นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

ทำไม? ต้องวัดความฟิตของร่างกายด้วย VO2 Max



ทำไม? ต้องวัดความฟิตของร่างกายด้วย VO2 Max

เคยสงสัยกันไหม?... ว่าเวลาที่ไปออกกำลังกาย แล้วทำไมเหนื่อยง่ายจังเลย ทั้งๆ ที่ออกกำลังกายบ่อยๆ สม่ำเสมอ แต่เหมือนไม่ช่วยให้เหนื่อยน้อยลงเลย แต่ทำไมเพื่อนที่มาด้วยดูชิวๆ ขอบอกว่าคำตอบก็คือความฟิตของร่ายกายที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน

ทีนี้ถ้าอยากรู้แล้วหล่ะว่าความฟิตของร่างกายเรามีมากน้อยขนาดไหน ก็ต้องอาศัยตัวช่วยในการวัดสมรรถภาพความฟิตของร่างกายด้วย VO2 Max เป็นการประเมินสมรรถภาพหัวใจและปอดที่มีความแม่นยำน่าเชื่อถือ เหมาะกับ

1. ผู้ที่เริ่มออกกำลังกาย แต่อาจมีข้อจำกัดเช่นโรคประจำตัว ความเสี่ยงต่างๆ การทดสอบจะทำให้รู้ระดับของการออกกำลังที่ได้ผลและปลอดภัย

2. ผู้ที่อยากให้ความแข็งแรงของปอดและหัวใจดีขึ้น การทดสอบจะทำให้เรามี เป้าหมายและตัวชี้วัดที่ประเมินได้ ว่าเราควรจะต้องแข็งแรงขึ้นถึงระดับไหน

3. นักกีฬา ที่ต้องการทดสอบสมรรถภาพและ มีเป้าหมายในการฝึกซ้อม

โดยการเตรียมตัวก่อนการวัด VO2 Max ก็ไม่ยุ่งยาก เหมือนๆ กับการเตรียมตัวมาออกกำลังกาย โดยนำเสื้อผ้าชุดออกกำลังกายมาด้วย แล้วคืนก่อนที่จะมาทดสอบหรือวันก่อนทดสอบก็ให้พักผ่อนให้เต็มที ไม่ออกกำลังกายมากเกินไปหรือหนักเกินไป เพราะจะมีผลทำให้ล้าในวันที่มาทดสอบ ทานอาหารให้เพียงพอก่อนทดสอบประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้ามีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาก็ให้ทานยาได้ตามปกติ

📌การวัด VO2 Max เทคโนโลยีทดสอบสมรรถภาพร่างกายระบบหัวใจและปอด โดย ผศ.ดร.สิทธา พงษ์พิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ ปอด และเบาหวาน คลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/320




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2564   
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2564 11:50:01 น.   
Counter : 659 Pageviews.  


อาการแบบไหน? ร่างกายกำลังเตือนว่าคุณขาดน้ำ



อาการแบบไหน? ร่างกายกำลังเตือนว่าคุณขาดน้ำ

💧หลายคนคงเคยได้ยินว่าเราควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วมาเป็นพันๆ รอบแล้วใช่มั้ย แต่เชื่อเถอะว่านอกจากที่บ้านเราพร่ำบอกให้คุณดื่มน้ำแล้ว จริงๆ ร่างกายก็กำลังบอกให้คุณดื่มน้ำเพิ่มเหมือนกันโดยที่คุณไม่ได้ยินเสียงของเขาหรอก แต่เค้าจะเตือนคุณด้วยอาการเหล่านี้...

* กระหายน้ำ อันนี้อาการเบสิคหลักๆ เลยเราจะเช็คได้จากในปากของเราไม่มีน้ำลาย แม้ในขณะที่ดื่มน้ำร่างกายอาจจะเตือนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องดื่มอีกๆ อาการเหมือนดื่มน้ำไม่อิ่ม ซึ่งจะรู้สึกว่าดื่มพอแล้วก็ต่อเมื่อระดับของเหลวในร่างกายคืนสู่สภาวะปกตินั่นแหละ บางคนอาจซัดน้ำไปสองสามแก้วก็มี

* ปากแห้ง คอแห้ง อันนี้อาการต่อเนื่องจากอาการตะกี๊ เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้ง หรือรู้สึกคอแห้ง การดื่มน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุภายในช่องปากและลำคอ ทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นไม่แห้งด้วย

* ผิวแห้ง ผิวหยาบ อันนี้สังเกตได้จากผิวตามแขนหรือขาก็ได้ หากสัมผัสแล้วไม่รู้สึกชุ่มชื้น สากๆ หรือดูผิวแห้ง อันนี้ก็ควรซิ่งไปหาน้ำดื่มทันทีเลย บางรายหากปล่อยไว้อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้ เช่น ผิวแตก แล้วต้องมาเสียเวลาซ่อมกันใหญ่โต กินน้ำแก้วเดียวจบ

* ตาแห้ง อันนี้หลายคนอาจไม่ทราบว่าเวลาร่างกายเราขาดน้ำท่อน้ำตาก็จะแห้งตามไปด้วย ส่งผลให้ตามีสีแดงก่ำเนื่องจากเส้นเลือดฝอยในตาแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์การขาดน้ำจะส่งผลอันตรายมากกว่าคนปกติพอสมควร

* เหนื่อยล้าและเซื่องซึม เมื่อร่างกายขาดน้ำ ร่างกายก็จะไปยืมน้ำส่วนอื่น เช่น เลือดมาชดเชยแทน ปัญหาที่ตามมาคือ การขาดออกซิเจนที่จะไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย แน่นอนว่าการขาดออกซิเจน จะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและง่วงเหงาหาวนอนตามมาด้วย

* ท้องผูก การดื่มน้ำมีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร ดังนั้นหากร่างกายขาดน้ำจะทำให้เกิดปัญหาลุกลามไปจนกลายเป็นอาการท้องผูกนี่แหละ หลายคนบอกตัวเองเป็นคนกินผักเยอะ แต่หากกินน้ำน้อยก็สามารถเกิดอาการท้องผูกได้เช่นกัน

* ปัสสาวะน้อย โดยปกติแล้วคนที่ดื่มน้ำเพียงพอจะเข้าห้องน้ำประมาณวันละ 4-7 ครั้ง แต่ถ้าเข้าห้องน้ำน้อยกว่านี้ และปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม แสดงว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ และในกรณีที่แย่ที่สุด คืออาจเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย

ถ้ามีอาการดังกล่างอย่างที่บอก ก็แนะนำว่าให้เดินไปดื่มน้ำซักแก้วนึง หรืออย่างน้อยเดินไปจิบให้ได้ซักนิ๊ดนึงก็ยังดี ดีกว่าปล่อยเอาไว้เฉยๆ แล้วอาจกลายเป็นโรคแทรกซ้อนได้อย่างที่บอก

📌 ใครที่อยากรู้ว่าตัวเองควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรต่อวัน ทางการแพทย์มีสูตรการคำนวณมาให้ดูด้วยนะ หลักๆ แล้วให้เอาน้ำหนักตัวของเราเป็นกิโลกรัม คูณด้วย 2.2 เอาผลลัพธ์มาหารด้วย 2 แล้วคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มหน่วยเป็นมิลลิลิตร

เช่น น้ำหนัก 60 กิโลกรัม (60 x 2.2 X 30) /2 = 1980 มิลลิลิตร หรือประมาณ 2 ลิตร ปริมาณน้ำ 1 ลิตรเท่ากับน้ำ 5 แก้ว ดังนั้นต้องดื่มน้ำประมาณ 10 แก้วต่อวัน สำหรับคนที่น้ำหนักมากกว่า หรือน้อยกว่านี้ก็ลองคำนวณกันดูนะครับ จะได้รู้ว่าร่างกายของเราต้องการน้ำต่อวันเท่าใด เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำนั่นเอง




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2564   
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2564 11:43:44 น.   
Counter : 915 Pageviews.  


เทคนิคการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างมือโปร




เทคนิคการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างมือโปร

ในภาวะกักตัวหรือ wfh กันแบบนี้ สวนสาธารณะต่างๆ ก็ถูกปิดอยู่ ทำให้หลายๆ คนงัดลู่วิ่งไฟฟ้ากลับมาใช้ที่บ้านกันอีกครั้งหลังจากเป็นที่แขวนเสื้อมานาน

📌วันนี้พี่หมอรามเลยจะมาแนะนำการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าให้ได้ประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด เริ่มจาก

✳ วอร์มร่างกายทุกครั้งก่อนจะวิ่ง อันนี้เบสิคในการออกกำลังกายแทบทุกชนิดเลย เพราะการวอร์มร่างกายก่อนเล่นจะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ ถึงแม้จะเป็นการออกกำลังกายในลู่แบบนี้ก็ตาม บางครั้งหากเปิดเครื่องแล้ววิ่งเลยก็อาจทำให้เราบาดเจ็บได้เช่นกัน

✳ ไม่ตั้งลู่วิ่งไฟฟ้าให้ชันมากจนเกินไป เพราะหากตั้งลู่วิ่งให้ชันมากจะต้องใช้แรงในการวิ่งมากขึ้น และหากคุณปรับระดับการวิ่งให้เร็วมากเกินไปบวกกับความชันที่มากไป ก็อาจจะทำให้การออกกำลังกายหนักจนเกินพอดีได้

✳ อย่าวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าด้วยโปรแกรมเดิมๆ แน่นอนว่าการทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ จะทำให้เราเบื่อง่าย ฉะนั้นปกติแล้วลู่วิ่งก็มักมีโปรแกรมการวิ่งทั้งเร็วสลับช้ามาเป็นตัวเลือกให้คุณเลือกใช้ก่อนการวิ่งเสมอ การเปลี่ยนโหมดแบบนี้จะช่วยท้าทายร่างกายตัวเอง ซึ่งนั่นจะทำให้การออกกำลังกายเห็นผลมากขึ้นตามมา

✳ รู้ว่าฟิตแต่อย่าปรับความเร็วมากเกินไป เพราะการปรับความเร็วของลู่วิ่งให้เร็วไป อาจนำมาสู่การบาดเจ็บได้ ถ้ามันเร็วจนคุณไม่สามารถผ่อนความเร็วในการวิ่งได้ เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยและวิ่งตามไม่ทันก็อาจจะทำให้ตกจากเครื่องและบาดเจ็บได้ ดังนั้นปรับความเร็วในการวิ่งให้เหมาะสมกับตัวเองจะดีกว่า

✳ พยายามวิ่งให้อยู่ตรงกลางสายพานเสมอ การวิ่งตรงกลางสายพานเพื่อป้องกันไม่ให้วิ่งใกล้กับตำแหน่งด้านหน้ามากเกินไป ซึ่งหากวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วหน้าอกของคุณไปสัมผัสกับส่วนที่เป็นแป้น อันนี้ก็หมายความว่าคุณวิ่งเร็วและเข้าใกล้ตัวเครื่องมากเกินไปแล้ว ให้ผ่อนแรงลงมานิดนึงนะ

✳ หลีกเลี่ยงการจับราวจับของลู่วิ่งไฟฟ้า เพราะการที่คุณจับราวของเครื่องลู่วิ่งไฟฟ้า จะทำให้จังหวะการวิ่งของคุณเสียไป ส่งผลให้วิ่งได้ไม่เต็มที่ วิ่งไม่เป็นธรรมชาติและเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้ ฉะนั้นอย่าไปสนใจที่จับหรือราวจับของลู่วิ่งมากนัก เพราะมันไม่ได้สร้างเอาไว้ให้คุณจับเวลาวิ่ง

✳ อย่าชะเง้อคอดูทีวีขณะกำลังวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า อันนี้เข้าใจว่าหลายคนมักวิ่งไปแล้วดูซีรี่ย์ไปด้วยระหว่างออกกำลังกาย แต่การที่วางตำแหน่งทีวีไม่ตรงกับลู่วิ่งโดยตรง แล้วชะเง้อไปมองจะทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะคอ ไหล่ หรือต้นแขนขณะวิ่ง ทำให้การวิ่งไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างที่ควรจะเป็น แต่หากอยากดูจริงๆ ควรตั้งจอทีวีให้อยู่ตรงหน้าลู่วิ่ง หรือเอามือถือมาวางดูเป็นจอเล็กๆ หน้าลู่วิ่งแทนก็ได้

เมื่อทำตามเทคนิคที่ว่ามาครบแล้วรับรองว่าคุณจะวิ่งได้นานขึ้น แล้วจะสนุกกับการออกกำลังกายมากกว่าแต่ก่อน และจะไม่ปล่อยน้องให้กลายเป็นราวตากผ้าเหมือนเดิมอีกแน่นอน




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2564   
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2564 11:33:02 น.   
Counter : 581 Pageviews.  


4 Passion ในการออกกำลังกาย ทำตามแล้วรับรองไม่เบื่อ



4 Passion ในการออกกำลังกาย ทำตามแล้วรับรองไม่เบื่อ

จุดที่ทำให้ใครหลายๆ คนออกกำลังกายไปสักระยะแล้วรู้สึกเบื่อ ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่ออกกำลังกายใหม่ๆ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้การออกกำลังกายของคุณเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยเทคนิคง่ายๆ ดังนี้

✔ วางแผนออกกำลังกายให้เป็นระบบ การกำหนดและวางแผนการออกกำลังกายจะช่วยให้รู้ว่า การออกกำลังกายแต่ละครั้งจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น การกำหนดความถี่ในการออกกำลังกาย ความหนัก รูปแบบการออกกำลังกาย และเวลา ทำให้ผู้ที่ออกกำลังกายรู้สึกสนุกและอยากจะทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จจงได้ เช่น จะวิ่งให้ได้ 2 กิโลในระยะเวลา 12 นาทีอะไรแบบนี้ พอทำสำเร็จก็ค่อยๆ เพิ่มความท้าทายขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ความเบื่อลดน้อยลงไปได้

✔ หาเพื่อนออกกำลังกาย นอกจากเพิ่มความท้าทายด้วยการตั้งเป้าหมายในแต่ละครั้งแล้ว การมีเพื่อนออกกำลังกายจะทำให้การออกกำลังกายแต่ละครั้งมีความคึกคัก กระฉับกระเฉงมากขึ้น อาจมีการท้าทายกันระหว่างออกกำลังกาย หรือมีการพยายามออกกำลังกายให้มากขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย ยิ่งมีชาเลนจ์ระหว่างที่ออกกำลังจะยิ่งแก้เบื่อได้ดียิ่งขึ้นนะ

✔ ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ หากิจกรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อย่างเช่น อาจพาสุนัขสุดรักออกมาวิ่งพร้อมกัน ชวนครอบครัวมาปั่นจักรยานหรือไม่ก็วิ่งพร้อมกัน จะทำให้เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่เป็นสิ่งที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง จะทำให้เราตั้งตารอการทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น และสนุกไปกับการออกกำลังกายกว่าการออกคนเดียว

✔ ฟังเพลงคลอเบาๆ เพลงถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฟังเพลงในระหว่างที่ออกกำลังกาย จะช่วยให้เราผ่อนคลายและไม่จดจ่ออยู่กับกิจกรรมอย่างเดียวมากเกินไป อีกทั้งยังช่วยให้เราเพลิดเพลินจนลืมเวลา ช่วยให้ออกกำลังกายได้มากขึ้นอีกด้วย บางคนเลือกเพล์ลิสต์ปลุกใจ พอใกล้ๆ จะหมดแรง เจอเพลงที่ชอบก็กลับฮึดขึ้นมาได้อีกรอบก็มีบ่อยไป

แนะนำให้ลองปรับใช้วิธีเหล่านี้ดู เผื่อจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกสนุกสนานและอยากออกกำลังกายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ถ้าลองครบทั้ง 4 วิธีที่ว่ามาแล้วรับรองว่าคุณจะไม่เบื่อการออกกำลังกายอย่างแน่นอน




 

Create Date : 25 มกราคม 2564   
Last Update : 25 มกราคม 2564 10:22:35 น.   
Counter : 612 Pageviews.  


คำแนะนำจากหมอหัวใจ ออกกำลังกายด้วยการวิ่งช่วงบ่ายดีที่สุด



คำแนะนำจากหมอหัวใจ ออกกำลังกายด้วยการวิ่งช่วงบ่ายดีที่สุด

สำหรับสายคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำนั้น เชื่อว่าคงเคยทดลองวิ่งในช่วงเวลาต่างๆ เช้า สาย บ่าย เย็นกันมาหมดแล้วล่ะ ส่วนใครจะถนัดแบบไหนก็อยู่ที่พฤติกรรมของใครของมัน

แต่ถ้าวัดกันด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์แล้ว ช่วงเวลาที่แนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่สุดนั่นคือ

#ช่วงบ่ายแก่ๆ ⏰
ถ้าถามว่าทำไมล่ะก็ มันเป็นช่วงเวลาที่อัตราส่วนของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และคอร์ติซอล อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกายที่สุด อธิบายแบบง่ายๆ ช่วงเวลานี้คือช่วงที่ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุดในระหว่างวันนั่นเอง ถ้าเปรียบเหมือนการเล่นเกม ช่วงนี้คือช่วงโบนัสไทม์ ได้ตัวคูณมาเพิ่มคะแนนอะไรแบบนั้นเลย

ส่วนช่วงที่เหมาะสมรองลงมาในการวิ่ง ก็คือช่วงเย็น เพราะเป็นช่วงที่อุณหภูมิร่างกายอุ่นขึ้นและระดับพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เส้นเลือดขยายตัว ช่วยให้มีออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องใช้งานได้มากขึ้นนั่นเอง...พูดกันแบบบ้านๆ ก็คือ เราออกกำลังกายช่วงนี้เราจะฟิตที่สุดในระหว่างวัน รวมถึงเราจะเพลียน้อยลงจากการออกกำลังกายในช่วงนี้ด้วย เพียงแต่ใครหลายคนวิ่งเสร็จอาจจะหิวข้าวเย็นแทนได้ อันนี้ต้องระวังนิดนึง




 

Create Date : 22 มกราคม 2564   
Last Update : 22 มกราคม 2564 10:34:50 น.   
Counter : 989 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com