็บเหงือก แล้วมีอาการพาลเบื่อการเคี้ยวอาหาร และยิ่งในช่วงวัยนี้ เด็กสนใจแต่เรื่องเล่น คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเป็นไปตามพัฒนาการของเด็ก ช่วงหลังขวบปีแรกนี้ อาหารที่ทำให้ลูกน้อยต้องดูน่ากิน รสชาติอ่อน สะอาด วัยเด็กต้องกินปลาให้มากๆ เพราะปลาเป็นอาหารบำรุงสมอง สำหรับอาหารจานเส้น "บะหมี่ราดหน้าปลา" นี้ ต้องตัดให้เป็นเส้นสั้นๆ เพื่อให้เด็กสามารถตักอาหารเข้าปากได้สะดวก

เด็กๆ โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ชอบกลิ่นคาวปลา เราก็นำปลาไปคลุกแป้งสาลีบางๆ พอทั่วก่อน แล้วจึงนำไปทอดในน้ำมันให้เหลือง เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เด็กกินปลาได้ง่ายขึ้น ผักแต่ละชนิดในเครื่องปรุงต้องผัดให้สุก ถ้าเป็นลักษณะสุกๆ ดิบๆ ผักจะแข็งและมีกลิ่นเหม็นเขียว ไม่มีรสหวาน การที่ให้เด็กกินอาหารไม่ซ้ำกันนั้น เท่ากับเป็นการปลูกฝังนิสัยเรื่องการกินที่ดีให้กับเด็กด้วย




เครื่องปรุง

บะหมี่ 2 ก้อน
เนื้อปลากะพงขาวหั่นชิ้นบาง 100 กรัม
มะเขือเทศหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ลูก
หอมใหญ่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 หัว
ข้าวโพดอ่อนลวกหั่นชิ้นเล็ก 3 ฝัก
แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1/4 ถ้วย
น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

1. ลวกบะหมี่ในน้ำเดือดให้สุก ตักขึ้นผ่านน้ำเย็น สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ คลุกกับน้ำมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ ตัดบะหมี่เป็นเส้นยาวพอประมาณ จัดใส่จานไว้
2. นำเนื้อปลาคลุกแป้งสาลีจนทั่ว ทอดพอเหลือง ตักน้ำมันออกให้เหลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่หอมใหญ่เล็กน้อย ผัดพอหอม ใส่ปลาทอด ผัดพอสุก ใส่หอมใหญ่ที่เหลือ ข้าวโพดอ่อน ผัดให้เข้ากัน
3. ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ ซอสมะเขือเทศ มะเขือเทศ ผัดพอมะเขือเทศสุก ตักราดบนบะหมี่ เสิร์ฟ



ซุปกุ้ง

ในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ คุณแม่ต้องระวังเรื่องอาหารการกินของลูกกันเป็นพิเศษ เพราะอากาศเช่นนี้จุลินทรีย์เจริญได้ดี ทำให้อาหารเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอาหารโปรตีนสูงและอาหารที่มีความชื้นมาก หรือถ้าอาหารไม่สะอาด ทำทิ้งไว้นาน อาหารก็เป็นพิษได้เช่นกัน อาการของอาหารเป็นพิษนั้นจะปั่นป่วนในกระเพาะและลำไส้ ท้องเสีย ถ้าเป็นในเด็กอาการจะรุนแรงกว่าในผู้ใหญ่ ดังนั้นคุณแม่ควรต้องลงมือปรุงอาหารเอง ทำอาหารอย่างสะอาดถูกสุขอนามัย อาหารต้องปรุงร้อนๆ ให้ลูก ไม่ทำไว้ค้างคืน ลองมาทำซุปกุ้ง ที่มีเครื่องปรุงเสริมรสอร่อยไม่เหมือนสูตรอื่นกันดู

ซุปกุ้งเป็นอาหารที่ปรุงร้อนๆ ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษแล้ว ยังเป็นอาหารบำรุงสมองที่เด็กควรกิน เพราะในกุ้งมีสารไอโอดีนทำให้เด็กเจริญเติบโตตามวัย ถ้าเด็กขาดไอโอดีนจะมีปัญหาเรื่องสติปัญญา นอกจากนี้ในซุปกุ้งยังมีถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวกล้อง เป็นเครื่องปรุงที่ล้วนช่วยบำรุงเซลส์สมองทั้งสิ้น

ลักษณะของซุปที่ดี ต้องมีความข้นกำลังดี เวลาตักซุปแล้วรินออกจากช้อนจะไหลช้าๆ ถ้าไหลแบบหยดใหญ่จะข้นไป ซุปกุ้งเมื่อใส่นมสดพอเดือด ให้รีบยกลงทันที อย่าตั้งไฟนาน นมจะแตกมันแยกเป็นชิ้น





เครื่องปรุง

กุ้งแชบ๊วยนึ่ง 5 ตัว
ข้าวสวยข้าวกล้อง 1 ถ้วย
ข้าวโพดต้มเอาแต่เมล็ด 1/2 ถ้วย
ถั่วเหลืองต้มสุก 1/4 ถ้วย
หอมใหญ่สับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมสด 1 ถ้วย
น้ำ 3 ถ้วย
เนย 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. บดข้าวสวย ถั่วเหลือง ข้าวโพด เข้าด้วยกันให้ละเอียด แกะเปลืองกุ้ง หั่นชิ้นเล็ก พักไว้
2. ใส่เนยลงในกระทะ ใส่หอมใหญ่ ตั้งไฟกลาง ผัดพอหอม ใส่ส่วนผสมในข้อ 1 ผัดให้ทั่ว
3. ตักส่วนผสมข้อ 2 ใส่หม้อ ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำ เกลือ พริกไทย คนให้ทั่ว ใส่กุ้ง พอเดือดใส่นม คนให้ทั่ว ยกลง ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟกับอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป



ไข่ม้วนสเปน

เด็กบางคนกินอาหารง่าย กินได้ทุกอย่าง บางคนกินอาหารได้เกินวัย อย่างเช่นเด็กอายุ 2 ขวบ สามารถกินมะระต้มหมูได้อย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของพ่อแม่ แต่เด็กบางคนเบื่ออาหารง่าย และบางคนไม่ชอบลองอาหารใหม่ พ่อแม่จึงต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้กินอาหารได้โดยไม่เลือกอาหาร และสามารถกินอาหารได้ตามวัยที่เหมาะสม

วิธีที่จะให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เราต้องการให้เขากินนั้น ก็ต้องใช้วิธีสอดแทรก หรือดัดแปลงไม่ให้เขารู้ว่านั่นคืออาหารที่เขาไม่ชอบกิน เด็กส่วนมากไม่ชอบผัก ฉะนั้นต้องเริ่มให้กินผักที่มีรสหวานก่อน โดยต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในอาหารที่เขาชอบ โดยไม่ให้เห็นว่ามีผักอยู่ "ไข่ม้วนสเปน" จึงเป็นอาหารทางเลือกหนึ่งให้เด็กได้กินผักในอีกรูปแบบหนึ่ง





เครื่องปรุง

ไข่ไก่ 3 ฟอง
แฮม 1/2 แผ่น
เห็ดฟางหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 50 กรัม
พริกหวานหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 50 กรัม
หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 50 กรัม
มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 50 กรัม
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
เนยแข็งขูด (Parmesan) 1/4 ถ้วย
เนยแข็งชนิดแผ่น 1/2 แผ่น
เนย 2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. ใส่เนย 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เห็ดฟาง หอมใหญ่ พริกหวาน มะเขือเทศ ผัดพอทั่ว ใส่ซอสมะเขือเทศ เกลือ พริกไทย ผัดพอสุกทั่ว ใช้เป็นไส้
2. ใส่เนยที่เหลือลงในกระทะแบน ตั้งไฟกลางพอร้อน ต่อยไข่ใส่ ตีให้เข้ากัน ใส่ไข่ลงในกระทะ กลอกไข่ให้เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้ที่ผัดในข้อ 1 ให้ทั่ว โรยด้วยเนยแข็งขูด พับครึ่ง ตักใส่จาน
3. วางแฮม เนยแข็งชนิดแผ่น เข้าเตาไมโครเวฟ กำลังไฟ 100% นาน 2 นาที พอเนยแข็งละลายเอาออกจากเตา รับประทานกับมันฝรั่งทอด และมะเขือเทศอบ

หมายเหตุ อาหารจานนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป



โจ๊กตับไก่

ตับ เครื่องในสัตว์อันอุดมไปด้วยสารโปรตีน และธาตุเหล็ก สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี ตับ เป็นอาหารที่มีเนื้อนุ่ม เคี้ยวง่าย รสอร่อย ทำเป็นอาหารเด็กได้อย่างดี เริ่มทำเป็นอาหารเสริมของเด็กอายุวัย 3 เดือน ช่วงนี้ให้ใช้น้ำต้มตับมาผสมกับข้าวครูดเท่านั้น ต่อมาเมื่อเด็กอายุได้ 4 เดือนขึ้นไป เปลี่ยนมาใช้ตับที่ต้มจนสุกนุ่ม สับให้ละเอียด แล้วมาใช้ช้อนบดให้ละเอียดรวมกับข้าว ฟักทอง หรือผักใบเขียวที่ต้มจนสุกนุ่ม แล้วเมื่อเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ก็เพียงหั่นตับต้มชิ้นเล็กๆ ใส่ในอาหารชนิดต่างๆ ได้เลย รวมถึงโจ๊กตับไก่รายการนี้ด้วย

โจ๊กตับไก่ ใช้ได้ทั้งตับไก่ ตับหมู ที่สำคัญต้องเลือกตับที่สดใหม่ และต้องเป็นตับที่ไม่มีดีแตก โดยเฉพาะตับไก่ ถ้ามีดีแตกจะมีสีเขียวๆ ติดอยู่ เพราะถ้าเด็กกินแล้วตับมีรสขมแม้แต่นิดเดียว เด็กก็จะไม่กินอีกเลย อาหารจากตับถ้วยนี้ควรจัดไว้ในรายการอาหารสำหรับเด็กอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง

ผักทุกชนิดที่ใส่ในโจ๊กตับไก่ต้องสุกนุ่ม เพราะเด็กบางคนไม่ชอบเคี้ยวจะคายผักทิ้งทันที โจ๊กตับไก่ควรใส่น้ำมันพืชลงไปด้วย เพื่อช่วยให้วิตามินเอที่มีอยู่ในผักละลายออกมา ร่างกายจึงนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่





เครื่องปรุง

ปลายข้าวหอมมะลิ 1/2 ถ้วย
ตับไก่ 2 คู่
ไข่ไก่ฟองเล็กลวก 2 ฟอง
ตำลึงเด็ดเป็นใบหั่นหยาบ 1 ถ้วย
แครอทหั่นสี่เหลี่ยมเล็กต้มสุก 1/4 ถ้วย
ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเล็กต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำซุปไก่ 4 ถ้วย
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. ล้างตับไก่ ตั้งน้ำให้เดือดจัด ใส่ตับลงไปต้มให้สุก ตักขึ้นทิ้งไว้ให้เย็น หั่นเป็นชิ้นเล็กคลุกกับน้ำมันพืช
2. ซาวปลายข้าว 1 ครั้ง ต้มปลายข้าวกับน้ำซุปไก่จนข้าวสุกนุ่ม
3. ใส่แครอท ฟักทอง พอสุกใส่ตับไก่ ผักตำลึง ต้มต่อด้วยไฟอ่อนจนผักนุ่ม
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว คนพอทั่ว
5. ตักใส่ถ้วย ต่อยไข่ลวกใส่ เสิร์ฟ

หมายเหตุ วิธีการลวกไข่ ให้ล้างไข่ให้สะอาด ตั้งน้ำให้เดือดจัด ปิดไฟ ใส่ไข่ลงในหม้อ ปิดฝาทิ้งไว้ 5 นาที ตักขึ้นก็จะได้ไข่ลวกที่กำลังกิน



วุ้นนม

เมื่อลูกน้อยอายุได้ 1 ขวบขึ้นไป คุณแม่สามารถเริ่มให้ขนมหวานได้ โดยขนมหวานต้องให้เวลาหลังอาหาร ถ้าให้ก่อนจะทำให้ลูกกินข้าวได้น้อยลง ขนมหวานของเด็ก ต้องมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ไม่เพียงเท่านี้ ถ้าอยากให้ลูกกินขนมหวานที่มีประโยชน์ ขนมนั้นต้องมีสีสันและรูปร่างที่ดึงดูดด้วย เพื่อแน่ใจว่าลูกน้อยได้กินขนมที่สะอาด ปลอดภัย คุณแม่ควรลงมือทำเอง โดยเลือกขนมที่ทำง่ายอย่าง "วุ้นนม"

สำหรับวุ้นนมสูตรนี้ ใช้นมข้นหวานแทนน้ำตาลในการทำ จะได้วุ้นสีขุ่นด้วยนมข้นหวาน รสหวานมัน ลักษณะของวุ้นจะนุ่มมีสปริง แล้วทั้งส่วนผสมตัววุ้นและหน้าวุ้นยังใส่นมข้นจืดอีกด้วย วุ้นนมจึงได้คุณค่าทางโภชนาการจากนมที่มีทั้งสารโปรตีนและแคลเซียม

ในการทำวุ้นนี้ต้องเคี่ยววุ้นให้ได้ที่ ถ้าเคี่ยวไม่ดีวุ้นจะไม่เหนียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของวุ้นที่ใช้ด้วย วุ้นบางยี่ห้อเปื่อยไม่เหนียว การทำวุ้นนมต้องเคี่ยววุ้นก่อน แล้วค่อยใส่นมข้นจืด ถ้าใส่นมลงไปเลยนมจะเป็นเม็ด เพราะโปรตีนในนมจับตัวเป็นก้อน นั่นคือโปรตีนของนมแข็งตัว ตัววุ้นจึงมีก้อนนมเป็นจุดเล็กๆ ก็ดูไม่น่ารับประทาน





ส่วนผสมตัววุ้น

นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
นมข้นจืด 2/3 ถ้วย
วุ้นผง 2 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำ 2 ถ้วย


วิธีทำ

1. ผสมนมข้นหวาน วุ้นผง น้ำ เกลือ คนเข้าด้วยกัน ตั้งไฟอ่อน เคี่ยวพอวุ้นละลาย ใส่นมข้นจืด ตั้งไฟต่ออีกครั้ง คนให้เข้ากัน
2. เทใส่พิมพ์รูปแบบตามชอบ โดยใส่ขนาด 3/4 ของพิมพ์

ส่วนผสมหน้าวุ้น

นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
น้ำหวานสีต่างๆ 2 ถ้วย
นมข้นจืด 2/3 ถ้วย
วุ้นผง 2 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. ผสมน้ำหวาน นมข้นหวาน วุ้นผงเข้าด้วยกัน ตั้งไฟพอเดือด ใส่นมข้นจืด คนให้ทั่วจนวุ้นละลาย
2. หยอดทับวุ้นชั้นแรกขณะอุ่นๆ อย่างเบามือ หยอดให้เต็มพิมพ์ ก่อนหยอดสังเกตว่าวุ้นชั้นแรกเริ่มตึงตัว แต่ยังไม่แข็ง
3. ทิ้งไว้ให้แข็งตัว แซะออกจากพิมพ์




ขอขอบคุณข้อมูลภาพจาก naichef






Create Date : 21 มีนาคม 2552
Last Update : 21 มีนาคม 2552 9:51:10 น. 5 comments
Counter : 20009 Pageviews.

 
ขนาดผู้ใหญ่เห็นยังน้ำลายสอเลยค่ะ


โดย: sweetie bakery วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:12:32:19 น.  

 
บ้านนี้ไม่มีเด็กแล้ว แต่ก็ยังอยากลอกไปทำหม่ำหลายเมนูเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับสูตรนะคะ


โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:14:18:21 น.  

 
อาหารเด็กๆน่าทานทั้งนั้นเลย


โดย: ยายกุ๊กไ่ก่ วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:14:29:08 น.  

 
ถึงไม่เด็กแบ้ว ก็อยากจะหม่ำ ๆ อ่า

 


คุณพี่ชิน ปั๊กใส่หมวก ที่หล่อที่สุดในโลก


นางฟ้า(จอมแก่น) กับหมาหน้าดำ ^^



โดย: peeshin วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:15:17:15 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ 2013 จ้า.....

Image by สุขภาพสุขภาพช่องปากliveประเพณีไทยตรวจหวย


โดย: konseo วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:16:48:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.