นอนไม่หลับ อาการที่ไม่ควรมองข้าม
 “นอนไม่หลับ” อาการที่ไม่ควรมองข้าม อย่างที่เรารู้ว่า “การนอน” คือสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของการดูแลสุขภาพ และเวลาการนอนหลับที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง โดยประโยชน์ของการนอนหลับมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง เพิ่มประสิทธิภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ มีอายุยืนยาว ลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ ทำให้อารมณ์ดี มีความสุขตลอดวัน ฯลฯ จะเห็นได้ว่าหากมีการนอนหลับที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะเป็นคนนอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท หรืออื่นๆ ซึ่งอาการเบื้องต้นนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “โรคนอนไม่หลับ” 
ปัจจัยเสี่ยงของโรคนอนไม่หลับมีสาเหตุมาจากลักษณะของบุคคล นอนหลับไม่ลึก หูไว ตื่นง่าย หรือมีความวิตกกังวลง่าย ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆอาจมาจากพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น การดื่มกาแฟตอนเย็นหรือก่อนนอน นอนกลางวันในตอนบ่าย หรือตอนเย็น ฯลฯ
อาการของโรคนอนไม่หลับ เบื้องต้นสามารถสังเกตได้ดังนี้ - เริ่มนอนหลับยาก
- นอนหลับไม่ต่อเนื่อง
- นอนหลับไม่สนิท
- ตื่นเร็วกว่าเวลาที่ควรจะตื่น
อาการต่อมาที่ต้องสังเกต คือ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่มีสมาธิ ความจำหรือความสนใจในสิ่งต่างๆ เริ่มลดลง อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดง่าย ที่สำคัญคือเกิดอาการง่วงนอนตอนกลางวันหรือระหว่างวัน โดยอาการที่กล่าวมานี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าเรากำลังเผชิญอยู่กับ “โรคนอนไม่หลับ” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลงแล้ว ยังนำไปสู่การป่วยด้วยโรคภัย หรือเกิดอันตราย ต่างๆ ได้อีกด้วย เช่น * เพิ่มโอกาสการเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า * เพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง โรคไขมันสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน และอาจเพิ่มอัตราการเสียชีวิต * เพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถ อุบัติเหตุจากการทำงาน 
การปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการนอนไม่หลับ
- ควรฝึกนิสัยให้เข้านอนและตื่นเป็นเวลาการเข้านอนไม่เป็นเวลาอาจจะทำให้เกิดการนอนไม่หลับโดยเฉพาะ ในผู้สูงอายุเพราะจะปรับตัวได้ไม่ดีเท่ากับวัยเด็ก หรือวัยหนุ่มสาว
- พยายามอย่านอนหลับตอนกลางวันถ้าหากรู้สึกเพลียหรือง่วงก็ให้นอนหลับสั้นๆ สัก 10-20 นาที ก็จะทำให้สดชื่นขึ้นได้ ห้ามนอนนานกว่านี้นะครับ
- ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอการออกกำลังกายที่ดีที่สุดของผู้สูงอายุคือการเดินเร็วๆ วันละ 20-30 นาที ห้ามออกกำลังกาย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนนะครับ เพราะอาจจะทำให้นอนไม่หลับได้
- งดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมบางอย่าง ช็อกโกแลตและแอลกอฮอล์ ก่อนจะดื่มควรศึกษาส่วนประกอบของเครื่องดื่มนั้นๆ ด้วยนะครับ
- งดสูบบุหรี่ เนื่องจากสารนิโคตินที่ได้จากการสูบบุหรี่ อาจจะกระตุ้นสมองทำให้นอนไม่หลับ หรือนอนหลับยาก แล้วยังมีอันตรายต่อสุขภาพทางด้านอื่นๆ อย่างมากอีกด้วย
- อาหารมื้อสุดท้ายก่อนนอนควรเป็นอาหารเบาที่ประกอบด้วยอาหารแป้ง ไม่ควรมีน้ำตาล แนะนำให้ดื่มนมร้อน และกินกล้วยเพราะทั้งสองอย่างมีสารชื่อ Tryptophan จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น
- การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนการอ่านหนังสือ หรือการนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนนอนก็จะช่วยให้นอนหลับได้ดีเช่นกันครับ...

โรคนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุ แต่ส่วนมากมักเกิดกับผู้หญิงและผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป และเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนั้น หากพบว่ามีอาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิทติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือสงสัยว่าอาจกำลังป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับ แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
** นอกจากการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว สิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปด้วยก็คือการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากทำได้ครบทั้ง 3 อย่างนี้ รับรองว่าสุขภาพกายและใจแข็งแรงแน่นอนครับ.. 
Create Date : 14 กันยายน 2565 |
Last Update : 14 กันยายน 2565 10:14:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 629 Pageviews. |
|
 |
|