นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

ตั้งครรภ์แล้วดูแลช่องปากไม่ดี เสี่ยงลูกคลอดก่อนกำหนดได้



ตั้งครรภ์แล้วดูแลช่องปากไม่ดี เสี่ยงลูกคลอดก่อนกำหนดได้

🤰คุณแม่มือใหม่หลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า ช่วงที่ตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงสุขภาพในช่องปากด้วย

จากการศึกษาพบว่าใน 50% ของคุณแม่ตั้งครรภ์ มักจะมีภาวะเหงือกอักเสบและปริทันต์ร่วมด้วย ซึ่งกรณีที่เป็นปริทันต์อักเสบรุนแรง ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่ลูกจะคลอดก่อนกำหนด และทำให้ลูกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์ได้อีกด้วย

นอกจากนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ยังมีโอกาสเกิดโรคฟันผุได้มากขึ้น เพราะช่วงตั้งครรภ์คุณแม่มักจะชอบกินจุบจิบ หรือหาของกินเข้าปากอยู่ตลอดเวลา หากช่วงนั้นคุณแม่ดูแลสุขภาพช่องปากได้ไม่สะอาดเพียงพอ ก็เสียงทำให้เกิดฝันผุได้ง่าย

📌 ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรละเลย ที่สำคัญในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่สามารถทำฟันได้ตามปกตินะ ไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน หรือขูดหินปูน ก็ตาม ที่สำคัญคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของช่องปาก รวมถึงรับคำแนะนำในการดูแลช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ หรือก่อนที่จะตั้งครรภ์ดีที่สุดครับ..

🦷 เพราะสุขภาพฟันที่ดีของคุณแม่ จะส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ด้วยเช่นกัน




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2563   
Last Update : 11 ธันวาคม 2563 11:14:19 น.   
Counter : 850 Pageviews.  


ขูดหินปูนยังไง? ไม่ให้เจ็บ



ขูดหินปูนยังไง? ไม่ให้เจ็บ


😁 ก่อนอื่น ขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อน ว่าหินปูนในช่องปาก เกิดจากแบคทีเรียผสมกับโปรตีนจากอาหารที่เราทานเข้าไป เมื่อสองสิ่งนี้ฟิวชั่นเข้าด้วยกัน ก็จะกลายร่างเป็นชั้นฟิล์มเหนียวๆ แหมะติดหนึบอยู่ตามโคนฟัน ยิ่งใกล้เหงือกยิ่งติดดี๊ดี

เจ้าชั้นฟิล์มตัวนี้ ภาษาคนในวงการ เราเรียกกันว่า คราบพลัค (Plague) ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเราสามารถแปรงฟันเอาออกได้อยู่ แต่ถ้าวันไหนเราแปรงฟันได้ไม่สะอาดพอ เจ้าคราบพลัคที่หลงเหลืออยู่ นานวันเข้าก็จะเริ่มสะสมขุมกำลังเป็นของตัวเอง จนกระทั่งแกร่งกล้าจนแข็งตัว แล้วกลายร่างเป็นหินปูนเกาะติดแน่นทนนานยิ่งกว่าจิ้งจกเกาะฝากระโปรงรถซะอีก

👉 ซึ่งเจ้าหินปูนเป็นสาเหตุหลักๆ ของปัญหาสุขภาพช่องปากของเราเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เหงือกบวม เหงือกร่น เหงือกอักเสบ ฟันเหลือง ฝันผุ มีกลิ่นปาก โรคปริทันต์ เลือดออกขณะแปรงฟัน และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย นับๆ มาเป็น 10 ข้อ หาข้อดีไม่เจอซักข้อเดียว ฉะนั้นเราก็ไม่ควรต้องเก็บมันเอาไว้ และควรถอนรากถอนโคนมันเสีย ก่อนที่มันจะมาถอนโคนฟันของเราแทน

แต่ก็นั่นแหละ พอเราปล่อยให้หินปูนมันเก็บเลเวลจนเก่งกล้าแล้ว จะใช้แปรงสีฟันมาแปรงออกธรรมดาๆ ก็คงไม่หลุดไปง่ายๆ หรอก แต่จะใช้เครื่องมือแข็งๆ มาแงะเองก็ไม่ได้อีก เพราะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อฟันและเหงือกได้ด้วย อันนี้ห้ามทำเด็ดขาด เสี่ยงอันตรายมากๆ

ส่วนเครื่องมือเฉพาะทางในการสกัดหินปูนของทันตแพทย์นั้นแตกต่างออกไป เพราะการขูดหินปูนเป็นการใช้ความถี่ทำให้เครื่องมือสั่น แล้วใช้หลักการกะเทาะให้หินปูนแตกออก และร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ ไม่ใช่เป็นการขูดหรือการกรอฟัน

“ดังนั้นการขูดหินปูนจึงไม่ได้ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน หรือทำให้เนื้อฟันเสียหายแต่อย่างใด”

และการที่หินปูนเกาะตามคอฟัน ซอกฟัน อาจทำให้รู้สึกเหมือนว่าฟันหนาและชิดกัน เมื่อขูดหินปูนออกไปเหลือแต่ฟันเปล่าๆ เราจึงมักจะรู้สึกว่าฟันห่างหรือบางลงนั่นเอง...

📌 ส่วนการขูดหินปูนให้ไม่เจ็บเนี่ย อันนี้ก็เรียนตามตรงว่า ขูดทุก 6 วันก็ไม่เจ็บปากนะ แต่อาจเจ็บเงินในกระเป๋าแทน เพราะหินปูนยังไม่ก่อตัวขึ้นมาเท่าไหร่ก็ต้องมาขูดออกแล้ว ฉะนั้นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือควรมาขูดหินปูนทุก 6 เดือนนั่นเอง

แถมมาเจอหมอฟันทุก 6 เดือนแบบนี้ เวลาเจอฟันผุ จะได้รักษากันแต่เนิ่นๆ ได้ด้วย ถ้าเว้นไว้หลายปีแล้วหมอมาเจอฟันผุอีกที บางครั้งอาจต้องถอนฟันออกเลยนะ แน่นอนว่าถ้าฟันแท้ของเราหายไป จ่ายกี่ตังค์ก็ไม่คุ้มอยู่ดีแหละเน้อ...




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2563   
Last Update : 9 ธันวาคม 2563 10:34:34 น.   
Counter : 855 Pageviews.  


รู้หรือไม่ เราสามารถฟันผุทั้งๆ ที่เพิ่งอุดฟันไปแล้วได้




รู้หรือไม่ เราสามารถฟันผุทั้งๆ ที่เพิ่งอุดฟันไปแล้วได้

🦷 จริงอยู่ที่การอุดฟันมีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การซ่อมแซมฟันซี่ที่ผุอยู่ หรือซี่ที่เสียหาย ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน มีรูปร่างเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงฟันเดิม หรืออาจจะได้ฟันที่ดีกว่าเดิมก็ได้

แต่รู้อะไรไหม ว่าตรงจุดที่อุดฟันไปแล้ว ถ้าเราดูแลไม่ดี มันก็สามารถผุซ้ำซ้อนได้อีก เรียกว่าเป็นการผุแบบ Inception เลยก็ว่าได้

สาเหตุก็เกิดจาก ตอนที่เราอุดฟัน ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด หรือจะใช้วัสดุชนิดใดก็ตาม บริเวณที่อุดฟันจะมีรอยต่อระหว่างวัสดุกับผิวฟัน ซึ่งร่องเล็กๆ ตรงนี้แหละ จะเป็นจุดให้แบคทีเรียมูฟออนเข้าไปอาศัยอยู่กันเป็นชุมชนแออัดได้ และหากเราไม่ดูแลรักษาความสะอาดให้ดีพอ สุดท้ายบริเวณที่อุดฟันไปก็อาจจะกลับมาผุซ้ำได้อีกครั้งนั่นเอง

👉เพราะฉะนั้นหลังจากที่อุดฟันไปแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีด้วยการ..

➡️ แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที และงดทานอาหารหลังแปรงฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ใครที่กังวลมาก หลังทานอาหารเสร็จ ก็สามารถแปรงฟันหรือใช้น้ำบ้วนปากช่วยลดการสะสมคราบพลัคได้ด้วย

➡️ ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน ที่ขนแปรงไม่สามารถทำความสะอาดได้ทั่วถึง

➡️ ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนหรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก รวมถึงคุณภาพของวัสดุอุดฟันในปาก อันนี้สำคัญมาก เพราะบางคนปล่อยทิ้งไว้หลายปีแล้วค่อยมาตรวจ บางครั้งถ้าเจอฟันผุแต่เนิ่นๆ แค่อุดฟันก็หายแล้ว แต่มาเจอตอนอาการหนักๆ นี่ถอนสถานเดียวนะครับ

📌 ที่สำคัญหมั่นตรวจดูรอยอุดว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ หากมีรอยแตกบิ่น หรือวัสดุอุดฟันสีเริ่มเปลี่ยน หรือใช้ไหมขัดฟันบริเวณนั้นแล้วขาด หรือมีกลิ่นเหม็นบริเวณที่เคยอุดไป อันนี้ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที อย่าปล่อยไว้นานๆ นะครับ




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2563   
Last Update : 8 ธันวาคม 2563 10:53:17 น.   
Counter : 900 Pageviews.  


ถอนฟันแล้วไม่ใส่ฟันปลอม... ระวังจะเสียฟันจริงเพิ่ม!



ถอนฟันแล้วไม่ใส่ฟันปลอม... ระวังจะเสียฟันจริงเพิ่ม!

🦷 หลายคนหลังถอนฟันออกไปแล้ว เข้าใจว่าการใส่ฟันปลอมนั้นทำไปเพื่อความสวยงามเท่านั้น เช่น ใส่เฉพาะเวลาถอนฟันหน้าอะไรแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วเวลาถอนฟันซี่อื่นๆ ทันตแพทย์ก็ยังแนะนำให้ใส่ฟันปลอมด้วย

เนื่องจากเวลาที่ฟันแท้ของเราหลุดออกไป จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันเป็นรูโหว่อยู่ ถ้าเราไม่ใส่ฟันปลอมจะส่งผลให้ฟันที่อยู่ข้างเคียงโยก ล้ม หรือเอียงได้ แทนที่จะเราเสียฟันไปแค่ซี่เดียว หากปล่อยไว้ก็อาจทำให้เสียฟันเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองหรือสามซี่ได้ด้วย

นอกจากนี้ยังทำให้การสบฟันมีปัญหา ส่งผลให้การบดเคี้ยวอาหารทำได้ไม่ดีพอ และยังทำให้โครงสร้างของใบหน้าผิดรูปไปจากเดิมได้เช่นกัน พอคำนวณความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ใส่ฟันปลอมแล้ว หลายคนบอก เอาเงินตรงนั้นมาทำฟันปลอมประหยัดกว่าเยอะมากๆ

📌ฉะนั้นการใส่ฟันปลอมจึงสำคัญมากทั้งด้านความสวยงาม การบดเคี้ยว และสุขภาพของปากโดยรวมทั้งหมด

รวมถึงเมื่อถอนฟันซี่เก่าแล้ว ใช่ว่าจะทำฟันปลอมทับเย็นวันนั้นได้เลยนะ แนะนำว่าควรรอให้แผลถอนฟันหายสนิทดีก่อน ซึ่งปกติก็จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนหลังถอนฟันเสร็จ ถ้าแผลหายดี ไม่มีการติดเชื้อเพิ่ม และเหงือกยุบตัวเต็มที่แล้ว เวลาทำฟันปลอมใส่ก็จะแนบสนิทกับเหงือกขอเรา ทำให้ไม่รู้สึกรำคาญเวลาสวมใส่ รวมถึงไม่ทำให้เราพาลเกลียดฟันปลอมไปด้วย

👉ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำฟันปลอม ช่วยให้รู้สึกสบายเหมือนไม่ได้สวมใส่เลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ อย่าลืมเข้าไปปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อขอรับคำแนะนำในการใส่ฟันปลอมกันด้วยนะครับ




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2563   
Last Update : 4 ธันวาคม 2563 9:49:14 น.   
Counter : 690 Pageviews.  


7 วิธีบำรุงผิวหน้าหนาวที่สาวๆ ควรแชร์ไว้อ่าน



7 วิธีบำรุงผิวหน้าหนาวที่สาวๆ ควรแชร์ไว้อ่าน

สิ่งที่มาคู่กับหน้าหนาวที่สาวๆ หลีกเลี่ยงไม่เคยได้ก็คือ ผิวแห้งกร้านนี่แหละ โดยเฉพาะคนที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นทางตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคเหนือ เชื่อว่าอาการผิวแห้งคงต้องวนกลับมาเจอกันทุกปีแน่ๆ

สาเหตุหลักๆ ก็เกิดจากอากาศเย็นที่มาพร้อมกับความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่น้อยลง พอร่างกายอยู่ในอากาศแห้งนานๆ ผิวก็เลยสูญเสียน้ำได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผิวของเราแห้งตึง ลอก คันยุบยิบ หรือเป็นผื่นแดงๆ แบบนี้แหละ หากไม่ทำการป้องกัน ก็อาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย เรียกว่ายังไม่เข้าเลขสามแต่ริ้วรอยมาเยือนได้แล้ว

แน่นอนว่าของแบบนี้คงไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ ฉะนั้นการป้องกันเวลาอยู่ในพื้นที่ที่อากาศเย็นหรือแห้งบ่อยๆ หากทำตาม 7 ขั้นตอนนี้ก็จะช่วยป้องกันเรื่องผิวแห้งลงได้เยอะเลยล่ะ
 

 อาบน้ำอุ่นคือของต้องห้าม 
เข้าใจแหละว่าอากาศหนาวๆ ใครก็ชอบอาบน้ำอุ่นกันทั้งนั้น แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวแห้งเป็นขุยได้ง่ายกว่าอาบน้ำอุนหภูมิปกตินะ ที่สำคัญไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น รวมถึงแนะนำให้ใช้สบู่หรือใช้เจลอาบน้ำที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นหลักก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเราได้เยอะแล้วล่ะ

หลังอาบน้ำทาครีมบำรุงทันที
ช่วงเวลา 
3-5 นาที หลังจากอาบน้ำเสร็จ เมื่อผิวโดนน้ำแล้วจะยังมีความชุ่มชื้นอยู่ ดังนั้นหลังเช็ดตัวหมาดๆ ให้รีบทาครีมบำรุงผิวทั้งที่ใบหน้าและลำตัวโดยเร็ว เพราะช่วงนี้ถือเป็นช่วงนาทีทองของผิวเลยก็ว่าได้

เสริมทัพด้วยครีมบำรุงผิวหรือเซรั่ม 
เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีครีมรู้ใจที่ใช้เป็นประจำกันอยู่แล้ว แต่หน้าหนาวแบบนี้อย่าลืมเพิ่มครีมที่มีความเข้มข้นของ Moisturizer หรือ Essential Oil ที่สูงขึ้นด้วย ผิวจะได้ชุ่มชื้นยิ่งขึ้น
 
อ่อ แนะนำให้หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือเรตินอยด์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งกว่าเดิมนะ และส่วนที่สำคัญที่สุดต้องบำรุงผิวหน้าเยอะหน่อย เพราะเป็นจุดที่ผิวแห้งง่ายมากกว่าบริเวณอื่น ให้ลองเลือก Serum ดีๆ สักตัวมาบำรุงผิวก่อนทาครีม เพราะนอกจากจะซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายแล้ว ยังช่วยเร่งการฟื้นฟูสุขภาพผิวให้ดีขึ้นได้อีกด้วย



ไม่ทาครีมกันแดด = ประหาร 
ยิ่งหน้าหนาวรังสียูวีก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งส่งผลให้ผิวแห้งง่ายกว่าเดิมมากๆ เพราะฉะนั้นครีมกันแดดจึงเป็นอะไรที่ห้ามพลาด ถ้ารู้ว่าวันนี้ต้องลุยแดดแน่ๆ ก็ควรโบกให้แน่นก่อนออกจากบ้านเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งครีมกันแดดที่เลือกใช้ควรจะมีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไป และถ้ามีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วยจะดีมาก เพราะนอกจากจะช่วยกันแดดแล้ว ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ด้วย
 

ลิปบาล์มห้ามพลาด 
เมื่อดูแลผิวหน้าและผิวกายให้ดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมดูแลริมฝีปากและมือด้วย ซึ่งอากาศแห้งจะทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกง่ายขึ้น จึงไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ และหมั่นทาลิปบาล์มอยู่เสมอ
 
 
เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ทำให้ระคายเคือง 
การเลือกเสื้อผ้าในช่วงนี้จึงควรเลือกเนื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่บาดหรือระคายเคืองผิว เช่น ผ้าคอตตอน ส่วนการใช้ผ้าขนสัตว์หรือใยสังเคราะห์อาจจะทำให้คันหรือระคายเคืองผิวจนเราเผลอเกาแล้วผิวลอกตามมาได้ด้วย
 
 

กินของดีเพื่อบำรุงผิวจากภายใน
หลังจากป้องกันและจัดเต็มจากภายนอกกันเต็มเหนี่ยวแล้ว สุดท้ายนี้ต้องบอกว่าห้ามลืมดูแลจากภายในด้วย ของที่เหมาะทานเพื่อบำรุงผิวในช่วงหน้าหนาวได้แก่ หมูกระทะ ! จะบ้าเหรอ ล้อเล่น พี่หมอขอแนะนำให้ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ, ซี, อี เพื่อเติมอาหารให้กับผิว ที่สำคัญควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เกินวันละ 8 แก้วได้ยิ่งดี เพื่อทดแทนน้ำในร่างกายและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอนั่นเองครับ




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2563   
Last Update : 2 ธันวาคม 2563 13:15:49 น.   
Counter : 714 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com