Home Distancing อย่างไร?... เมื่อต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยโควิด-19
จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่รวดเร็วในขณะนี้ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นและขยายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนเตียงของโรงพยาบาลต่างๆ หรือสถานที่ที่รัฐจัดให้ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแยกกักตัวที่บ้านระหว่างรอเตียง(Home Isolation) เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
ทั้งนี้การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้านนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
เมื่อบ้านของท่านมีผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อมหากต้องอยู่ร่วมกัน แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
* คนในครอบครัว ควรแยกส่วนหรือพื้นที่เว้นระยะห่างกับผู้ป่วยอย่างน้อย1-2 เมตร
* หากมีพื้นที่จำกัดให้ทำฉากกั้นระหว่างผู้ป่วยกับคนอื่นๆ ในครอบครัว
* จัดห้องพักให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดีมีแสงแดดเข้าถึง
* ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ น้ำและสบู่นานอย่างน้อย 20 วินาที
* หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยเฉพาะในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ
* เตรียมถังขยะมีฝาปิดมิดชิดและของใช้ส่วนตัวเช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า อุปกรณ์การกินอาหาร อุปกรณ์ทำความสะอาดไว้สำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ ทั้งในบริเวณที่นอนและห้องน้ำ
* ไม่ทานอาหารร่วมกัน และควรทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด 6-8 แก้วต่อวัน และแยกเก็บล้างภาชนะด้วยน้ำยาล้างจาน แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง
* แยกตะกร้าเสื้อผ้า แยกซักเสื้อผ้า ให้ทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยน้ำสบู่ น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอก
* ทำความสะอาดบ้านทุกวันด้วยน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ และบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ
* การใช้ห้องน้ำ ห้องสุขา กรณีที่ไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน ส่วนผู้ป่วยให้ใช้เป็นคนสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดให้เรียบร้อย ด้วยผ้าชุบน้ำยาฟอกขาวความเข้มข้น 0.1% หรือแอลกอฮอล์ 70 % หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0.5%
* พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมผ่อนคลายเพื่อลดภาวะเครียด
* ในแต่ละวันให้รวบรวมขยะ หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วไว้ในถุง ให้ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ก่อนใส่ถุงอีกชั้น ปิดปากถุงให้สนิทและนำไปทิ้ง
ทั้งนี้ผู้ที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยโควิด-19 ควรเฝ้าสังเกตอาการต่างๆ ของผู้ป่วยเป็นประจำหากมีอาการที่เป็นสัญญาณอันตราย เช่น หายใจลำบาก หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก สับสน สูญเสียความสามารถในการพูดหรือการเคลื่อนที่ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที