นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

อันตรายจากการเล่นเซิร์ฟสเก็ต โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน



** อันตรายจากการเล่นเซิร์ฟสเก็ต โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน **

ปัจจุบันคนนิยมหันมาเล่นกีฬาในกลุ่ม Extreme กันมากขึ้น อาจเนื่องมาจากความนิยมตามสื่อ Social Media ต่างๆ ซึ่งกีฬากลุ่ม Extreme อย่างเช่น Skateboard มักเป็นเรื่องความเร็วและมีความสูงร่วมด้วย จึงเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและทำให้กระดูกหักได้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น ที่ยังมีการฝึกฝนไม่เพียงพอ รวมทั้งหากไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันตามร่างกาย(อุปกรณ์ป้องกันจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้) ผลที่ตามมาเมื่อมีการหกล้มกระแทกก็จะเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักข้อเคลื่อนได้โดยง่าย

🔸ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกระดูกหักข้อเคลื่อนหรือมีเส้นเอ็นรอบๆข้อฉีกขาด จำเป็นต้องให้แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อทำการประเมินหากประเมินแล้วอาการยังเป็นไม่มากก็สามารถจัดดามกระดูกใส่เฝือก (หรือผ่าตัดจัดกระดูกหรือซ่อมเส้นเอ็นในบางราย) ร่วมกับทำกายภาพมักจะได้ผลการรักษาที่ดี

แต่ในผู้ป่วยบางรายที่แพทย์ประเมินแล้วพบว่ามีกระดูกหักข้อเคลื่อนที่รุนแรง เช่นมีกระดูกแตกละเอียด แตกเข้าไปในข้อรุนแรง หรือมีเส้นเอ็นฉีกขาดหลายเส้น อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดแก้ไขผลที่ตามมาคืออาจมีโอกาสเกิดภาวะข้อยึดติดจากพังผืดหรือข้อเสื่อมภายหลัง ทำให้มีปัญหาการใช้งานข้อนั้นๆได้น้อยลงมีอาการปวดและอาจเสี่ยงพิการได้

โดยส่วนใหญ่แล้วโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากกระดูกหักมีโอกาสพบได้ค่อนข้างน้อย ยกเว้นในกรณีกระดูกหักตำแหน่งที่สำคัญๆ เช่น กระดูกต้นขาหักหรือกระดูกหักบริเวณสะโพกและเชิงกราน มักจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียเลือดในปริมาณมาก หรือกระดูกหักไปเฉือนโดนเส้นเลือดใหญ่ในร่างกาย เกิดความดันตกทำให้มีผลต่อระบบหัวใจ หรืออีกภาวะที่พบได้คืออาจพบภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอด จนเกิดภาวะหอบเหนื่อยขึ้นกรณีต่างๆเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากเกิดภาวะกระดูกหัก แนะนำให้รีบมาพบแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม

📢 แนะนำว่าถ้าจะเล่นกีฬาประเภท Extreme อย่างเช่น Skateboard อย่างไรก็อาจต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อยู่แล้วไม่มากก็น้อย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัย จึงควรมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค สนับเข่า สนับศอก สนับมือ เพื่อปกป้องร่างกายเวลาที่ล้มหรือมีอุบัติเหตุ โดยเฉพาะมือใหม่หรือแม้กระทั่งผู้ที่ชำนาญแล้ว เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาจากอุบัติเหตุหรือในผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น ควรมีครูฝึกสอนที่เชี่ยวชาญฝึกไปตามสเตปฝึกฝนอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ไม่ข้ามขั้นตอนเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการล้มการบาดเจ็บ และควรเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยด้วย

การออกกำลังกายนับว่าเป็นสิ่งที่ดีและควรทำเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกได้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับกีฬาในกลุ่ม Extreme Sport เช่น Skateboard นับว่าเป็นกีฬาที่สนุกตื่นเต้น มีความท้าทาย รวมถึงมีความยากและความเสี่ยงในการเล่นที่แตกต่างจากกีฬาโดยทั่วไป

📌 ดังนั้นคนที่ตัดสินใจจะมาเล่นกีฬา Extreme จะต้องมีความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจรวมถึงต้องประเมินความพร้อมของร่างกายเราด้วยว่าเหมาะกับกีฬาประเภทนี้ไหม แต่ถ้าไม่พร้อมก็ยังมีกีฬาอีกมากมายหลายประเภทให้เราเลือกเล่นเพราะอย่าลืมว่าจุดประสงค์หลักในการออกกำลังกายคือการทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีปราศจากโรคหรือลดความเสี่ยงการเกิดโรค เป็นเรื่องสำคัญที่สุด




 

Create Date : 01 เมษายน 2564   
Last Update : 2 เมษายน 2564 11:55:07 น.   
Counter : 907 Pageviews.  


เวียนศีรษะบ้านหมุน คุณก็อาจเป็นได้



เวียนศีรษะบ้านหมุน คุณก็อาจเป็นได้

📣 คุณเคยมีอาการแบบนี้รึป่าว! เวียนหัวบ่อย บางครั้งเหมือนบ้านหมุน เมารถง่าย หูอื้อ ตาลาย รู้สึกโคลงเคลง เกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ เป็นวินาที นาทีหรืออาจนานเป็นชั่วโมง อาจนานเป็นวันหรือกระทั่งเป็นสัปดาห์ แล้วอาการนั้นก็หายไป แล้วก็กลับมาเป็นใหม่ เป็นๆ หายๆ ฟังดูเหมือนจะเป็นอาการทั่วๆ ไป แต่อาการเหล่านี้อาจเป็นที่มาของการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องเดินทางหรือขับรถเป็นประจำ คนที่ทำงานกับเครื่องจักรหรือผู้สูงอายุ

อาการบ้านหมุนเป็นอาการเวียนศีรษะอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยจะรู้สึกเหมือนว่าสิ่งรอบตัวกำลังหมุน หรือรู้สึกว่าตัวเองหมุนไปทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วตัวเองอยู่กับที่และไม่มีการเคลื่อนไหว

📌 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนคือ ความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งมีหลายโรคที่สามารถก่อให้เกิดอาการนี้ได้

✅ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน โรคนี้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน อาการสังเกตของโรคนี้ คือจะรู้สึกเวียนหัวเหมือนบ้านหมุนสั้นๆ เป็นหลักวินาที โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนท่า เช่น กำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน หรือขณะก้มๆ เงยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรพบแพทย์

อาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากหินปูนที่เกาะกันในหูชั้นในเกิดการเคลื่อนตัวจากการเสื่อม เมื่อมีอายุมากขึ้นหรือสาเหตุอื่นๆ เช่น ศีรษะได้รับการกระแทกรุนแรง ทำให้หินปูนแตกออกเป็นเม็ดเล็กๆ แล้วเคลื่อนไปอยู่ในท่อน้ำของหูชั้นใน ทำให้หูชั้นในถูกเขย่าจึงเกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน แพทย์อาจให้การรักษาโดยการทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีที่ปัจจุบันให้การยอมรับและได้ผลดี

✅ โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน สาเหตุการเกิดโรคนี้ยังไม่ชัดเจน แต่จะทำให้ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง มีอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงน้อยลงและมีเสียงหึ่งๆ ในหู และมีอาการเวียนศีรษะเหมือนบ้านกำลังหมุน นั่นแสดงว่าน้ำในหูชั้นในที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวไม่เท่ากันให้แล้ว ควรไปพบแพทย์

✅ โรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสจากไข้หวัด แล้วลามไปติดที่เส้นประสาทการทรงตัว วิธีการสังเกตอาการคือจะมีอาการบ้านหมุน จนไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตปกติได้เลย ในระยะนี้ควรได้รับการตรวจโดยแพทย์ เพื่อแยกโรคทางสมองหรือระบบประสาทออกไปก่อน ถ้าการวินิจฉัยว่าเป็นเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ จะเวียนศีรษะอยู่หลายวันประมาณ 3-7 วัน หลังจากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะยังรู้สึกโคลงเคลงอยู่

👩‍⚕️เมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนควรทำตามนี้

* หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น การหมุนหันศีรษะเร็วๆ การเปลี่ยนแปลงท่าทางอิริยาบถอย่างรวดเร็ว ก้มเงยคอหรือหันอย่างเร็ว

* ลด หรืองดการสูบบุหรี่ หรือดื่มชา กาแฟ

* หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล และการพักผ่อนไม่เพียงพอ

* ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับรถในขณะยังมีอาการ การปีนป่ายที่สูง

และเนื่องจากอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนเกิดได้จากหลายสาเหตุ การรักษาก็จะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการ ดังนั้นหากเกิดอาการวิงเวียนง่าย คล้ายบ้านหมุน เป็นๆ หายๆ ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองให้ดี และรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้นและรับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน...

👉 อ่านข้อมูลวิธีการรักษาและการทำกายภาพบำบัด คลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/267

👉 ไม่อยากอ่านยาวๆ แต่ชอบฟังมากกว่า คลิก https://www.youtube.com/watch?v=TOSqZRO4kU4




 

Create Date : 26 มีนาคม 2564   
Last Update : 26 มีนาคม 2564 10:26:32 น.   
Counter : 3355 Pageviews.  


"ต้อกระจก" มองเห็นเป็นภาพยังไง?



"ต้อกระจก" มองเห็นเป็นภาพยังไง? 

👀 เป็นต้อกระจกทำไมต้องรักษา?

เมื่อเวลาเราเกิดอาการตามัว มองเห็นภาพไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน สายตาเปลี่ยนบ่อย จนต้องเปลี่ยนแว่นตาบ่อยๆ อยากให้นึกถึงโรคต้อกระจกสักนิด

👉 เพราะโรคต้อกระจก เป็นโรคที่พบได้มากถึงร้อยละ 80 ในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ตาบอด โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีภาวะเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าไปในตาได้น้อยลง ผู้ป่วยต้อกระจกจะมีอาการหลักๆ คือ ตามัว มองเห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน ตาสู้แสงไม่ได้ อาจเริ่มจากต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ ต่อมามัวลงมาก ปรับแว่นเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ดีขึ้น แต่ส่วนมากแล้วอาการต่างๆ จะค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาเป็นเดือนหรืออาจนานเป็นปี เมื่อมีอาการมากขึ้นจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

สาเหตุของการเกิดต้อกระจกมาจากอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกได้ง่าย หรือมีปัจจัยเสี่ยงร่วม เช่น การได้รับแสง UV บ่อยๆ หรือแสงแดดจ้า โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เคยได้รับอุบัติเหตุทางตา รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยากิน ยาหยอดตา กลุ่มสเตียรอยด์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดต้อกระจกได้ทั้งหมด

ดังนั้นหากตาเริ่มจะมองไม่เห็น หรือเริ่มมีสายตาฝ้าฟาง ก็ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าคิดว่าไม่เป็นไร หรือเห็นเป็นเรื่องปกติของผู้สูงอายุ เพราะหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้อาการต้อกระจกรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้

แต่เดี๋ยวก่อน!..เราสามารถดูแล และชะลอการเสื่อมของดวงตาได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งที่แสงแดดจ้า ทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง พวกฟักทอง แครอท มะเขือเทศ มะละกอ ผักบุ้ง ผักคะน้า เพื่อบำรุงสายตา และหมั่นพักสายตาเป็นระยะๆ หากต้องใช้สายตาเพ่งกับอะไรนานๆ รวมถึงการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ หากพบเร็ว ก็สามารถที่จะทำการผ่าตัดรักษาให้หายเป็นปกติได้

📌 “ผ่าตัดเหมาจ่ายต้อกระจก” อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.ram-hosp.co.th/readpackage/2




 

Create Date : 24 มีนาคม 2564   
Last Update : 24 มีนาคม 2564 13:30:34 น.   
Counter : 651 Pageviews.  


อ้วนเกินเกณฑ์หรือผอมไป อาจเสี่ยงไทรอยด์ผิดปกติ



อ้วนเกินเกณฑ์หรือผอมไป อาจเสี่ยงไทรอยด์ผิดปกติ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อต่อมไทรอยด์ แต่อาจหลงลืมกันไปบ้างแล้วว่ามันทำหน้าที่อะไร แล้วเวลาเจ็บป่วยจากต่อมไทรอยด์มันมีอะไรบ้าง เดี๋ยววันนี้พี่หมอรามจะมาทวนให้ฟังแล้วกันนะ

ต่อมไทรอยด์ เป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย อยู่แถวคอของเรานี่แหละหลักๆ เลยก็คอยทำหน้าที่ควบคุมระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เมื่อต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็เลยส่งผลกระทบต่ออวัยวะแทบทุกระบบในร่างกายเลยทีเดียว

เวลาต่อมไทรอยด์เกิดความผิดปกติขึ้นไม่ว่าจะมีก้อนหรือมีภาวะต่อมไทรอยด์โต หากเกิดการกดเบียดหลอดลม หลอดอาหาร หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง แพทย์อาจจำเป็นต้องพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดไทรอยด์ทันที

ซึ่งการผ่าตัดไทรอยด์ในปัจจุบันนั้นมีหลายวิธี แต่ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ก็คือ “การผ่าตัดแบบส่องกล้อง” ทำให้คนไข้หลังการผ่าตัดมองไม่เห็นรอยแผล (ข้อมูลเพิ่มคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/250) เพราะตำแหน่งของแผลจะหลบอยู่บริเวณหลังหูและซ่อนเข้าไปในไรผม หรือ “การผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางช่องปาก” ที่ทำให้ผู้ป่วยไม่มีรอยแผลใดๆ ที่คอ สามารถสวมใส่เสื้อผ้าทุกประเภทได้อย่างมั่นใจ

แต่ทว่า การผ่าตัดส่องกล้องด้วยวิธีนี้ ใช่ว่าจะใช้กับกับคนไข้ทุกคนเสมอ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและพิจารณาผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อประเมินลักษณะขนาดและตำแหน่งของก้อนไทรอยด์ว่าเหมาะสำหรับการรักษาด้วยวิธีส่องกล้องนี้หรือไม่ บางรายหากมีขนาดใหญ่มาก หรือตำแหน่งที่ส่องกล้องไปไม่ได้ แพทย์อาจต้องปรับแผนการรักษาด้วยวิธีอื่นแทน

รวมถึงวิธีสังเกตอาการเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้โดยหากคลำพบก้อนบริเวณลำคอ และมั่นใจว่าที่จับอยู่ไม่ใช่ทอนซิลแน่ๆ โปรดอย่านิ่งนอนใจ ควรรีบเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางทันที




 

Create Date : 22 มีนาคม 2564   
Last Update : 22 มีนาคม 2564 10:10:48 น.   
Counter : 579 Pageviews.  


"คัดจมูก น้ำมูกไหล ไม่ใช่หวัด ไม่ใช่ภูมิแพ้ แล้วมันเกิดจากอะไร?



"คัดจมูก น้ำมูกไหล ไม่ใช่หวัด ไม่ใช่ภูมิแพ้ แล้วมันเกิดจากอะไร?

หลายคนอาจเข้าใจว่าเวลาคัดจมูก หรือน้ำมูกไหล มักเป็นผลพวงจากไข้หวัดหรือเป็นไซนัส แต่แท้จริงแล้วอาการแบบนี้อาจเกี่ยวพันกับผนังกั้นจมูกคดได้ด้วย

ปกติแล้วคนป่วยด้วยอาการนี้จะแทบไม่รู้ตัวเลยว่าผนังกั้นจมูกมันคดอยู่ ยกเว้นว่าคดมากจนผิดรูปอะไรแบบนั้นถึงจะสังเกตได้ ซึ่งอาการแบบนี้มันเกิดจากการเจริญเติบโตของจมูกที่ผิดปกติ จนทำให้กระดูกอ่อนบริเวณส่วนด้านหน้าของจมูกนั้นยาวเกินไป ส่งผลให้เกิดการคดงอหรือบิดเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง จนไปกดเบียดช่องว่างของจมูกข้างใดข้างหนึ่ง หรือบางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุที่จมูกจนทำให้กระดูกอ่อนงอแล้วผิดรูปไปก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ในรายที่ผนังกั้นจมูกคดมาก คนไข้จะไม่สามารถหายใจทางจมูกได้และต้องหายใจทางปากช่วย ทำให้เกิดอันตรายมากโดยเฉพาะขณะนอนหลับ เพราะอาจเกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่งผลให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น เกิดความดันโลหิตสูงและแรงดันของปอดสูงตามมาได้ในอนาคต

แนวทางการรักษา ปกติแพทย์จะให้ยาพ่นและยาทาน เพื่อบรรเทาอาการก่อน แต่หากยังไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดแทน ซึ่งก่อนทำการผ่าตัด หากเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) แล้วพบว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไซนัสอักเสบ เนื้องอกในโพรงจมูก ริดสีดวงจมูก หากตรวจพบแล้วก็สามารถทำการผ่าตัดรักษาพร้อมกับการแก้ไขผนังกั้นจมูกคดร่วมกันได้ในครั้งเดียวเลย ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาและเจ็บตัวผ่าหลายครั้ง

📌 และการผ่าตัดในปัจจุบันต้องบอกว่าไม่น่ากลัวเลย เพราะใช้การผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง ทำให้ผ่าตัดสะดวกและสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด จึงป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ดี โดยแผลจะอยู่ด้านในจมูก ทำให้ไม่เห็นแผลเป็นด้านนอก ที่สำคัญแผลหายเร็วมาก อาจพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 วัน หรือบางรายก็ไม่นอนโรงพยาบาล ผ่าตัดเสร็จก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติเลยทันที

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นว่าเข้าข่ายเสี่ยงเป็นหรือไม่ ให้ดูจากอาการคัดแน่นจมูก น้ำมูกไหล หายใจไม่ออกเหมือนเป็นหวัด หรือปวดบริเวณใบหน้า ศีรษะ คล้ายไมเกรน เลือดกำเดาไหลบ่อย บางคนก็อาจมาด้วยอาการนอนกรน มีเสียงฟุดฟิดที่จมูกตลอดเวลา พวกนี้ก็ถือว่าเข้าข่ายที่จะเสี่ยงเป็นได้แล้ว รวมถึงอาจเป็นอันตรายในระยะยาวได้ ฉะนั้นอย่ารีรอควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที

👉 “ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง หู คอ จมูก” ข้อมูลเพิ่มคลิก https://www.ram-hosp.co.th/readcenter_clinic/51




 

Create Date : 19 มีนาคม 2564   
Last Update : 19 มีนาคม 2564 10:21:28 น.   
Counter : 1527 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com