นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

นอนกรนเบอร์ไหน? อันตรายถึงชีวิต



นอนกรนเบอร์ไหน? อันตรายถึงชีวิต

ใครเป็นคนที่ “นอนกรน” หรือบ้านใครมีคนที่นอนกรนเป็นประจำอยู่โปรดฟังทางนี้ การนอนกรนนั้นมีสองแบบด้วยกัน คือนอนกรนเสียงดังทั่วไป กับนอนกรนแล้วเสี่ยงเป็นอันตรายกลุ่มนอนกรนเสียงดังก็ไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไรมาก นอกจากมลพิษทางเสียงของคู่นอน ส่วนคนที่นอนกรนแบบอันตรายนั้น ส่งผลไปยังสุขภาพทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่มแล้ว การนอนกรนบางประเภทอาจส่งผลร้ายที่ทำให้เราหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ด้วย แปลง่ายๆ ก็คือเสี่ยงเป็นไหลตายได้เลยนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วยังส่งผลให้สมาธิสั้น ความจำไม่ดี การเผาผลาญอาหารแย่ลง ทำให้เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับสมองและหลอดเลือดหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง และยังทำให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง ส่งผลให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย

🔸 ซึ่งในเบื้องต้นเราสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง โดยอาจเป็นการบันทึกเสียงไว้ขณะนอนหลับหรือให้คนใกล้ชิดสังเกตและเล่าให้ฟังว่าขณะนอนหลับเรามีอาการเหล่านี้หรือไม่?

✔️ กรนเสียงดังมากจนรบกวนผู้อื่น

✔️ กรนสลับกับหยุดหายใจเป็นช่วงๆ

✔️ กรนแล้วสะดุ้งเฮือกเพื่อหาอากาศหายใจ โดยไม่รู้สึกตัว

✔️ อาการร่วมอื่นๆ อย่างเช่น ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ไม่สดชื่นในตอนเช้า เวียนหัว ง่วงมากผิดปกติในตอนกลางวัน

หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยและหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะ เพราะนอกจากอาการกรนแล้วยังอาจพบว่ามีภาวะหยุดหายใจเกิดขึ้นร่วมด้วย

สาเหตุหลักๆ ของคนนอนกรนส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะเป็นอันดับแรกๆ รองลงมาก็เกิดขึ้นกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้บริเวณโพรงจมูก จมูกเบี้ยวหรือคด รูปหน้าหรือคางผิดปกติ ต่อมทอนซิลโต ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจำ หรือหญิงวัยหมดประจำเดือน ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ด้วยทั้งสิ้น

ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถทำได้ด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการการนอน (SleepTest) ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ขณะนอนหลับจะทำให้แพทย์ทราบประเภทการนอนกรนและความรุนแรงของโรคของผู้ป่วยได้ว่าอยู่ในภาวะนอนกรนธรรมดาที่ไม่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย หรือกรนอันตราย ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับร่วมด้วย เพื่อการรักษาที่ให้ผลดีกับผู้ป่วยมากที่สุด

การรักษาโรคนอนกรนมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุผิดปกติที่ตรวจพบและความรุนแรง ตั้งแต่การรักษาทางยา เช่น การรักษาภาวะภูมิแพ้ การปรับพฤติกรรม เช่น ปรับท่านอน ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ไปจนถึงการรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษ เช่น การใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุกระชับเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปากและคอที่หย่อนตัว หรือการผ่าตัดรักษา และเครื่อง CPAP ที่ช่วยแก้ปัญหาให้คนที่นอนกรนให้สามารถกลับมานอนหลับได้ตามปกติ และหลับสนิทกว่าทุกคืนที่ผ่านมา

📌 ทำความเข้าใจโรคนอนกรนคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/63




 

Create Date : 15 มีนาคม 2564   
Last Update : 15 มีนาคม 2564 11:20:30 น.   
Counter : 645 Pageviews.  


โรคอ้วนควรอ่าน! ฟิตสมรรถภาพร่างกาย



โรคอ้วนควรอ่าน! ฟิตสมรรถภาพร่างกาย

🔸 คำว่า “อ้วน" แค่ได้ยินเบาๆ ก็เจ็บ เจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกาย เพราะเมื่อเริ่มอ้วนเราก็จะเริ่มมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ อย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ข้อเข่าเสื่อม โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ ไขมันในเลือดสูง หรือโรคอื่นๆ ตามมา แต่ในเมื่อยังลดน้ำหนักไม่ได้ ไหนๆ จะอ้วนแล้วแต่ก็อยากจะมีสุขภาพที่ดีด้วยต้องทำยังไง

การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดี ถ้าทำเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นช่วยลดปริมาณไขมันที่สะสมในช่องท้องและใต้ผิวหนังให้น้อยลงได้ แถมยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน และที่สำคัญช่วยให้เราสามารถลดหรือควบคุมน้ำหนักที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุด

📌 แต่สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ จำเป็นจะต้องเริ่มทำอย่างระมัดระวังและเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมเนื่องจากคนอ้วนมักจะเสี่ยงต่อการมีโรค หรือภาวะที่เป็นข้อห้ามในการออกกําลังกาย ดังนั้นการออกกำลังกายที่ให้ได้ตามเป้าหมายและประสบความสำเร็จควรต้องปฏัติตามนี้
.
* มีความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคในอนาคต

* เข้ารับการประเมินและวางแผนการออกกำลังกายโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดโปรแกรมการออกกำลังกายเฉพาะบุคคลที่มีความเหมาะสมและปลอดภัย

* ออกกำลังกายในระยะแรก ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ

* กลับไปออกกำลังตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ อาจมีการเข้ามารับการประเมินความก้าวหน้าและเรียนรู้การออกกำลังเพิ่มเติมเพื่อผลที่ดีขึ้น

👉 นอกจากนี้การใช้ชีวิตประจำวันที่กระฉับกระเฉง ลดการใช้เครื่องทุ่นแรง ทานอาหารอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้การลดน้ำหนักได้ผลดีขึ้นและมีสุขภาพดีได้แบบยั่งยืนมากขึ้นอย่างแน่นอน..




 

Create Date : 12 มีนาคม 2564   
Last Update : 12 มีนาคม 2564 14:11:29 น.   
Counter : 578 Pageviews.  


"ไซนัสอักเสบ" โรคจุกจิกน่ารำคาญที่รักษาให้หายได้



"ไซนัสอักเสบ" โรคจุกจิกน่ารำคาญที่รักษาให้หายได้

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยชื่อโรคไซนัสอักเสบกันมาบ้างแล้วหล่ะ หลายคนอาจมองว่ามันเป็นโรคที่ดูไกลตัว แต่แท้จริงแล้วมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตาม

สาเหตุหลักๆ เลยเกิดจากการอุดตันของช่องไซนัส บางคนที่มีน้ำมูกเหนียวข้น การบวมตัวของเยื่อบุ หรือเป็นริดสีดวงจมูก จะส่งผลให้ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบมีอาการแน่นจมูก น้ำมูกเขียว ปวดหัวหรือปวดหัวตาได้ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นปัญหากวนใจการใช้ชีวิตประจำวันอยู่พอสมควร

การรักษาไซนัสอักเสบส่วนใหญ่ต้องอาศัยระยะเวลา บางชนิดอาจหาย แต่โอกาสกลับมาเป็นใหม่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน ทางที่ดีคือการรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีจะเป็นการช่วยให้รักษาง่ายกว่าเป็นระยะเรื้อรัง

เพราะหากปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือติดเชื้อลามไปยังจุดสำคัญ เช่น สมองหรือดวงตา ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษาและอาจทำให้เสียชีวิตได้ด้วย

📌 ปัจจุบันไซนัสอักเสบสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัดแบบ Full House FESS ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้องเข้าทางจมูกแบบเปิดโพรงไซนัสทั้งหมด ให้เชื่อมต่อกับโพรงจมูกเพื่อระบายหนองและเชื้อราออก รวมทั้งสามารถให้ยาหรือล้างจมูกเพื่อลดการอักเสบได้เต็มที่จึงทำให้อาการไซนัสหายขาดได้

การผ่าไซนัสนับว่าเป็นการผ่าตัดที่แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญสูง เพราะบริเวณที่ทำอยู่ใกล้ดวงตาและมีเส้นประสาทอยู่มาก ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและต้องใช้ทีมแพทย์ที่ชำนาญการเฉพาะทาง จึงช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และสามารถแก้ปัญหาไซนัสอักเสบได้ในครั้งเดียว

📒 ทำความเข้าใจโรคไซนัสอักเสบ และวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดแบบ Full House FESS คลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/229




 

Create Date : 10 มีนาคม 2564   
Last Update : 10 มีนาคม 2564 13:50:27 น.   
Counter : 1518 Pageviews.  


เป็นความดันโลหิตสูง ออกกำลังกายอย่างไร?


เป็นความดันโลหิตสูง ออกกำลังกายอย่างไร?

📒 จากการศึกษาวิจัยยืนยันแล้วว่าผู้ที่มี “ความดันโลหิตสูง” การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถป้องกันและควบคุมโรคได้ผลดีกว่าการพึ่งยาเพียงอย่างเดียว

ในผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ โดยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือด ลดไขมันทั้งในร่างกายและหลอดเลือด ทำให้ความต้านทานในหลอดเลือดลดลง หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น ทำให้ปริมาณเลือดที่สูบฉีดแต่ละคร้ังเพิ่มขึ้น ระดับพลาสมานอร์อิพิเนพฟริน ลดลง ผลโดยรวมจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง และยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การเผาผลาญดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการปวดข้อต่างๆ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้น

📌การออกกำลังกายจึงเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการรักษาและควบคุมความดันโลหิต แต่การออกกำลังกายในคนที่เป็นความดันโลหิตสูง ควรได้รับการประเมินสมรรถภาพและรับคำแนะนำวิธีการการออกกำลังกายที่ถูกต้องเหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อผลการออกกำลังกายที่ดีและมีความปลอดภัย....

👉 วิธีดูแลตัวเองในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง

• ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงควรพบแพทย์เพื่อตรวจระดับของความดันโลหิตเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน

• ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมระดับของความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

• ปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีผลต่อความดันโลหิตสูง เช่น ลดน้ำหนักตัว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดดื่มแอลกอฮอล์ เลิกบุหรี่ และลดความเครียด

• งดทานอาหารรสเค็ม ทอด และมีไขมันสูง ให้เปลี่ยนมาทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักผลไม้ให้มากขึ้น

• วัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและจดบันทึกลงในสมุดเพื่อนำไปให้แพทย์ผู้รักษาใช้ประกอบการรักษาความดันโลหิตสูง

• คอยหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในขณะที่ออกกำลังกาย เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ หายใจติดขัด แน่นหน้าอกหรืออ่อนเพลียผิดปกติ และควรสังเกตอาการตอบสนองของความดันโลหิตหลังจากที่ทำกิจกรรมต่างๆ

 




 

Create Date : 08 มีนาคม 2564   
Last Update : 8 มีนาคม 2564 10:26:14 น.   
Counter : 945 Pageviews.  


"ลิ้นหัวใจตีบ" ต้องรีบรักษาก่อนสาย อันตรายถึงชีวิต



 "ลิ้นหัวใจตีบ" ต้องรีบรักษาก่อนสาย อันตรายถึงชีวิต

❤ หนึ่งในอาการของผู้ป่วยโรคหัวใจที่น่ากลัวไม่แพ้หลอดเลือดอุดตันก็คือ “ภาวะลิ้นหัวใจตีบ” หากดูแลไม่ดี หรือไม่รีบรักษา ก็มีโอกาสสูงมากที่อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ภายใน 2 ปีหลังมีอาการได้เลย..

โรคลิ้นหัวใจตีบเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติที่ลิ้นหัวใจ ส่วนใหญ่มักเกิดที่ลิ้นหัวใจเอออร์ติก ซึ่งเป็นลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายกับหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา เป็นเส้นเลือดที่รับเลือดจากหัวใจส่งไปเลี้ยงร่างกาย เมื่อลิ้นหัวใจตีบจึงเปิดให้ส่งเลือดออกมาได้น้อยกว่าปกติ

และเมื่อลิ้นหัวใจเอออร์ติกเปิดได้ไม่เต็มที่ หัวใจจึงต้องทำงานหนักกว่าปกติ เพื่อจะสูบฉีดเลือดออกไปเลี้ยงทั่วร่างกายให้ได้เท่าเดิม หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตเฉียบพลันตามมาได้

โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากความเสื่อมของหัวใจที่ใช้งานมานาน ทำให้มีหินปูนเกาะสะสมที่ลิ้นหัวใจจนลิ้นหัวใจหนาขึ้นและเปิดได้น้อยลง โรคนี้จึงพบมากในผู้สูงอายุ ร่วมกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องอาหารการกิน อารมณ์ ความเครียด ขณะเดียวกันผู้สูงอายุมักมีโรคร่วมต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมัน ไตวาย ทำให้ความยุ่งยากในการรักษาโรคหัวใจมากขึ้นและอันตรายจากโรคนี้ก็สูงขึ้นด้วย

เนื่องจากผู้ป่วยมักจะไม่ทราบว่าเป็นลิ้นหัวใจตีบ จนกว่าจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด หรือตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี แต่ก็มีอาการที่สังเกตได้ เช่น เหนื่อยง่ายแม้ทำกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน เป็นลมหมดสติ มีอาการแน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้ ซึ่งหากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษาจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงควรรีบรักษาตั้งแต่เริ่มตีบระยะแรกๆ

📌 การรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ เดิมใช้วิธีการผ่าตัดเปิดหน้าอกเปลี่ยนลิ้นหัวใจ แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าอก หรือ TAVI (trans catheter aortic valve implantation) ซึ่งเป็นการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบ เมื่อสายสวนไปถึงบริเวณของลิ้นหัวใจที่ตีบแล้ว แพทย์จะทำการปล่อยให้ลิ้นหัวใจเทียมที่มีการม้วนพับอยู่กางออก กลายเป็นลิ้นหัวใจอันใหม่ทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ

นวัตกรรม TAVI ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วย ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าอก แผลมีขนาดเล็ก ไม่มีแผลที่หน้าอก ไม่ต้องพักฟื้นนาน ภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า




 

Create Date : 05 มีนาคม 2564   
Last Update : 5 มีนาคม 2564 11:48:42 น.   
Counter : 1193 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com