นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

“ไซนัสอักเสบ”... รีบรักษาก่อนลุกลาม 




“ไซนัสอักเสบ”... รีบรักษาก่อนลุกลาม 

อาการไซนัสอักเสบ จะมีตั้งแต่ คัดแน่นจมูก, น้ำมูกข้นเหลือง, ปวดโพรงจมูกหรือบริเวณใบหน้า และรากฟันบน ถ้าเป็นรุนแรงอาจมีไข้สูงร่วมด้วย ถ้าเป็นน้อยกว่า 3 เดือน เรียกว่าไซนัสอักเสบเฉียบพลัน แต่ถ้านานกว่านั้นคือเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง

การรักษาไซนัสอักเสบ เริ่มจากหาสาเหตุของการเกิดโรค เพื่อพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนตามสาเหตุของการเกิดโรค เช่น มีการติดเชื้อภายในโพรงจมูก มีเนื้องอกหรือริดสีดวงภายในโพรงจมูก ฟันผุ ฯลฯ การรักษาไซนัสอักเสบส่วนใหญ่ต้องอาศัยระยะเวลา บางชนิดอาจหาย แต่โอกาสกลับมาเป็นใหม่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน ทางที่ดีคือการรีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เมื่อมีอาการ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้รักษาง่ายกว่าเป็นระยะเรื้อรัง เพราะหากปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือติดเชื้อลามไปยังจุดสำคัญ เช่น สมองหรือดวงตา ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษาและอาจทำให้เสียชีวิตได้ด้วย

ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน รักษาได้โดยการใช้ยา ทั้งยาทานและย่าพ่นจมูก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ส่วน ไซนัสอักเสบเรื้อรัง หากใช้ยาไม่ได้ผลหรือมีการอักเสบซ้ำบ่อยๆ และมีภาวะแทรกซ้อนทั้งทางตา และสมองที่อยู่ใกล้เคียงอาจต้องให้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

“การส่องกล้องผ่าตัดไซนัส โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ จะช่วยแก้ปัญหาไซนัสอักเสบได้ดี เจ็บน้อย หายเร็ว ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ”

ทำความเข้าใจโรคไซนัสอักเสบ และวิธีส่องกล้องผ่าตัดไซนัส Full House FESS คลิก >> https://goo.gl/d3CPqk

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง หู คอ จมูก >> https://bit.ly/3O4Kyle
โทร 0 2743 9999 ต่อ 3291
Line Official : https://lin.ee/dED0pj2




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2567   
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2567 11:28:27 น.   
Counter : 168 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 


คุณแม่มือใหม่ “ฝากครรภ์” ยิ่งเร็วยิ่งดี 



คุณแม่มือใหม่ “ฝากครรภ์” ยิ่งเร็วยิ่งดี 

เพราะการฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณแม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ดังนี้

 
  • ตรวจสุขภาพและประเมินความเสี่ยง แพทย์จะตรวจสุขภาพโดยละเอียด เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของคุณแม่ และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ฯลฯ
     
  • ให้คำแนะนำและความรู้ แพทย์จะให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โภชนาการ การออกกำลังกาย การป้องกันอันตรายต่างๆ เป็นต้น
     
  • ตรวจติดตามพัฒนาการของทารก แพทย์จะตรวจติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับทารก

ประโยชน์ของการฝากครรภ์
  • คุณแม่และทารกมีสุขภาพแข็งแรง การได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และทารกในครรภ์
     
  • คุณแม่คลอดได้อย่างปลอดภัย การฝากครรภ์ช่วยให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     
  • เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ การฝากครรภ์จะช่วยให้คุณแม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในระหว่างตั้งครรภ์ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม

การฝากครรภ์ เป็นเรื่องสำคัญมากและเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรทำทันทีเมื่อทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ และควรเข้ารับการตรวจครรภ์ตามที่แพทย์นัดสม่ำเสมอ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

แผนกสูติ-นรีเวช >> https://bit.ly/3vzY4Xr
โทร 0 2743 9999 ต่อ 2220, 2229
 Line Official : https://lin.ee/dED0pj2




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2567   
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2567 16:30:13 น.   
Counter : 207 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 


ทำงานหน้าจอนานๆ ระวัง!..เป็น “ต้อกระจก” ก่อนวัย




ทำงานหน้าจอนานๆ ระวัง!..เป็น “ต้อกระจก” ก่อนวัย





“ต้อกระจก”
มักถูกมองว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุ แต่รู้หรือไม่ว่า วัยทำงานก็มีความเสี่ยงเป็นต้อกระจกได้เช่นกัน จริงอยู่ว่า “อายุ” เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดต้อกระจก (80% ของผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ) แต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของวัยทำงานก็ส่งผลต่อความเสี่ยงนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการใช้สายตาในการทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือนานเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน ที่เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นต้อกระจกก่อนวัย ถึง 2 เท่า!





ทำไม?...การจ้องจอถึงส่งผลต่อดวงตา

  • แสงสีฟ้าจากหน้าจอ : ส่งผลต่อจอประสาทตา ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาพร่ามัว
  • การจ้องจอ : ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก เกิดอาการปวดตา มองภาพซ้อน
  • การกระพริบตา : ลดลง 60% ทำให้น้ำตาไม่กระจายทั่ว เกิดอาการตาแห้ง
 
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยง “ต้อกระจก” ก่อนวัย เช่น
  • โรคประจำตัว : เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไทรอยด์
  • อุบัติเหตุ : เชื่อมโลหะไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน หรือเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วเศษกระจกทิ่มตา
  • พฤติกรรม : สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำ
  • แสงแดด : ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานานๆ หรือดวงตาถูกแสงแดดจ้าเป็นประจำ
  • ยาบางชนิด : ยากลุ่มสเตียรอยด์ ที่มักใช้ในการรักษาโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคข้อ โรคไต
  • ความผิดปกติของตา : ตาติดเชื้อ ม่านตาอักเสบ
     



ไม่อยากเป็นต้อกระจกก่อนวัย? ดูแลดวงตาง่ายๆ ด้วย 5 วิธีนี้

1. พักสายตาเป็นประจำ
- ทุกๆ 1 ชั่วโมง พักสายตา 5-10 นาที
- เปลี่ยนจุดโฟกัส มองออกไปไกลๆ เพื่อละสายตาจากหน้าจอ

2. ปรับแสงสว่างให้เหมาะสม
ปรับแสงหน้าจอให้พอเหมาะ ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป
หลีกเลี่ยงแสงสว่างจ้าสะท้อนเข้าตา

3. ปรับท่าทางการนั่ง
ศีรษะควรอยู่สูงกว่าจอคอมพิวเตอร์เล็กน้อย
หลีกเลี่ยงการเงยหน้ามองจอ

4. บรรเทาอาการตาแห้ง
กะพริบตาบ่อยขึ้น
- ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา

5. ใส่แว่นตาที่เหมาะสม
ตรวจวัดค่าสายตาและเลือกแว่นตาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ดวงตาทำงานหนักเพิ่มขึ้น






“ดวงตา” ช่วยให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ การใช้ดวงตาอย่างหนักในชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อสุขภาพตาของเราโดยตรง เราจึงควรให้ความสำคัญในการดูแล และหมั่นตรวจเช็คสุขภาพดวงตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง เพราะดวงตาที่เสื่อมสภาพอาจนำไปสู่โรคทางตาต่างๆ และบางโรคอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นแบบถาวร

ต้อกระจกในวัยทำงาน คลิกชม >>https://www.youtube.com/watch?v=qzsUixYyM6c






 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2567   
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2567 11:18:34 น.   
Counter : 163 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 


"BEFAST" อาการเตือนโรคหลอดเลือดสมอง



"BEFAST" อาการเตือนโรคหลอดเลือดสมอง

รู้หรือไม่? การรู้และการระวัง BEFAST สามารถช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

โรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสมองนับว่าเป็นหนึ่งในอันดับหลักๆ ของความเสี่ยงในยุคปัจจุบัน เป็นเหตุที่ทำให้หลายคนต้องหันมาสนใจและระวังโรคนี้อย่างมากขึ้น เรามักคิดว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเริ่มมีผู้ป่วยในวัยกลางคนหรือวัยทำงานเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับกรณีของนักร้องชื่อดัง "ต้าร์" จากวงมิสเตอร์ทีม (Mr.Team) ที่ต้องเข้ารับการรักษาเร่งด่วนเนื่องจากมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลันขณะแสดงคอนเสิร์ต ทุกคนคงตกใจกับเหตุการณ์นี้ ดังนั้นการรู้จักและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อการป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง โดยสาเหตุมาจากการอุดตันหรือการตีบของหลอดเลือด ทำให้เซลล์สมองเสียหายและมีผลต่อร่างกายโดยทั่วไป เป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เนื่องจากบางคนอาจไม่รู้สึกตัวว่าเป็นโรค และต้องรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการหนักขึ้น เพราะมักพบว่าอาการหนักๆ เช่นนี้มักต้องนำส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ดังนั้นการสังเกตความผิดปกติของร่างกายเองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราป้องกันโรคนี้ได้

อย่าลืมว่าอาการ BEFAST เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุอาการของโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันได้อย่างง่ายดาย
  • B = Balance (เวียนหัวและเดินเซ ทรงตัวไม่ได้)
  • E = Eyes (ตามัว มองไม่เห็น เฉียบพลัน)
  • F = Face (ปากเบี้ยว หรือมุมปากตก)
  • A = Arm (แขนหรือขาอ่อนแรงซีกเดียว)
  • S = Speech (พูดไม่ชัดเจนหรือพูดไม่ออก)
  • T = Time (เร่งรีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด)
ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองอาจเกิดจากความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างอย่างไรก็ตาม การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก็ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีส่วนร่วมในการเกิดโรคนี้ด้วย

นอกจากการสังเกตความผิดปกติของร่างกายแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปีและการรักษาความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ หากคุณพบว่ามีความดันโลหิตที่สูงกว่า 140/80 mmHg ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ

อย่าลืมว่าแม้บางครั้งอาการที่เกิดขึ้นอาจดีขึ้นได้เอง แต่อย่ามัวแต่นอนใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะการรักษาที่ทันเวลาจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ป่วย และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หรือใกล้เคียงกับสภาวะปกติมากขึ้นได้




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2567   
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2567 13:31:01 น.   
Counter : 183 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 


ปวดไหล่..อย่าปล่อยเรื้อรัง.. ระวังไหล่ติด แจกท่าบริหารไหล่ กันไหล่ติด!




ปวดไหล่..อย่าปล่อยเรื้อรัง.. ระวังไหล่ติด

แจกท่าบริหารไหล่ กันไหล่ติด!

อาการปวดไหล่ ไม่ว่าจะเกิดจากเอ็นอักเสบ หรือกล้ามเนื้ออักเสบ มักจะทำให้ไหล่ติดแข็ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดไหล่และขยับหัวไหล่ได้น้อยลง หากไม่ได้รับการรักษาอาการปวดจะกลายเป็นเรื้อรัง การออกกำลังกายบริหารข้อไหล่อย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อไหล่ ลดอาการปวดและป้องกันไหล่ติดได้

** อาการไหล่ติดช่วงเริ่มต้นสามารถรักษาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัดและการบริหารไหล่เป็นประจำ ซึ่งการรักษาให้หายขาดจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเองด้วยเช่นกัน **

โปรแกรมออกกำลังกายสำหรับไหล่ คลิกอ่าน >> https://bit.ly/3Sg2qMi

โปรแกรมออกกำลังกายสำหรับไหล่





1. ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นแขน (Tricep Stretch)

  • ยืนตรงและยกแขนให้ข้อศอกไปอยู่ด้านหลังศีรษะ
  • ใช้มืออีกข้างด้านตรงข้ามมาจับดึงบริเวณข้อศอกซึ่ง อยู่ด้านหลังศีรษะ แล้วดึงค้างไว้ 15 วินาที จากนั้นพัก
  • ออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 6 ครั้ง จากนั้นสลับเป็นแขนอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำเช่นเดิม




2. ท่าหมุนไหล่ (Shoulder Circles)
  • ยกแขนขึ้นในระดับเดียวกับหัวไหล่
  • ค่อยๆ หมุนแขนทั้ง 2 ข้างเป็นวงกลมจากหน้าไปหลัง โดยเริ่มต้นด้วยวงเล็กๆ ก่อนจากนั้นค่อยๆ ขยายวงให้กว้างใหญ่ขึ้น
  • ออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง




3. ท่ายกแขนด้านข้าง (Slide Lift)
  • นอนหงายเหยียดขาตรง 2 ข้าง แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง โดยตัวเหยียดตรง จากนั้นค่อยๆ ยกแขนข้างลำตัวขึ้นตรงชี้เพดาน แล้วพัก
  • ออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง แล้วจึงสลับข้าง และทำซ้ำเช่นเดิม




4. ท่ายืด แขนขึ้น (Reaching Up)
  • นอนหงายราบกับพื้น และยกแขนเหยียดตรงขึ้นไปหาเพดาน จากนั้นจึงยกข้ามศีรษะไปด้านบนโดยที่ไม่ให้แขนแตะพื้น แล้วพัก
  • ออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 10 ครั้ง จากนั้นสลับไปทำกับแขนอีกข้าง




5. ท่าบริหารไหล่ด้านหลัง (Shoulder Back)
  • ยืนตรงและงอแขนทั้ง 2 ข้างไว้ระดับหัวไหล่
  • ดันข้อศอกไปทางด้านหลังและพยายามรักษาระดับแขนไว้
  • พักและออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 5 ครั้ง
     



6. ท่ายืดหัวไหล่ (Shoulder Stretch)
  • ยืนตัวตรงและงอแขนข้างหนึ่งไว้ระดับหัวไหล่ โดยให้แขนตั้งขึ้น
  • ใช้มืออีกข้างมาดึงข้อศอกไปทางด้านตรงข้ามไหล่ ทำท่านี้ค้างไว้ 15 วินาที แล้วพัก
  • ออกกำลังกายท่านี้ให้ครบ 6 ครั้ง จากนั้นทำซ้ำเช่นเดิมกับแขนอีกข้าง

สายด่วยสุขภาพโทร 0 2743 9999 ต่อ 2999
Line Official : https://lin.ee/dED0pj2




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2567   
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2567 13:40:42 น.   
Counter : 182 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com