นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

อ้วนเกินเกณฑ์ หรือผอมเกินไป อาจเสี่ยงไทรอยด์ผิดปกติ



อ้วนเกินเกณฑ์ หรือผอมเกินไป อาจเสี่ยงไทรอยด์ผิดปกติ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อต่อมไทรอยด์ แต่อาจหลงลืมกันไปบ้างแล้วว่ามันทำหน้าที่อะไร แล้วเวลาเจ็บป่วยจากต่อมไทรอยด์มันมีอะไรบ้าง เดี๋ยววันนี้พี่หมอรามจะมาทวนให้ฟังแล้วกันนะ

ต่อมไทรอยด์ เป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย อยู่แถวคอของเรานี่แหละหลักๆ เลยก็คอยทำหน้าที่ควบคุมระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็เลยส่งผลกระทบต่ออวัยวะแทบทุกระบบในร่างกายเลยทีเดียว

เวลาต่อมไทรอยด์เกิดความผิดปกติขึ้นไม่ว่าจะมีก้อนหรือมีภาวะต่อมไทรอยด์โต หากเกิดการกดเบียดหลอดลม หลอดอาหาร หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง แพทย์อาจจำเป็นต้องพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดไทรอยด์ทันที

ซึ่งการผ่าตัดไทรอยด์ในปัจจุบันนั้นมีหลายวิธี แต่ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ก็คือ “การผ่าตัดแบบส่องกล้อง” ทำให้คนไข้หลังการผ่าตัดมองไม่เห็นรอยแผล (ข้อมูลเพิ่มคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/250) เพราะตำแหน่งของแผลจะหลบอยู่บริเวณหลังหูและซ่อนเข้าไปในไรผม หรือ “การผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางช่องปาก” ที่ทำให้ผู้ป่วยไม่มีรอยแผลใดๆ ที่คอ สามารถสวมใส่เสื้อผ้าทุกประเภทได้อย่างมั่นใจ

แต่ทว่า การผ่าตัดส่องกล้องด้วยวิธีนี้ ใช่ว่าจะใช้กับกับคนไข้ทุกคนเสมอ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและพิจารณาผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อประเมินลักษณะขนาดและตำแหน่งของก้อนไทรอยด์ว่าเหมาะสำหรับการรักษาด้วยวิธีส่องกล้องนี้หรือไม่ บางรายหากมีขนาดใหญ่มาก หรือตำแหน่งที่ส่องกล้องไปไม่ได้ แพทย์อาจต้องปรับแผนการรักษาด้วยวิธีอื่นแทน

รวมถึงวิธีสังเกตอาการเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้โดยหากคลำพบก้อนบริเวณลำคอ และมั่นใจว่าที่จับอยู่ไม่ใช่ทอนซิลแน่ๆ โปรดอย่านิ่งนอนใจ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางทันที

“ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง หู คอ จมูก” ข้อมูลเพิ่มคลิก https://www.ram-hosp.co.th/readcenter_clinic/51




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2566   
Last Update : 13 กรกฎาคม 2566 13:40:56 น.   
Counter : 329 Pageviews.  


สตรองได้แม้อากาศเปลี่ยน 9 วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน


 

สตรองได้แม้อากาศเปลี่ยน 9 วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน
 

ฝนตกอากาศเปลี่ยนทีไร อาจทำให้หลายคนป่วยด้วยโรคภัยที่มาพร้อมกับฝนเอาได้ง่ายๆทุกที นอกจากโรคโควิด-19 ที่เราต้องระวังกันอยู่ก็ยังมีโรคประจำฤดูกาลที่มาพร้อมกับหน้าฝนให้ต้องระวังตัวกันเพิ่มขึ้นมาอีกไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรือโรคอื่นๆ วันนี้เราจึงมีวิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนง่ายๆ มาแนะนำ ให้ทุกคนได้ลองนำไปทำตามเพื่อให้ห่างไกลโรค และผ่านหน้าฝนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ป่วย มาดูกันครับว่ามีวิธีไหนกันบ้าง?...
 


วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน

  • พกร่ม หรือ เสื้อกันฝน ก่อนออกจากบ้านควรเช็คสภาพอากาศสักหน่อย เตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนให้พร้อม ป้องกันไม่ให้ตัวเปียกฝนหรือหากเปียกฝนไปแล้วก็ควรรีบเช็ดตัวให้แห้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัดหรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ เช่น โรคปอดบวม โรคติดเชื้อทางผิวหนัง ฯลฯ
     
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้นด้วย
     
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ การทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ5 หมู่ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย และยังช่วยเสริมเกราะภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้ป่วยง่าย
     
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 1.5 -2 ลิตร น้ำจะช่วยรักษาสมดุลของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ลดโอกาสการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจเข้าสู่ร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และทำให้เซลล์ภายในร่างกายไม่ขาดน้ำ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล และไม่เป็นหวัดได้ง่าย
     
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายโดยควรจะออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
     
  • รับวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับวัคซีนเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค โดยวัคซีนที่จำเป็นจะต้องได้รับก็คือวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ รวมไปถึงวัคซีนโควิด 19
     
  • ทานวิตามินซีเสริม วิตามินซีขึ้นชื่อว่าช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ป่วยได้ยากขึ้น ซึ่งวิตามินซีที่ได้จากอาหารในแต่ละมื้ออาจไม่เพียงพอ การทานวิตามินซีเสริมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแนะนำให้ทานวันละ 500-1,000 มิลลิกรัม
     
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่มีน้ำขัง แน่นอนว่าในฤดูฝนจะต้องมีพื้นที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขังจึงควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้ เพราะเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคนานาชนิดหรือหากมีความจำเป็นจะต้องเข้าไปควรใส่อุปกรณ์ป้องกันเช่น รองเท้าบูทยาง หรือถุงมือยางเพื่อหลีกเลี่ยงเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจสะสมอยู่ตามพื้นที่น้ำขัง เช่น โรคฉี่หนู โรคพยาธิ โรคเชื้อรา ฯลฯ
     
  • ป้องกันไม่ให้ยุงกัด อีกหนึ่งโรคที่มักมาพร้อมกับหน้าฝนก็คือ โรคไข้เลือดออก เพราะ ยุงขยายพันธุ์กันเก่งมาก ตามแหล่งน้ำขังต่างๆ ดังนั้นเราต้องกำจัดแหล่งน้ำขังบริเวณรอบๆ บ้านเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และพยายามป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการทาโลชั่นกันยุง นอนกางมุ้ง หรือจุดสมุนไพรไล่ยุง
     

** แม้ว่าหน้าฝนจะเป็นช่วงที่ป่วยได้ง่าย แต่ถ้าเราดูแลสุขภาพให้ดีให้แข็งแรงอยู่เสมอรวมถึงฉีดวัคซีนป้องไว้ล่วงหน้า แค่นี้ก็ช่วยให้เราลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ที่อาจมากวนใจในหน้าฝนได้แล้วครับ..




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2566   
Last Update : 10 กรกฎาคม 2566 16:33:41 น.   
Counter : 299 Pageviews.  


หลังวิ่งควรกินอะไรดี?


 

หลังวิ่งควรกินอะไรดี?

หลังวิ่งออกกำลังกาย ร่างกายมักเกิดอาการเหนื่อยล้า เนื่องจากใช้พลังงานไปมาก ดังนั้นเพื่อลดความเหนื่อยและป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย จึงอยากแนะนำให้ทานอาหารที่สามารถช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายได้ดี ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง? มาดูกันค่ะ..

ขอบคุณข้อมูลจาก สสส.
 


น้ำมะพร้าว น้ำแตงโม น้ำผลไม้ต่างๆ เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมไปใช้ได้เร็ว ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการสูญเสียพลังงานได้เร็ว และป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
 


อาจดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ชดเชย ในกรณีที่มีการสูญเสียเหงื่อมาก
 


ควรรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตต่อโปรตีน 3-4:1 ภายใน 30 นาทีหลังจากวิ่ง




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2566   
Last Update : 7 กรกฎาคม 2566 9:44:16 น.   
Counter : 396 Pageviews.  


ก่อนวิ่งควรกินอะไรดี?


 

ก่อนวิ่งควรกินอะไรดี?

การเลือกทานอาหารก่อนวิ่งและหลังวิ่งนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากเราทานอาหารผิดประเภท อาจจะส่งผลต่อการวิ่งของเรา ทำให้เราเหนื่อยได้ง่ายหรือมีอาการจุกเสียด ดังนั้นวันนี้เราจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกทานอาหารก่อนวิ่ง มาให้พี่ๆ นักวิ่งลองเอาไปปรับใช้และเลือกทานอาหารให้เหมาะสมกันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก สสส.
 


เตรียมความพร้อมก่อนถึงวันวิ่ง 

ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ

  • คาร์โบไฮเดรต : เน้นรับประทานข้าว/แป้ง ที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชต่างๆ
     
  •  โปรตีน : เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นม ไข่ เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นอย่างครบถ้วน ข่วยในการเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ
     
  • ไขมัน : รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู กะทิ
     
  • วิตามินและเกลือแร่ : ควรรับประทานผักผลไม้เป็นประจำ
     


1 สัปดาห์ ก่อนวิ่ง

  • รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ให้เพียงพอ เพื่อเตรียมพลังงานสำรองของร่างกาย และรับประทานผักผลไม้เพื่อรักษาสมดุลแร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
     
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารหมักดอง เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร หรืออาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
     
  •  ไม่ควรลองรับประทานอาหารที่ไม่คุ้นเคยในช่วงสัปดาห์นี้
     


เตรียมพร้อมในวันวิ่ง

  1. ไม่ควรอดอาหารเช้า โดยอาจเน้นรับประทานเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต 1 ชั่วโมงก่อนการวิ่ง เพื่อเติมพลังงานสำรองให้ร่างกาย
     
  2. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก เนื่องจากใช้ระยะเวลานานในการย่อยและดูดซืม เช่น อาหารทอด อาหารไขมันสูง
     
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มนมหรือกาแฟ เนื่องจากอาจกระตุ้นการขับถ่าย
     
  4. งดอาหารรสจัด และหลีกเลี่ยงเมนูอาหารที่ไม่คุ้นเคย
     
  5. ในขณะวิ่งควรดื่มน้ำเป็นระยะ เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำจากการเสียเหงื่อ โดยใช้วิธีจิบน้อยๆ เรื่อยๆ ตามจุดพักดื่มน้ำ โดยอาจเลือกดื่มเป็นน้ำเย็นจะทำให้รู้สึกสดชื่นกว่าน้ำอุ่น แต่ไม่ควรดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอาการจุก แน่นท้องได้




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2566   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2566 9:51:01 น.   
Counter : 330 Pageviews.  


สัญญาณเตือน!.. ว่าสุขภาพคุณเริ่มแย่แล้ว




สัญญาณเตือน!.. ว่าสุขภาพคุณเริ่มแย่แล้ว 
คนวัยทำงานส่วนใหญ่ร่างกายแข็งแรง จึงทำให้ละเลยการใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการทำงาน ใช้ชีวิตเร่งรีบ ทานอาหารไม่มีประโยชน์ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายอย่างและยังทำให้สุขภาพแย่ลง
 


การที่สุขภาพแย่ลงหรือสุขภาพไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเราอยู่ในสภาพที่เจ็บไข้ได้ป่วยเท่านั้น แต่ร่างกายจะแสดงออกมาในหลากหลายรูปแบบ ทำให้เราอาจคิดไม่ถึงว่าขณะนี้สุขภาพแย่แล้ว ดังนั้นเราจึงควรหันมาใส่ใจกับสัญญาณเตือนจากร่างกายสักหน่อย เพื่อที่จะได้เตือนให้เราแก้ไขได้ทันเวลา โดยอาการที่สามารถสังเกตได้ว่าสุขภาพของเราเริ่มแย่ลง เช่น

  • นอนหลับยากบ่อยๆ หรือนอนไม่หลับต่อเนื่องกันหลายคืน อาการเช่นนี้คล้ายคนเป็นเบาหวาน
     
  • ผิวพรรณไม่ดี มีริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน มักเป็นกระหรือจุดด่างดำง่าย เป็นผดผื่นบ่อย ผมร่วง เพราะร่างกายขาดสารอาหารจำพวกวิตามินอี ขาดไบโอติน
     
  • ปวดหัวบ่อยๆ การนอนไม่พอก็อาจส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะได้ อย่าได้นิ่งนอนใจควรสังเกตตัวเองว่าปวดบ่อยหรือไม่ มีอาการข้างเคียงอื่นๆหรือเปล่า เช่น หน้ามืด ตาลาย อาเจียน อาการปวดศีรษะนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิตได้หลายโรค เช่น โรคหลอดเลือดสมองโรคเนื้องอกในสมอง
     
  • มีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นโรคตับอักเสบหรือดีซ่าน ต้องรู้จักสังเกตและรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทัน
     
  • ท้องเสียบ่อย หรือท้องผูกบ่อยระบบขับถ่ายแปรปรวน กินอะไรนิดหน่อยก็ท้องไม่ดี กินอาหารตามปกติแต่ตอนเช้าไม่ขับถ่าย ถ้ามีอาการอย่างนี้บ่อยๆอย่าคิดว่าธรรมดา เพราะคุณอาจป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือโรคไตได้
     
  • เบื่ออาหาร อาจเป็นสัญญาณโรคตับ วัณโรค และอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยไม่สบายได้เพราะร่างกายอ่อนแอและไม่มีภูมิต้านทาน
     
  • ปวดหลังปวดเอว ปวดต้นคอ อาจมีสาเหตุมาจากการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ก็หักโหมกับการทำงานมากเกินไปจนกล้ามเนื้อล้า
     
  • น้ำหนักเพิ่มหรือลดลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ สัญญาณนี้อาจบอกถึงโรคต่างๆได้ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับไต หรือโรคมะเร็ง
     
  • เป็นเหน็บชาหรือตะคริวบ่อยๆ อาจขาดวิตามินบี 1 จึงควรกินเต้าหู้ รำข้าว ตับ และข้าวซ้อมมือเป็นประจำ
     
  • เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว แสดงว่าไม่ได้เคยออกกำลังกายเลย หรือออกกำลังกายน้อย
     
  • สีของปัสสาวะเป็นสีเหลืองจัด เป็นไปได้ว่าดื่มน้ำน้อยเกินไป หรืออาจเป็นสัญญาณบอกอาการของโรคดีซ่าน แต่ถ้าสีเหลืองจัดเข้มข้นจนเป็นสีกาแฟแสดงว่ากินยาบางอย่างมากเกินไป หรืออาจเป็นวัณโรคได้
     
  • ระคายคอเจ็บคอหรือไอบ่อยๆ อาจมีปัญหาที่ระบบหายใจ อาจเป็นภูมิแพ้หรือกำลังเป็นหวัด
     
  • อ่อนเพลียง่าย ไม่มีกำลังวังชา มือไม้สั่นอารมณ์แปรปรวนง่ายอาจเป็นไปได้ว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ
     
  • ขี้หลง ขี้ลืมบ่อยๆ สมองและระบบประสาทไม่ดี อาจเพราะขาดสารอาหารบำรุงสมอง
     


การหมั่นสังเกตและไม่นิ่งนอนใจในสิ่งผิดปกติเล็กน้อยต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเรารู้ตัวแต่เนิ่นๆในขณะที่อาการและความรุนแรงของโรคยังไม่มาก ก็จะทำให้รักษาได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่ถ้าปล่อยให้เป็นมากๆและโรคลุกลามแล้วจึงไปพบแพทย์การรักษาก็จะยุ่งยาก เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย...ดังนั้นอย่าลืมสังเกตและดูแลสุขภาพให้ดีกันด้วยนะครับ 
 




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2566   
Last Update : 3 กรกฎาคม 2566 14:43:42 น.   
Counter : 356 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com