นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
เลี้ยงลูกอย่างไรดีในยุคที่ “ไวรัสโควิด-19” กำลังระบาด?

 

เลี้ยงลูกอย่างไรดีในยุคที่ “ไวรัสโควิด-19” กำลังระบาด?

ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ทำให้ไม่ว่าที่ประเทศไหนในโลกรวมทั้งในเมืองไทยของเราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบากอย่างทั่วถึงกัน นอกจากผู้ใหญ่ที่ต้องระมัดระวังการติดเชื้อ หากแต่ยังมีลูกหลานที่ต้องดูแลห่วงใย คุณพ่อคุณแม่ คงอยากทราบแนวทางที่เหมาะสมในการเลี้ยงดูลูกอย่างไรจึงจะเป็นการส่งเสริมให้ลูกๆ ได้ก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้อย่างอยู่รอดและปลอดภัย

พบว่าช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดทำให้เด็กต้องอยู่บ้านเยอะกว่าปกติเช่นเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่ต้องใช้เวลาอยู่กับลูกๆ เยอะขึ้น ซึ่งถ้ามองในแง่ดีคือการมีเวลาอยู่กับลูกสร้างสัมพันธ์ที่ดี แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเด็กไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วกิจกรรมที่เคยทำก็จะลดลง จึงอยากให้ข้อแนะนำให้มี Quality Time หรือ Special Time ที่คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างน้อยวันละ 10-15 นาทีต่อวันโดยควรต้องอยู่กับลูกจริงๆ โดยไม่ดูมือถือ ไม่ดูทีวี หรือไม่สนใจอย่างอื่นเพื่อให้ลูกได้รู้สึกว่าเราให้ความสนใจกับเขาจริงๆ 

นอกจากนี้ยังขอแนะนำให้เพิ่มบางอย่างและลดบางอย่างในการเลี้ยงดูลูก การเพิ่มก็คือ Positive Reinforcement คือเราให้การชื่นชมทางบวก การกระตุ้นทางบวกให้กับเด็ก อย่างเช่นถ้าเขาทำดีก็ชื่นชมเลยแล้วก็พูดให้ชัดเจนว่าเราชื่นชมเรื่องอะไร หมออยากให้พยายามมองข้อดีเขาเยอะ ๆ สิ่งสำคัญคืออยากให้คุณพ่อคุณแม่เพิ่มการควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรในบ้านลูกก็จะดูเราเป็นตัวอย่าง ลูกจะซึมซับและนำมาเป็นแบบอย่าง บางครั้งที่เราดุด่าว่ากล่าวอาจจะไม่ได้ประโยชน์เท่ากับเราทำให้ดู เราอาจจะบอกลูกว่าตอนนี้พ่อแม่โกรธอยู่ เดี๋ยวพ่อแม่หายโกรธเรามาคุยกันนะ...

ส่วนที่อยากให้ลด ก็คืออยากให้ลดความสนใจเวลาที่ลูกมีพฤติกรรมไม่ดี หรืออาจจะเพิกเฉย ยกตัวอย่างเช่นลูกร้องกรี๊ดหรือว่าลูกแสดงความโวยวายไม่พอใจให้เราเพิกเฉยหรือลดความสนใจ เมื่อเขาพบว่าทำแล้วไม่มีใครสนใจเขาก็จะค่อย ๆ หายไป แล้วก็ลดการวิพากษ์วิจารณ์เด็ก แต่ใช่ว่าจะดุด่าว่ากล่าวไม่ได้นะ อาจจะรอให้สถานการณ์สงบก่อนแล้วรับฟังเหตุผลของลูก ถ้าเด็กโตพอที่จะอธิบาย และพูดสั้นๆว่าที่จริงแล้วพ่อแม่อยากให้ลูกทำอะไร” สรุปก็คือช่วงที่เราใช้เวลาอยู่กับลูก เขาจะต้องการความรัก ความไว้ใจ ความความปลอดภัย และความอบอุ่นในบ้าน 

พ่อ-แม่ควรมีบทบาทอย่างไรเมื่อลูกเรียน “ออน-ไลน์”

การเรียนออนไลน์คงเป็นปัญหามากบ้างน้อยบ้างสำหรับเด็กๆ แต่ละคน เด็กมีหลายประเภทไม่ว่าจะจัดอยู่ใน

* ประเภทที่ 1 คือเป็นเด็กเลี้ยงง่าย

* ประเภท 2 คือเด็กเลี้ยงยาก

* ประเภท 3 คือเป็นเด็กที่ต้องใช้เวลาปรับตัว-เป็นเด็กอ่อนไหว

* ประเภทสุดท้ายคือ เป็นเด็กที่มีทุกบุคลิกเลย

แต่ละคนถูกจับมานั่งเรียนออนไลน์เหมือนกันแล้วเราจะคาดหวังให้เด็กทุกประเภทมีความสามารถในการนั่งนิ่งๆ หน้าจอออนไลน์ อาจจะทำไม่ได้กันทุกคน คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องทำความเข้าใจว่าลูกเราเป็นเด็กประเภทไหน ถ้าเป็นเด็กเลี้ยงง่ายให้นั่งเรียนออนไลน์ นั่งตลอดชั่วโมงตั้งใจเรียนเขาก็ทำได้ ส่วนเด็กที่เป็นเด็กเลี้ยงยากหมายความว่าเขาไม่ใช่เด็กไม่ดี เขาอาจจะเป็นเด็กที่มีความคล่องตัวเยอะเขาไม่ชอบนั่งนิ่งๆ พอจับเขานั่งเรียนออนไลน์เขาก็ไม่มีความสุข คุณพ่อคุณแม่เห็นเด็กกลุ่มนี้ก็รู้สึกเครียด ว่าทำไมลูกเราไม่ตั้งใจเรียนเหมือนเด็กคนอื่น ก็อยากให้พ่อแม่เข้าใจก่อนว่าธรรมชาติลูกเป็นแบบนี้...  

ทีนี้ถ้าเราเข้าใจลูกแล้วเราก็จะไม่ต้องไปกังวลเพราะว่าเรียนออนไลน์มันคงเป็นชั่วคราวในช่วงนี้ที่มีโรคระบาดเท่านั้น เวลาที่เด็กต้องเรียนออนไลน์เนี่ยเราเน้นหลักๆ 2 เรื่อง คือ 

1. เรื่องการนอนหลับให้พอ เหตุผลคือถ้าเด็กนอนพอในช่วงเรียนออนไลน์จันทร์ถึงศุกร์เขาก็จะได้ตั้งสมาธิได้ดี แล้วก็แนะนำว่าช่วงก่อนที่จะเรียนออนไลน์ หรือระหว่างที่มีการเบรกในช่วงที่เรียน ไม่ควรเล่นมือถือหรือไม่ควรเล่นเกม เหตุผลคือมันจะดึงกลับมาเรียนยากและ คุณพ่อคุณแม่ควรสนับสนุนให้เขาออกกำลังกายด้วย

2. เรื่องการพักสายตา สำหรับเด็กควรจะมองออกไปจากหน้าจอ ทุกๆ 20 นาที คือมองไกลประมาณ 20 ฟุตก็ประมาณ 6-7 เมตรมองไปไกลๆ นะคะ ประมาณ 20 วินาทีเพื่อให้เด็กได้พักสายตาออกไปจากหน้าจอบ้าง ให้เด็กกระพริบตาบ่อยๆ  ส่วนแสงที่กระทบหน้าจอไม่ควรให้มีแสงสว่างมาก เนื่องจากว่ามันจะทำให้ความสว่างของหน้าจอลดลง ทำให้เด็กต้องไปเพ่งมากขึ้น แล้วก็การใช้แว่นปรับแสงอาจจะช่วยลดแสงสีฟ้าลงได้ 

 

พญ.ยอดพร หิรัญรัศ
กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อและเบาหวาน
โรงพยาบาลรามคำแหง

 



Create Date : 20 กรกฎาคม 2564
Last Update : 20 กรกฎาคม 2564 10:29:49 น. 0 comments
Counter : 629 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com