นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

คัมภีร์ต้านโรคซึมเศร้าไม่ให้เข้ามาแทรกซึมเรา



คัมภีร์ต้านโรคซึมเศร้าไม่ให้เข้ามาแทรกซึมเรา

เชื่อว่าสองสามปีมานี้ “โรคซึมเศร้า” ได้กลายเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยขึ้นเหมือนโรคมะเร็งเลยก็ว่าได้ เพราะในวงสังคมรอบๆ ตัวเราต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่เคยป่วยเป็นโรคนี้แน่ๆ ซึ่งปัจจัยก็มีหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งสภาพแวดล้อม ความเครียดสะสม เคมีในสมองผิดปกติ รวมถึงการจมอยู่ในความทุกข์ตลอดเวลาก็ยิ่งส่งผลให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

👨‍⚕️ซึ่งวันนี้หมอมีเทคนิคการรับมือไม่ให้เราก้าวเข้าไปสู่ด้านมืดของโลกซึมเศร้ามาฝาก รับรองว่าทำตามแล้วช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ขึ้นกับตัวเราได้แน่นอน

* สิ่งแรกคือต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียของตัวเรา เพื่อช่วยให้คุณรับมือกับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจหรือผิดหวังได้ ที่สำคัญต้องรู้จักขอบคุณตัวเองและแสดงความภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ รวมถึงหมั่นสังเกตความสุขเล็กๆ น้อยๆ ด้วย เช่น วันนี้ออกจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้า แค่รถมาเร็วไม่ต้องรอนานก็สามารถเปลี่ยนทัศนะคติให้เป็นความสุขได้แล้วเห็นไหม ฝึกมองเรื่องต่างๆ รอบตัวให้เป็น Positive Thinking ฝึกมองคนอื่นในแง่ดีและรู้จักชื่นชมคนอื่นก็ช่วยให้เราไม่ทุกข์แล้ว

* ต่อมาอย่าเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีอัดอั้นเอาไว้ข้างใน การระบายและปลดปล่อยความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เศร้า เสียใจ ร้องไห้ ก็ช่วยให้ร่างกายได้รีแล็กซ์ลงมาบ้างแล้ว อาจจะเริ่มจากการพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ หรือไปร้านคาราโอเกะเพื่อตะโกนให้สุดเสียง หรือร้องไห้ออกมาดังๆ เมื่อเราไม่ไหว หรือเปลี่ยนความรู้สึกลงในสมุดบันทึกอะไรเหล่านี้ ก็จะช่วยให้รู้สึกดีกว่าเก็บเอาไว้ในใจ โดยแบกความเครียดเอาไว้เพียงคนเดียวนะ

* ที่สำคัญช่วงวันหยุดให้หาโอกาสออกไปเที่ยวบ้าง เพราะการหนีจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวจะทำให้เห็นโลกในมุมมองใหม่ๆ การที่ได้ไปพบเห็นผู้คน วัฒนธรรม และสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด ความเศร้า รวมถึงการออกท่องเที่ยวจะช่วยทำให้กลับมาแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้นอีกด้วย

* และในช่วงเวลาที่หม่นหมอง การพาตัวเองไปอยู่กับความสนุกสนาน เช่น ดูหนังตลก พูดคุยกับเพื่อนๆ เรื่องขำขัน หรือแม้กระทั่งนั่งเล่นกับสัตว์เลี้ยงคู่ใจ ก็ช่วยให้อารมณ์ของเราผ่อนคลายลงได้ ถึงแม้ในบางครั้งจะเครียดหรือเศร้า แต่ถ้ามีสภาพแวดล้อมที่ดีไร้ความหม่นหมองก็ช่วยให้คลายเครียดคลายเศร้าได้เช่นกันนะ

* และที่สำคัญการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเพิ่มระดับสารเคมีเซโรโทนินในสมอง และเพิ่มการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายและอารมณ์ดี แถมสุขภาพด้านอื่นๆ ก็ดีขึ้นตามด้วย พอสุขภาพดีไร้โรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ในมิติสุขภาพก็จะหายไปด้วย เรียกว่าออกกำลังกายทีเดียว ช่วยได้แบบ 2 in 1 เลยก็ว่าได้

📌หรือหากไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้จริงๆ ก็อย่าลังเลที่จะไปพบจิตแพทย์นะ เพราะเราคือคนป่วย ใครๆ ก็ป่วยกันได้ ฉะนั้นคนป่วยที่มาหาหมอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะโรคซึมเศร้าคือ “โรค” การป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” เราสามารถรักษาหายได้นะ ไม่ใช่เป็นแล้วเป็นเลยต้องป่วยตลอดชีวิตเน้อ




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2563   
Last Update : 24 ธันวาคม 2563 10:13:53 น.   
Counter : 657 Pageviews.  


4 ของใช้ใกล้ตัว ที่กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว



4 ของใช้ใกล้ตัว ที่กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว

จริงอยู่ที่เราได้รับการพร่ำบอกเรื่องการป้องกันไวรัส ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย และการหมั่นล้างมือบ่อยๆ กันมาตั้งแต่ต้นปี แต่เชื่อเถอะว่า! ยังมีจุดที่เรามองข้ามอาจหลงลืมทำความสะอาดมันไปทุกครั้งที่เราออกไปผจญภัยนอกบ้าน และของเหล่านี้ก็อาจนำพาเชื้อโรคเข้าบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ด้วย นั่นก็ครืออออออออ

🔹 โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต อันนี้เรียกว่าพกไปนอกบ้านทุกวัน บางทีล้างมือแล้ว แต่เอามือไปหยิบจับโต๊ะ ราวบันได ขอบประตู เสร็จแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาไถเพื่อเช็คไลน์ เช็คเฟสบุ๊คต่อ ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ทำไมมันถึงอมเชื้อโรคไว้ได้เยอะขนาดนั้นนะ

เวลาคลีนก็แนะนำให้เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั่วไปนี่แหละ แต่ควรถอดเคสออกมาเช็ดด้วย อย่าเช็ดแต่หน้าจออย่างเดียวนะ

🔹 กระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าถือ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่เราหยิบจับกันวันละหลายต่อหลายรอบ รวมถึงเป็นจุดที่เรารับเงินจากคนแปลกหน้ามาใส่กระเป๋าตังค์เราตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นก็ควรหมั่นทำความสะอาดเอาไว้ด้วยนะ หากเป็นกระเป๋าหนังหรือไวนิล ควรเช็ดด้วยสเปรย์ฆ่าเชื้อ ส่วนกระเป๋าผ้าให้นำไปซักแล้วแขวนตากแดดให้แห้งก็เพียงพอแล้ว

🔹 นาฬิกาข้อมือ เรียกว่าคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 นาฬิกามีไว้ใส่ ไม่ได้มีไว้ล้างกันแน่ๆ เพราะพี่หมอรามก็เป็น 555 ฉะนั้นก็ควรหมั่นเอามาล้างบ้างนะหลักๆ ก็แค่เช็ดสายและตัวเรือนด้วยการนำผ้าชุบแชมพูอ่อนๆ หรือน้ำสะอาด หรือใช้แปรงสีฟันช่วยขัดตามซอกต่างๆ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าแห้งนุ่มๆ แล้วใช้ไดร์เป่าไล่ความชื้น ที่ระดับอุณหภูมิไม่สูงมากนัก ไม่อย่างนั้นร้อนเกินไปอาจทำให้นาฬิกาบางชนิดมีอาการอ๊องขึ้นมาได้เน้อ ระวังกันด้วย

🔹 แว่นตา เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายต่อหลายคนใส่อย่างเดียวแต่ไม่เคยล้างเลย ไม่รู้ว่าวันๆ นึงเราพาเจ้าแว่นตาไปเจอเชื้อโรคมากมายขนาดไหนแล้วบ้าง ฉะนั้นเวลาล้างควรล้างทั้งตัวกรอบแว่นตาและเลนส์ โดยใช้น้ำยาล้างแว่นตาหรือผสมน้ำยาล้างจาน 1 หยดกับน้ำ 1 แก้วให้เจือจาง แล้วนำมาล้างแว่น เสร็จแล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดให้สะอาดก็เป็นอันเรียบร้อย

หรือใครมีของอื่นๆ ที่พกไปไหนมาไหนข้างนอกเป็นประจำ เช่น หูฟัง หรือพาวเวอร์แบ้งค์ ก็อย่าลืมหมั่นนำมาคลีนกันด้วยนะครับ ของชิ้นนั้นๆ จะได้ไม่เป็นพาหะที่แอบลักลอบขนเชื้อโรคเข้าบ้านของคุณนั่นเอง




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2563   
Last Update : 21 ธันวาคม 2563 10:07:22 น.   
Counter : 1270 Pageviews.  


ปัญหาฟันที่เจอบ่อยในวัยทำงาน



ปัญหาฟันที่เจอบ่อยในวัยทำงาน

👩‍💻เชื่อว่าคงเคยได้ยินบทความที่โจมตีว่าวัยทำงาน คือวัยที่ละเลยเรื่องสุขภาพมากันจนชินชาแล้วแน่ๆ แต่จะบอกว่าอย่าเบื่อเลย เพราะวันนี้มีอีกบทความหนึ่งที่มายืนยันว่า วัยทำงานนอกจากจะละเลยลืมดูแลสุขภาพร่างกายแล้ว ยังละเลยสุขภาพในช่องปากอีกด้วย

ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของคนวัยทำงาน ส่วนใหญ่มาจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ มักจะมีพฤติกรรมชอบกินจุบกินจิบ กินขนมคบเคี้ยว ขนมหวาน อมลูกอม กินเสร็จก็ตามด้วยเครื่องดื่มหวานอีก กว่าจะแบกร่างตัวเองฝ่ารถติดกลับถึงห้อง นั่งพักเล่นกับแมว ดูซีรี่ย์อีกซักตอนสองตอน ถ้าเพลินก็อาจจะไหลไปสี่ห้าตอน จนกระทั่งแปรงฟันอีกทีก็ลากไปเกือบเที่ยงคืน หรือถ้าดูซีรี่ย์เพลินมากๆ ก็ขี้เกียจแปรงฟันในคืนนี้แล้วไปรวบยอดในตอนเช้าอีกทีเลย

ซึ่งพฤติกรรมการละเลยการแปรงฟัน หรือแปรงแบบลวกๆ ให้มันจบๆ ไป จะทำให้คราบสกปรกทั้งหลายก่อตัวในช่องปากกันอย่างสนุกสนาน นานวันเข้าก็ทำให้เสี่ยงฟันผุ เหงือกอักเสบ เกิดคราบหินปูนสะสม หรือมีกลิ่นปาก ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพได้

นอกจากนี้การเคี้ยวฟันโดยไม่รู้ตัวขณะเครียดก็เสี่ยงต่อการเกิดฟันบิ่น หรือฟันแตกหักได้ด้วย เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายฟันทางอ้อมที่เราไม่รู้ตัว รวมไปถึงบางคนชอบดื่มชา กาแฟ หรือสูบบุหรี่ทุกวัน ก็อาจจะทำให้มีคราบสีเกาะติดตามผิวฟันและซอกฟันดูแล้วไม่สวยงามเวลายิ้ม บางรายสีฟันเด่นชัดยิ่งกว่าผักติดฟันเสียอีก

📌ดังนั้นไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนก็อย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันกันด้วย หากยังไม่มีเวลาไปพบทันตแพทย์ก็ให้ลองเริ่มต้นดูแลช่องปากด้วยวิธีเหล่านี้ก่อนก็ได้

* ฟันเหลืองจากคราบบุหรี่ ชา กาแฟ ป้องกันได้ด้วยการลดการสูบบุหรี่ ลดการดื่มชา กาแฟ ให้น้อยลงหน่อย ร่วมกับการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันบ่อยๆ กรณีที่คราบสีติดแน่นควรไปพบทันตแพทย์เพื่อขัดฟันทำความสะอาดขจัดคราบสีออกไป เพราะบางทีการแปรงฟันอย่างเดียวก็อาจจะไม่เพียงพอ

* ฟันผุ ป้องกันได้ด้วยการแปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันหลังทานอาหารทุกมื้อ หลีกเลี่ยงอาหาร ผลไม้ ขนมขบเคี้ยวที่มีรสหวานจัด เปรี้ยวจัด เหนียวติดฟัน น้ำอัดลม โซดา

* กลิ่นปาก สำหรับกลิ่นปากที่มีสาเหตุจากในช่องปาก เกิดได้จากฟันผุ ฟันคุด และเหงือกอักเสบ แก้ไขได้ด้วยการแปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอทุกวัน รวมถึงทำความสะอาดลิ้นด้วยทุกครั้งที่แปรงฟัน

* คราบหินปูนและเหงือกอักเสบ เกิดจากการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดีพอ จนเกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ตามขอบเหงือกและซอกฟัน เมื่อสะสมมากขึ้นก็จะกลายเป็นคราบหินปูนและทำให้เหงือกเกิดการอักเสบได้ วิธีการรักษาอาจต้องขูดหินปูน เกลารากฟัน หรืออาจจะต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งควรที่จะต้องปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง

* ฟันแตกหักหรือบิ่น เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ฟันผิดประเภท ใช้ฟันกัดแทะอาหารที่แข็งเกินไปบ่อยๆ หรือการบดเคี้ยวฟันขณะเครียดหรือเวลานอน ซึ่งปัญหาฟันแตกหักหรือบิ่น ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยทันตแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหา

➡️ นอกจากจะหมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว ก็ควรต้องไปพบทันตแพทย์ตรวจสุขภาพฟันและเช็คปัญหาภายในช่องปาก ทุกๆ 6 เดือนด้วยนะครับ ที่ย้ำเรื่องไปพบหมอฟันทุก 6 เดือนนี่ไม่ใช่อะไร เพราะหากตรวจพบความผิดปกติอื่นๆ ในช่องปาก เช่น ฟันผุเริ่มต้น ฟันโยก ฟันคุดหรือฟันล้ม ถ้าหมอเจอก่อนก็จะได้รีบแก้ไขปัญหาแต่เนิ่นๆ เหมือนกับเราเข้าไปเช็คระยะรถยนต์ หากน้ำมันเครื่องขาด แต่ลากวิ่งไปเป็นปี เกิดปัญหาขึ้นมาทีค่าซ่อมก็แพงหูฉีกเลยทีเดียว ดังนั้นฟันของเราก็เช่นกัน อย่าลืมไปเช็คระยะฟันปีละ 2 ครั้งกันด้วยนะครับ




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2563   
Last Update : 17 ธันวาคม 2563 11:33:38 น.   
Counter : 692 Pageviews.  


วิธีสังเกต “ปวดคอ” ธรรมดา หรือมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท



🔎 วิธีสังเกต “ปวดคอ” ธรรมดา หรือมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท

สังเกตง่ายๆ หากเป็นการปวดกล้ามเนื้อคอธรรมดา เวลาก้มคอลงอาการปวดจะยิ่งชัดเจน แต่ถ้ามาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น หมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท เวลาก้มคอลงจะรู้สึกสบาย แต่ถ้าแหงนคอขึ้นจะรู้สึกปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาท

🔺 การตรวจวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท แพทย์จะเอกซเรย์ผู้ป่วยด้วยท่ายืนหน้าตรง ด้านข้างและท่าก้ม-เงย ซึ่งจะบอกรอยโรคได้ดีกว่า หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ก็จะแสดงให้เห็นภาพหมอนรองกระดูกคอระบบเส้นประสาทได้อย่างชัดเจน หรือหากจะดูละเอียดลงไปอีกในเรื่องของตัวกระดูกคอและหินปูนเกาะ ก็สามารถตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ร่วมกับการฉีดสารทึบแสงรังสีเข้าไปในช่องไขสันหลังก็จะได้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้น

หากอาการปวดคอที่เกิดขึ้นยังอยู่ในระยะเล็กน้อย เป็นแค่อาการเคลื่อนของหมอนรองกระดูก ก็อาจรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนั่งทำงาน ไม่นั่งท่าเดียวนานๆ หรือทำกายบริหารคอ ...(📌 ท่าบริหารลดอาการปวดคอ คลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/114) เท่านี้อาการปวดคอก็จะบรรเทาเบาบางลงจนกระทั่งหายไปได้

แต่หากปวดคอเรื้อรังมานาน เนื่องจากหมอนรองกระดูกคอเสื่อมสภาพแล้ว หรือหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท การรักษาที่ดีที่สุด คือการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกคอเทียม โดยเมื่อผ่าตัดแล้วอาการปวดที่เคยมีก็จะหายไปได้​ https://youtu.be/SyL-TuzFwDw




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2563   
Last Update : 16 ธันวาคม 2563 11:39:58 น.   
Counter : 659 Pageviews.  


รับมืออย่างไร? เมื่อฝุ่นจิ๋ว PM2.5 กลับมา



😷 รับมืออย่างไร? เมื่อฝุ่นจิ๋ว PM2.5 กลับมา

นอกจากจะต้องสู้กับโควิด-19 แล้ว ในช่วงนี้ชาวกรุงเทพฯและปริมณฑลยังต้องพร้อมรับมือกับ “ฝุ่น PM 2.5” ที่กลับมาทักทายอีกครั้ง ตอนนี้ก็เริ่มวัดค่าฝุ่นได้บางจุดว่าอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว

หลายคนก็อาจจะเริ่มชินและรู้สึกว่ามันคือเรื่องธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นผลกระทบที่มีต่อสุขภาพก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อยเลยนะครับ...โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างเช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ขอย้อนกลับไปเล่าถึงความร้ายกาจของเจ้า “ฝุ่น PM 2.5” คร่าวๆ ให้ทราบกันอีกสักทีว่ามีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?

เจ้าฝุ่น PM 2.5 นี้มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือเล็กกว่าเส้นผมของเรา ลอยปะปนอยู่ในอากาศไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ คนทั่วไปที่สูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป จะมีอาการระคายเคืองจมูก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบการหายใจ รวมถึงผู้ที่ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด จะทำให้โรคที่เป็นอยู่กำเริบขึ้นมาได้ ส่วนในระยะยาวอาจทำให้เป็นมะเร็งปอด การทำงานของปอดแย่ลงและทำให้มีปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาอีกมากมาย

และเมื่อยังคงต้องทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไปหนีไปไหนไม่ได้ ก็ต้องหาทางหลีกเลี่ยงและป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใส่หน้ากาก N95 แต่ถ้าหาไม่ได้ เราสามารถทดแทนได้ด้วยการนำ Dura Mask หรือแมสปิดหน้าสีเขียวๆ ที่เราเห็นหมอใส่กันในห้องผ่าตัดนี่แหละ นำมารวมร่างกับทิชชู่เนื้อละเอียด 2 แผ่น (พวกทิชชู่แบบดึง) พับให้เหลือขนาดประมาณ 3x5 นิ้ว วางตามแนวยาวของแมส แล้วใส่แมสให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิธีนี้สามารถป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ในระดับใกล้เคียงกับการใส่หน้ากาก N95 เลยนะ ยังไงช่วงนี้ก็อย่าลืมหาหน้ากากมาใส่ป้องกันกันด้วยหล่ะ.. และที่สำคัญต้องใส่และปรับหน้ากากให้แนบกับใบหน้าที่สุดเพื่อประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น

ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นตรวจสอบคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด แนะนำให้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Air Visual หรือ Air4Thai ติดเครื่องไว้ จะได้ตรวจสอบแบบ Real Time ได้ว่าขณะนี้ฝุ่นเยอะแค่ไหน? ควรใส่หน้ากาก N95 หรือยัง และควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันฝุ่นนะครับ..




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2563   
Last Update : 14 ธันวาคม 2563 15:49:30 น.   
Counter : 607 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com