นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

"ฝ้า" ปัญหาผิวยอดฮิต ของคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอด



"ฝ้า" ปัญหาผิวยอดฮิต ของคุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอด

คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่กำลังเจอปัญหาผิวหน้าเป็นฝ้าบ้าง บางคนเป็นทั้งสิวและฝ้า ทั้งที่ก่อนท้องผิวสวยเนียนมาตลอดแต่ท้องปุ๊บสิวฝ้ามาปั๊บ

เรื่อง “ฝ้า” ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงทั้งตอนตั้งครรภ์และหลังคลอดซึ่งหลายคนมักคิดว่าการเกิดฝ้าต้องเกิดเฉพาะในกรณีที่โดนแดด ความร้อน หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ก็สามารถเป็นฝ้าได้เช่นกัน...

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าในช่วงนี้นั่นก็เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนของคุณแม่เองมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็วในตอนที่ตั้งครรภ์ ส่งผลให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินหรือเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวคล้ำขึ้นจนกลายเป็นรอยดำอย่างฝ้าบนผิวหน้าและยังทำให้เกิดเป็นรอยดำตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ หน้าท้อง หรือหัวนม

สำหรับวิธีป้องกันฝ้าในช่วงตั้งครรภ์อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากหลายๆ คนก็แทบจะใช้อะไรไม่ได้เลยเพราะใช้แล้วแพ้ หรือกลัวส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ อาจจะเลือกทานอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามิน เอ, ซี และ อี ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันฝ้า รวมถึงช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและหลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าเพิ่มมากขึ้น

📍 สำหรับคุณแม่หลังคลอด หากเริ่มทาครีมได้แล้วเพื่อให้หายเร็วขึ้นควรดูแลผิวด้วยการทาครีมกันแดด อาจจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และมี PA+++ เพื่อช่วยป้องกันผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA, วิตามินซี, อาร์บูตินและกรดโคจิก หลีกเลี่ยงแสงแดด และพักผ่อนให้เพียงพอควบคู่ไปด้วย

แต่หากทำเป็นประจำแล้วรอยฝ้ายังชัดมากไม่จางหายไป อาจต้องพบแพทย์ด้านผิวหนัง เพื่อรับคำแนะนำและปรึกษาวิธีการรักษาฝ้าตามระดับความรุนแรงของฝ้า ซึ่งจะช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้เร็วขึ้น ผิวหน้าก็จะกลับมาผ่องใสเปล่งปลั่งมีสุขภาพดีได้อีกครั้ง




 

Create Date : 09 เมษายน 2564   
Last Update : 9 เมษายน 2564 15:04:13 น.   
Counter : 584 Pageviews.  


ระวัง "หูตึง" เสี่ยงสมองเสื่อมได้




ระวัง "หูตึง" เสี่ยงสมองเสื่อมได้ 

👂 อาการหูตึงมักจะค่อยๆ เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว บางคนไม่ทันได้สังเกตพอรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องให้คนอื่นพูดซ้ำๆ และพูดเสียงดังๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ภาวะนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย

ปัญหาการได้ยินหรืออาการหูตึงนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้มากที่สุดคือประสาทหูเสื่อมตามวัย นอกจากนี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การอักเสบของหูชั้นใน โรคเนื้องอกประสาทหู หูถูกทำลายจากยาหรือสารเคมี หรือจากการได้รับเสียงดังเกินขีดมาตรฐาน

📢 และผู้ที่มีภาวะหูตึงหากปล่อยไว้นานๆ ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้ง่าย เนื่องจากสมองไม่ได้รับการกระตุ้นด้วยเสียงที่ผ่านเข้ามา ซึ่งผลการศึกษาพบว่าในผู้ที่สูญเสียการได้ยิน เมื่อเทียบกับคนที่ได้ยินปกติ พบว่ามีอัตราการเสื่อมของสมองเร็วกว่า 30-40 % เนื่องจากต้องใช้ความพยายามในการตั้งใจฟัง ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานสมอง สมองต้องทำงานหนักเพื่อดึงความจำระยะยาวมาใช้เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ฟัง

นอกจากการสูญเสียการได้ยินจะทำให้สมองเสื่อมถอยจนอาจนำไปสู่โรคความจำเสื่อมแล้ว ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะสื่อสารกับคนอื่นลำบาก ทำให้ไม่อยากเข้าสังคม รู้สึกโดดเดี่ยว และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ แล้วก็ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพราะไม่ได้ยินเสียง

📌 วิธีสังเกตอาการง่ายๆ ในผู้ที่มีอาการหูตึงเวลาพูดด้วยจะไม่มีการตอบสนอง จนต้องถามซ้ำหรือฟังความหมายผิดเพี้ยนไป หรือเวลาพูดอาจพูดด้วยเสียงที่ดังมากกว่าปกติ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง จึงต้องพูดเสียงดัง ซึ่งหากสงสัยว่าคุณเองหรือคนใกล้ตัวกำลังมีอาการหูตึงอยู่หรือเปล่า แนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการได้ยินเพื่อตวรจวินิจฉัยและรับการรักษา อย่าปล่อยละเลยไว้ เพราะจะเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ




 

Create Date : 08 เมษายน 2564   
Last Update : 8 เมษายน 2564 10:17:47 น.   
Counter : 811 Pageviews.  


คนที่นอนกรนมักจะมี "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" จริงไหม?



คนที่นอนกรนมักจะมี "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" จริงไหม?

การนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ก็อาจมีอันตรายร้ายแรงแฝงอยู่ได้ ถ้าร่างกายนั้นเกิดมีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนกรน กรนเสียงดัง และหยุดหายใจเป็นระยะๆ หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่น สะดุ้งตื่นตอนนอน ง่วงนอนตอนกลางวัน วูบหลับไม่รู้ตัว นอนขากระตุก นอนกัดฟัน นอนละเมอฝันร้าย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยบอกได้ว่าคุณภาพในการนอนของคุณเป็นอย่างไร หลับได้ดีหรือสนิทแค่ไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในขณะนอนหลับหรือไม่ โดยที่ผู้ป่วยเองไม่สามารถทราบได้ โดยเฉพาะภาวะหยุดหายใจขณะหลับ!!

👉 Sleep Test เป็นการตรวจการนอนหลับที่เป็นมาตรฐาน ทำในห้องปฏิบัติการนอนหลับโดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นผู้ควบคุมดูแล มีการติดอุปกรณ์ตามร่างกายเพื่อแสดงผลโดยการบันทึกคลื่นสมองระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวในขณะนอนหลับ และถ้าพบว่ามีการหยุดหายใจบ่อย เจ้าหน้าที่จะใส่เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) แล้วทำการปรับความดัน เพื่อให้ทราบค่าความดันที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใช้รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สำหรับการวินิจฉัยความผิดปกติขณะนอนหลับ จะทำการวัดตลอดทั้งคืนอย่างน้อยประมาณ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาปกติของการหลับของคนทั่วไป ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษาหรือแก้ไข อาจมีผลกระทบต่อสมอง หัวใจ และร่างกายส่วนอื่นๆ บางคนเป็นรุนแรงมากและอาจถึงขั้นเสียชีวิตขณะหลับได้..

ในผู้ที่มีภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคเมื่อเทียบกับคนปกติ

🔸 โรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสเสี่ยงเป็นมากกว่าคนปกติ 1.5-2.5 เท่า

🔸 โรคหัวใจขาดเลือด มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนปกติ 2-4 เท่า

🔸 โรคหลอดเลือดในสมอง มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนปกติ 2 เท่า

ซึ่งการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับนั้น สามารถทำได้ทั้งแบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละราย โดยผู้ป่วยควรทดสอบการนอนหลับ ก่อนเพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยและประเมินผล พร้อมแนะนำแนวทางวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

📌 “โรคนอนกรน” ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/63




 

Create Date : 05 เมษายน 2564   
Last Update : 5 เมษายน 2564 10:59:35 น.   
Counter : 721 Pageviews.  


ไม่ได้แอบดูใคร ทำไม?... ถึงเป็นตากุ้งยิง



ไม่ได้แอบดูใคร ทำไม?... ถึงเป็นตากุ้งยิง

👀 ลบความเชื่อผิดๆ แบบนี้ไปได้เลย.. ว่าการแอบดูคนอื่นจะทำให้เป็น “ตากุ้งยิง” เพราะตากุ้งยิงเกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา โดยปกติแล้วตาของเราจะมีต่อมไขมันอยู่บริเวณใต้ผิวหนังที่เปลือกตา ที่สามารถระบายไขมันออกมาได้ผ่านทางรูระบายเล็กๆ ใกล้ขนตา แต่หากมีอะไรมาอุดตัน เช่น ฝุ่นละออง ก็จะทำให้ไขมันที่ผลิตออกมาไม่สามารถระบายได้ ทำให้เกิดการอุดตันเป็นก้อนขึ้นที่บริเวณเปลือกตา ร่วมถึงการไม่รักษาความสะอาด เช่น บางคนชอบเอามือขยี้ตา ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาไม่สะอาด คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด จนเกิดการอักเสบติดเชื้อเป็นหนอง มีอาการเจ็บบวมแดงรอบๆ ดวงตา

📌 เริ่มแรกจะมีอาการเจ็บๆ คันๆ บริเวณเปลือกตา ต่อมาจะเริ่มมีการบวมแดง และจะเริ่มรู้สึกปวดบริเวณเปลือกตากดจะรู้สึกเจ็บ จะเริ่มเห็นเป็นหัวฝีหรือหัวหนองใน 4-5 วัน จากนั้นหนองจะแตกและยุบไป หากหนองออกไม่หมดจะเกิดเป็นก้อนแข็งเป็นไตที่เปลือกตา ซึ่งจะค้างอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน และอาจจะกลับมาอักเสบขึ้นอีกได้ ตากุ้งยิงแบ่งเป็น

✔ ตากุ้งยิงภายนอก มีตุ่มบวมเกิดขึ้นที่ขอบเปลือกตาด้านนอก อาจมีการอักเสบและมีหัวหนอง เวลากดหรือสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ

✔ ตากุ้งยิงภายใน มีตุ่มบวมเกิดขึ้นด้านในของเปลือกตา ตากุ้งยิงชนิดนี้จะเจ็บน้อยกว่าชนิดกุ้งยิงภายนอก

ปกติแล้วตากุ้งยิงอาการจะทุเลาและสามารถหายเองได้ในไม่กี่วัน แม้จะไม่ได้รับการรักษา แต่ถ้าเป็นตากุ้งยิงมา 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น เปลือกตาบวมมาก และรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว อาการบวมแดงไม่ได้อยู่แค่ที่ตา แต่ลามไปที่ส่วนอื่นๆ บนใบหน้า มีหนองไหล การมองเห็นไม่ปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที อย่าปล่อยไว้เพราะอาจเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราได้

ที่สำคัญพยายามอย่าใช้มือขยี้หรือสัมผัสดวงตาบ่อยๆ อย่าใช้เครื่องสำอางหมดอายุหรือใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น และควรล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ดวงตาให้สะอาด หรือใส่แว่นตาป้องกันฝุ่นควัน เท่านี้ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็นโรคตากุ้งยิงได้แล้ว




 

Create Date : 02 เมษายน 2564   
Last Update : 2 เมษายน 2564 14:25:34 น.   
Counter : 1930 Pageviews.  


อันตรายจากการเล่นเซิร์ฟสเก็ต โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน



** อันตรายจากการเล่นเซิร์ฟสเก็ต โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน **

ปัจจุบันคนนิยมหันมาเล่นกีฬาในกลุ่ม Extreme กันมากขึ้น อาจเนื่องมาจากความนิยมตามสื่อ Social Media ต่างๆ ซึ่งกีฬากลุ่ม Extreme อย่างเช่น Skateboard มักเป็นเรื่องความเร็วและมีความสูงร่วมด้วย จึงเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและทำให้กระดูกหักได้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น ที่ยังมีการฝึกฝนไม่เพียงพอ รวมทั้งหากไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันตามร่างกาย(อุปกรณ์ป้องกันจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้) ผลที่ตามมาเมื่อมีการหกล้มกระแทกก็จะเพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักข้อเคลื่อนได้โดยง่าย

🔸ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกระดูกหักข้อเคลื่อนหรือมีเส้นเอ็นรอบๆข้อฉีกขาด จำเป็นต้องให้แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อทำการประเมินหากประเมินแล้วอาการยังเป็นไม่มากก็สามารถจัดดามกระดูกใส่เฝือก (หรือผ่าตัดจัดกระดูกหรือซ่อมเส้นเอ็นในบางราย) ร่วมกับทำกายภาพมักจะได้ผลการรักษาที่ดี

แต่ในผู้ป่วยบางรายที่แพทย์ประเมินแล้วพบว่ามีกระดูกหักข้อเคลื่อนที่รุนแรง เช่นมีกระดูกแตกละเอียด แตกเข้าไปในข้อรุนแรง หรือมีเส้นเอ็นฉีกขาดหลายเส้น อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดแก้ไขผลที่ตามมาคืออาจมีโอกาสเกิดภาวะข้อยึดติดจากพังผืดหรือข้อเสื่อมภายหลัง ทำให้มีปัญหาการใช้งานข้อนั้นๆได้น้อยลงมีอาการปวดและอาจเสี่ยงพิการได้

โดยส่วนใหญ่แล้วโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากกระดูกหักมีโอกาสพบได้ค่อนข้างน้อย ยกเว้นในกรณีกระดูกหักตำแหน่งที่สำคัญๆ เช่น กระดูกต้นขาหักหรือกระดูกหักบริเวณสะโพกและเชิงกราน มักจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเสียเลือดในปริมาณมาก หรือกระดูกหักไปเฉือนโดนเส้นเลือดใหญ่ในร่างกาย เกิดความดันตกทำให้มีผลต่อระบบหัวใจ หรืออีกภาวะที่พบได้คืออาจพบภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอด จนเกิดภาวะหอบเหนื่อยขึ้นกรณีต่างๆเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากเกิดภาวะกระดูกหัก แนะนำให้รีบมาพบแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม

📢 แนะนำว่าถ้าจะเล่นกีฬาประเภท Extreme อย่างเช่น Skateboard อย่างไรก็อาจต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อยู่แล้วไม่มากก็น้อย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัย จึงควรมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค สนับเข่า สนับศอก สนับมือ เพื่อปกป้องร่างกายเวลาที่ล้มหรือมีอุบัติเหตุ โดยเฉพาะมือใหม่หรือแม้กระทั่งผู้ที่ชำนาญแล้ว เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาจากอุบัติเหตุหรือในผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น ควรมีครูฝึกสอนที่เชี่ยวชาญฝึกไปตามสเตปฝึกฝนอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ไม่ข้ามขั้นตอนเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการล้มการบาดเจ็บ และควรเล่นในสถานที่ที่ปลอดภัยด้วย

การออกกำลังกายนับว่าเป็นสิ่งที่ดีและควรทำเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกได้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับกีฬาในกลุ่ม Extreme Sport เช่น Skateboard นับว่าเป็นกีฬาที่สนุกตื่นเต้น มีความท้าทาย รวมถึงมีความยากและความเสี่ยงในการเล่นที่แตกต่างจากกีฬาโดยทั่วไป

📌 ดังนั้นคนที่ตัดสินใจจะมาเล่นกีฬา Extreme จะต้องมีความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจรวมถึงต้องประเมินความพร้อมของร่างกายเราด้วยว่าเหมาะกับกีฬาประเภทนี้ไหม แต่ถ้าไม่พร้อมก็ยังมีกีฬาอีกมากมายหลายประเภทให้เราเลือกเล่นเพราะอย่าลืมว่าจุดประสงค์หลักในการออกกำลังกายคือการทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีปราศจากโรคหรือลดความเสี่ยงการเกิดโรค เป็นเรื่องสำคัญที่สุด




 

Create Date : 01 เมษายน 2564   
Last Update : 2 เมษายน 2564 11:55:07 น.   
Counter : 907 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com