นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
เหนื่อยนัก ก็พักก่อน แชร์ 7 วิธี ฮีลใจสำหรับวัยทำงาน 


 

เหนื่อยนัก ก็พักก่อน แชร์ 7 วิธี ฮีลใจสำหรับวัยทำงาน 

* ทำไม?...การตื่นเช้าไปทำงานมันทรมานจัง
* ทำไม?...ฉันทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิม
* ฉันกำลังเป็นซึมเศร้าหรือป่าวนะ!

ภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) ถือเป็นเรื่องปกติที่คนทำงานทุกคนมีโอกาสเป็นได้ แม้เราจะสตรองแค่ไหน แต่ถ้าสะสมความเครียดทีละเล็กละน้อย ก็อาจทำให้สุขภาพจิตเสียและเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ดังนั้นเรามาเริ่มเยียวยาตัวเองให้ผ่อนคลาย มีความสุขเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน กับ 7 วิธีง่ายๆ ที่จะฮีลใจตัวเองให้กลับมามีพลังบวกอีกครั้ง คนทำงานอย่างเราๆได้มีแรงกายแรงใจ ก้าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า มาลองทำไปด้วยกันนะครับ
 


 

  • Exercise ออกกำลังกายเรียกเอ็นโดรฟิน

หลังจากเลิกงานกันแล้ว ลุกขึ้นมาขยับแขนขยับขากันหน่อย ถ้ามัวแต่ทิ้งตัวลงบนเตียงเป็นผัก จะยิ่งทำให้จิตใจรู้สึกดาวน์ลงให้ลองวิ่งสัก 15 นาที หรือ คาร์ดิโอเบาๆเรียกเหงื่อ สัก 30 นาที พยายามฝืนตัวเองทำดู นอกจากจะเรียกเหงื่อได้แล้ว ยังทำให้เราเปลี่ยนโฟกัส ทิ้งเรื่องที่เครียดมาทั้งวันไปแบบไม่รู้ตัว แถมหลังจากออกกำลังเสร็จร่างกาย จะหลั่งสารสารแห่งความสุข “เอ็นโดรฟิน”ออกมาทำให้รู้สึกมีความสุขคลายเครียดและดีต่อสุขภาพมากๆเลย
 

  • Meditate ฝึกนั่งสมาธิให้จิตใจสงบ

รู้มั้ยครับว่าการนั่งสมาธิให้ได้สักวันละ15 นาที เช้า-เย็น นอกจากจะทำให้จิตใจสงบแล้ว สมองยังแจ่มใส ผ่อนคลายความเครียดลงได้ และส่งผลให้ร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นมีงานวิจัยยืนยันแล้วด้วย
 

  • Work Life Balance แยกเวลางานและเวลาส่วนตัว

การที่คนทำงานเกิดความรู้สึกหมดไฟ ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำงานหนักจนเกินเวลาส่วนตัว จนทำให้ไม่เวลาพักผ่อนไม่มีเวลาให้กับชีวิตส่วนตัวเลย ดังนั้นต้องแยกให้ออกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว กำหนดให้ชัดเจน จัดสรรให้ลงตัวให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีความเครียดจากการทำงานตลอดเวลา ก็ทำลายสุขภาพจิตคุณไปหมดแล้ว
 

  • Relax พัก ปล่อยใจไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบ

เวลาหลังเลิกงาน ให้ปล่อยใจไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง เช่น ดูซีรีส์ ดูหนัง ดูละคร ดูอะไรไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย หรือจะนอนฟังเพลงเพราะๆชิลล์ๆ จะช่วยให้สมองผ่อนคลายจากความเครียดความเหนื่อยล้าลงได้
 

  • Positive Thinking เปลี่ยนวิธีคิด

แค่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็เปลี่ยน หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้ การคิดบวกนั้นไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่เป็นการยอมรับและเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายหรือดี ก็พร้อมปรับตัว และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามมองหาข้อดีของทุกอย่างคนที่มี Positive Thinking จะเป็นคนที่มีความสุขมากหากใครได้อยู่ใกล้ๆก็จะพลอยได้รับพลังงานบวกและมีความสุขไปด้วย
 

  • Travel ออกเดินทางเปิดมุมมองใหม่ๆ

การเดินทางเป็นการเยียวยาตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะเราจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ไปในที่ที่ไม่เคยไป ไปสัมผัสเรื่องราวระหว่างการเดินทาง อยู่เงียบๆท่ามกลางธรรมชาติ ทะเล ภูเขา ได้ยินเสียงตัวเองมากขึ้น การเดินทางนอกจากจะให้ประสบการณ์มากมายกับเราแล้ว ยังทำให้เราทิ้งและปล่อยวางความเครียดทุกอย่างลงได้
 

  • พูดคุยระบายกับคนที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาจิตแพทย์

เมื่อมีความรู้สึกไม่สบายใจ หรือเครียดจากงาน หาทางออกไปเจอกับปัญหาอาจลองคุยกับเพื่อนหรือคนรอบข้างดูก่อน การพูดคุยระบายกับคนที่พร้อมรับฟังคนที่ไว้ใจได้อาจช่วยให้เราสบายใจขึ้นเพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราไม่ต้องแบกความรู้สึกไว้ทั้งหมดคนเดียวอีกทางเลือกหนึ่งคือการพบจิตแพทย์การพบจิตแพทย์ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการพูดคุยปรึกษาและรับคำแนะนำที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เรากลับมาเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ มีไฟในการทำงานอย่างเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
 



ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการฮีลใจที่นำมาฝาก ยังไง! ก็ลองนำไปใช้และทำให้ติดเป็นนิสัยกันดูนะครับที่สำคัญคือการจัดการความเครียด อะไรที่หนักเกินไปก็วางบ้าง อย่าลืมยิ้มหัวเราะให้ได้ในทุกๆวัน สร้างรอยยิ้มจากเรื่องเล็กๆรอบตัวให้ได้ แค่นี้คุณก็จะมีไฟในชีวิตการทำงานมากขึ้นและรู้สึกมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ...

 




Create Date : 02 ตุลาคม 2566
Last Update : 2 ตุลาคม 2566 10:33:18 น. 0 comments
Counter : 241 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com