นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

200 เรื่องสุขภาพกับหมอราม...บน Pantip.com



 

200 เรื่องสุขภาพกับหมอราม...บน Pantip.com แชร์เก็บไว้จะได้ไม่หายไปไหน

รวบมิตรกระทู้สุขภาพมากกว่า 200 เรื่อง มาให้อ่านกันแล้ววันนี้ บนเว็บไซต์พันทิปดอทคอม คลิกอ่านได้เลย >> https://pantip.com/profile/4056330#topics

ใครที่มีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ หรืออยากให้หมอรามเขียนให้อ่านเรื่องอะไร? คอมเมนต์มาคุยกันได้เลยนะครับ




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2564   
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2564 13:32:10 น.   
Counter : 696 Pageviews.  


ฉีดวัคซีนป้องกัน “ไวรัสตับอักเสบบี” ลดเสี่ยง “มะเร็งตับ”



ฉีดวัคซีนป้องกัน “ไวรัสตับอักเสบบี” ลดเสี่ยง “มะเร็งตับ”

ไวรัสตับอักเสบบีเป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายอย่างมาก หากผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้วไม่รักษาอาจลุกลามจนทำให้เกิดโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับได้

เพราะเมื่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปอาศัยที่เซลล์ตับและอาจอยู่ได้นานนับปีโดยที่ร่างกายไม่แสดงอาการใดๆ เลย แต่เมื่อไรที่ภูมิคุ้มกันร่างกายตรวจพบว่ามีไวรัสอาศัยอยู่ในเซลล์ตับก็จะเข้ากำจัดไวรัสโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้ภูมิคุ้มกันของเราจะทำลายเซลล์ตับไปด้วยทำให้ตับเกิดการอักเสบ นานวันเข้าก็จะเกิดเป็นตับแข็งและอาจกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด

นอกจากนี้ไวรัสตับอักเสบบี ยังสามารถติดต่อกันได้หลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นการติดต่อจากแม่สู่ลูกขณะคลอด ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากการใช้เข็มฉีดยาหรือเข็มเจาะสักร่วมกัน หรือจากการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย วิธีป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นอกจากการหลีกเลี่ยงสาเหตุการติดต่อดังกล่าวแล้ว การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีถือเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง

** การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่ไปสู่คนอื่นและเป็นอันตรายกับคนใกล้ชิด หรือใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ ก็สามารถเจาะเลือดตรวจดูได้นะครับ..

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/269




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2564   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2564 10:26:57 น.   
Counter : 782 Pageviews.  


กรดไหลย้อน & มะเร็งหลอดอาหาร เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

 

กรดไหลย้อน & มะเร็งหลอดอาหาร เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

“กรดไหลย้อน” แม้ไม่ได้เป็นโรคที่แปลกใหม่ของคนไทย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและน่ากังวล คือจำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ และหลายคนมักปล่อยให้เป็นเรื้อรังไม่รักษา ซึ่งนั่น! อาจทำให้เสี่ยงที่จะเป็น "โรคมะเร็งหลอดอาหาร” ได้

กรดไหลย้อน เป็นภาวะที่น้ำย่อยของกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร สาเหตุมาจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนปลาย หรือบางครั้งเกิดจากความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารร่วมด้วย และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการกินของเรานั่นเอง

วิธีสังเกตว่าตัวเองเป็นกรดไหลย้อนหรือไม่นั้นให้ดูว่าเรามีอาการแสบคอ เจ็บคอเรื้อรัง เรอเปรี้ยว แสบร้อน จุกแน่นบริเวณหน้าอก ไอเรื้อรัง หรือมีอาการเหล่านี้มากขึ้นหลังจากทานอาหารไปแล้วหรือไม่ หากมีควรไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

กรดไหลย้อนหากเป็นบ่อยๆ แล้วปล่อยไว้นานจนเรื้อรัง อาจส่งผลให้หลอดอาหารมีแผลหรือหลอดอาหารตีบ ทำให้กลืนอาหารลำบาก กลืนแล้วชอบติด หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งที่หลอดอาหาร เพราะหลอดอาหารส่วนปลายมีการสัมผัสกับกรดมากเกินไป ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด

การป้องกันรักษาโรคกรดไหลย้อนที่ได้ผลมากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพื่อลดการกำเริบของโรคซ้ำๆ ซึ่งต้องควบคุมทั้งเรื่องปริมาณและชนิดของอาหาร เลี่ยงอาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารหมักดอง อาหารมัน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไปและห้ามนอนทันทีหลังทานอาหารเสร็จ

ทั้งนี้หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทานยาลดกรดควบคู่กันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ตรวจวัดกรดในหลอดอาหาร 24 ชั่วโมง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หรืออาจต้องส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบน เพื่อดูว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ จะได้รักษาได้ตรงจุดนั่นเอง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/257




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2564   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2564 10:32:18 น.   
Counter : 903 Pageviews.  


4 เหตุผลที่คนอายุ 40+ ควรส่องกล้องตรวจ "มะเร็งลำไส้ใหญ่" แม้ไม่มีอาการ


4 เหตุผลที่คนอายุ 40+ ควรส่องกล้องตรวจ "มะเร็งลำไส้ใหญ่" แม้ไม่มีอาการ

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุดก็คือ “การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่” นอกจากส่องกล้องเพื่อวินิจฉัยแล้ว ยังสามารถตัดติ่งเนื้อที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งในอนาคตออกไปได้อีกด้วย

รู้มั้ยครับว่า..มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบบ่อย 1 ใน 3 ที่คนไทยเป็นมากที่สุดมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่พบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่!!..เดี๋ยวนี้พบว่าคนอายุยังไม่ถึง 50 ปี ก็เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่กันเพิ่มมากขึ้น

ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากการเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็กในลำไส้ใหญ่ และใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปี กว่าติ่งเนื้อจะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเนื่องจากระยะแรกของโรคมักไม่มีอาการแสดง จะมีอาการก็ต่อเมื่อโรคเริ่มลุกลามแล้ว หลายคนจึงมักเจอโรคในระยะที่อาการหนักแล้ว เพราะไม่เคยตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ จะตัดสินใจส่องกล้องก็ต่อเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายเป็นเลือดหรือปวดท้องมากจนทนไม่ไหวแล้วนั่นเอง

ซึ่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ควรตรวจตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ นั่นก็เพราะ..

  • มะเร็งลำไส้ใหญ่พบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งทุกๆ 5 ปี
  • หากมีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ควรตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 40 ปี และตรวจซ้ำทุกๆ 3-5 ปี
  • หากรอจนมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายมีมูกเลือด ถ่ายเป็นเลือด ท้องเสียสลับท้องผูก ปวดท้องรุนแรง ส่วนใหญ่มักเป็นในระยะที่รุนแรงแล้ว ทำให้ยากต่อการรักษาและอาจทำให้เสียชีวิตได้
  • ถ้าตรวจพบติ่งเนื้อที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็สามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก และมีโอกาสหายขาดสูง

การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ นอกจากจะช่วยคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้แล้ว ยังสามารถตรวจหาโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย จึงควรเข้ารับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ และการตรวจกับแพทย์ที่มีความชำนาญการใช้เทคโนโลยีการส่องกล้อง จะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและรับการรักษาที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2564   
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2564 10:00:32 น.   
Counter : 894 Pageviews.  


หมอเตือน นั่งเล่นมือถือในห้องน้ำนาน ระวัง! เป็น “ริดสีดวงทวาร” ไม่รู้ตัว



หมอเตือน นั่งเล่นมือถือในห้องน้ำนาน ระวัง! เป็น “ริดสีดวงทวาร” ไม่รู้ตัว

อาการถ่ายไม่ออก ท้องผูก หูรูดไม่ขยับ น่าจะเป็นอาการที่แวะเวียนมาเยี่ยมใครหลายๆ คนอยู่เป็นประจำ ทำให้ต้องนั่งในห้องน้ำนานขึ้น ทั้งเบ่ง ทั้งบิ้วอารมณ์ด้วยการเล่นมือถือ หรือหาหนังสือเข้าไปนั่งอ่าน เพื่อช่วยให้ขับถ่ายออกมาได้ แต่รู้มั้ย!! ว่าการทำแบบนี้แหละที่เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีทำให้เสี่ยงเป็น #ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร คือ กลุ่มโรคของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพอง กลายเป็นเม็ดหรือเป็นติ่งยื่นออกมา ทำให้เจ็บปวดเวลาถ่าย หรือถ่ายออกมาเป็นเลือด โดยริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. ริดสีดวงทวารภายใน จะเกิดเหนือทวารหนักขึ้นไป โดยไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ มักจะถูกคลุมเอาไว้ด้วยเยื่อของลำไส้ใหญ่ตอนปลาย ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดแต่อย่างใดถ้ายังไม่มีอาการแทรกซ้อนจะมีก็เพียงเลือดที่ออกมาพร้อมอุจาระ

2. ริดสีดวงทวารภายนอก จะเกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ เจ็บปวดและมีเลือดออกเวลาขับถ่าย

หลายคนมักเข้าใจว่าการเข้าไปนั่งเล่นในห้องน้ำนานๆ อาจไปกระตุ้นต่อมการขับถ่ายให้อยากทำงานมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เลย เพราะขณะขับถ่ายจะต้องหย่อนก้นที่ชักโครก ถ้าหากเราเล่นมือถือ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ไปด้วย จะทำให้การขับถ่ายนานขึ้น ทำให้มีเลือดไปคั่งอยู่ที่บริเวณทวารหนัก บวกกับการเบ่งอุจจาระถี่ขึ้น นานขึ้นกว่าเดิม อาจทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดบริเวณปลายลำไส้ใหญ่เกิดการโป่งพองจนกลายมาเป็นริดสีดวงทวารได้

นอกจากการนั่งขับถ่ายนานๆ แล้ว สาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวารอาจมาจาก การออกแรงเบ่งอุจจาระบ่อยๆ จากอาการท้องผูก หรือจากการใช้ยาสวนยาถ่ายบ่อยจนทำให้ประสิทธิภาพของระบบขับถ่ายลดลง ก็อาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้เช่นกัน ส่วนใหญ่ก็มาจากพฤติกรรมการกินล้วนๆ

ดังนั้นการป้องกันไม่ให้ริดสีดวงทวารมาวุ่นวายกับก้นของเรา ก็แค่ปรับพฤติกรรมการกินเพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ ด้วยการดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ พยายามทานผัก ผลไม้ที่มีกากใย กินอาหารที่ย่อยง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือเรียกง่ายๆ ว่าทำยังไงก็ได้ให้เราไม่ท้องผูก อุจจาระไม่แข็ง ขับถ่ายให้ตรงเวลา และที่สำคัญอย่านั่งถ่ายนานเกินไป เท่านี้ก็ลดความเสี่ยงการเกิดริดสีดวงทวารได้แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครอยากทรมานเวลาขับถ่ายเพราะริดสีดวงทวารหรอก ทางที่ดีรีบป้องกันก่อนที่จะเป็นหนักจนต้องผ่าตัดดีที่สุด!!..ครับ




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2564   
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2564 10:43:27 น.   
Counter : 685 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com