[Intro] Can you pull the curtains? Let me see the sunshine คุณเปิดผ้าม่านออกได้ไหม ให้ฉันได้เห็นแสงสว่างอันสดใส I think I’m done with my hidin’ place and you found me anyway ฉันคิดว่าพอแล้วกับการหลบซ่อนที่ไม่ยอมเผชิญหน้าแล้วยังไงคุณก็หาฉันพบอยู่ดี It’s been forever, but I’m feelin’ alright เป็นความรู้สึกที่ยาวนานเหมือนไม่จบสิ้นแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว Tears dry and will leave no trace and tomorrow’s another day ความเจ็บปวดได้จางหายไปและเริ่มต้นกับสิ่งใหม่สดงดงามที่รออยู่ข้างหน้า
[Verse 1] Hide and seek, I am somewhere closed away เก็บซ่อนตัวจากโลกและผู้คน ฉันรู้สึกถึงความทุกข์แสนสาหัสในชีวิต You won’t believe how long it’s been since I started the game คุณไม่รู้หรอกว่าเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ตั้งแต่ฉันได้เริ่มเกมแห่งชีวิตนี้ I can’t be seen and you won’t find me today ฉันยังไม่พร้อมจะเปิดตัวเองสู่โลกกว้างที่จะให้คุณได้พบเจอในวันนี้ I’ve not been this low, but I’ll be okay ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่ต่ำสุดแบบนี้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่ก็ไม่เป็นไรฉันจะดีขึ้นเอง
[Pre-Chorus] Are you alright? Maybe don’t ask “คุณยังสบายดีอยู่ไหม” บางทีอย่าถามจะดีกว่า Cause you know I never like to talk about that เพราะคุณรู้ไหมฉันไม่อยากจะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นอีก Keep it inside, yeah, you say I always hold back เก็บไว้ในใจ ใช่แล้ว คุณพูดว่าฉันมักจะเก็บความรู้สึกไว้ And I always wear long sleeves และฉันใส่เสื้อแขนยาวเสมอ Is it in your childhood? Somethin’ happen in your past? ความรู้สึกเหล่านั้นได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เด็กไหม เป็นอะไรที่ฝังอยู่ในอดีตของคุณไหม Well, the sadness, yeah, I promise that it won’t last ความเศร้าโศก ใช่เลย แต่ฉันเชื่อได้ว่าความทุกข์นั้นจะไม่ได้อยู่ตลอด And if I could, I would try to take it all back และถ้าฉันทำได้นะ ฉันจะพยายามคืนกลับไปให้หมด There’s still more underneath and that’s when you say to me ยังคงมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอีกมากอยู่ข้างใต้และนั่นคือเมื่อเวลาคุณพูดกับฉัน
[Chorus] “Can you pull the curtains? Let me see the sunshine “คุณเปิดผ้าม่านออกได้ไหม ให้ฉันได้เห็นแสงสว่างอันสดใส I think I’m done with my hidin’ place and you found me anyway ฉันคิดว่าพอแล้วกับการหลบซ่อนที่ไม่ยอมเผชิญหน้าแล้วยังไงคุณก็หาฉันพบอยู่ดี It’s been forever, but I’m feelin’ alright เป็นความรู้สึกที่ยาวนานเหมือนไม่จบสิ้นแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว Tears dry and will leave no trace and tomorrow’s another day” ความเจ็บปวดได้จางหายไปและเริ่มต้นกับสิ่งใหม่สดงดงามที่รออยู่ข้างหน้า”
[Post-Chorus] Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส
[Verse 2] Hide and seek, count to ten and close your eyes เก็บซ่อนตัวแล้วนับถึงสิบและหลับตาลง Try to breathe, see a message and don’t reply พยายามหายใจอย่างช้า ๆ มองเห็นข้อความนั้นแต่ไม่ได้ตอบกลับไป Nice to meet, but in reality, say goodbye ยินดีที่ได้พบนะ แต่ความเป็นจริงแล้วคือข้อความแห่งการลาจาก Life can be so beautiful if you try ชีวิตจะเป็นสิ่งที่สวยงามมากถ้าหากคุณได้พยายามทำให้เป็นแบบนั้น
[Pre-Chorus] Are you okay? Yeah, I guess so “คุณสบายดีไหม” ใช่ ฉันคิดว่าสบายดี But on some days, I feel like I’m trapped in a hole แต่ในบางวันฉันรู้สึกเหมือนว่าติดกับดักในหลุมขนาดใหญ่ But I keep quiet, so the ones around me don’t know แต่ฉันเลือกจะนิ่งเงียบไว้เพื่อว่าคนรอบข้างฉันจะได้ไม่รับรู้ That the mountain feels so steep รู้สึกว่าภูเขาลูกนั้นสูงชันเสียเหลือเกิน And I’ll say that I’m here to help to carry the load และฉันจะพูดว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเหลือแบกความทุข์โศกที่หนักอึ้ง And the outside rays, they are good for the soul และโลกภายนอกส่งผลดีต่อความรู้สึกและจิตวิญญาณ So, let’s step out of the dark ’cause, in here, it’s so cold ถ้าอย่างนั้นก้าวออกจากความมืดมิดนี้เถอะเพราะที่นี่หนาวเหน็บเสียจริง The day’s not out of reach and that’s when you say to me วันนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปแล้วและนั่นคือเวลาที่คุณพูดกับฉัน
[Chorus] “Can you pull the curtains? Let me see the sunshine “คุณเปิดผ้าม่านออกได้ไหม ให้ฉันได้เห็นแสงสว่างอันสดใส I think I’m done with my hidin’ place and you found me anyway ฉันคิดว่าพอแล้วกับการหลบซ่อนที่ไม่ยอมเผชิญหน้าแล้วยังไงคุณก็หาฉันพบอยู่ดี It’s been forever, but I’m feelin’ alright เป็นความรู้สึกที่ยาวนานเหมือนไม่จบสิ้นแต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว Tears dry and will leave no trace and tomorrow’s another day” ความเจ็บปวดได้จางหายไปและเริ่มต้นกับสิ่งใหม่สดงดงามที่รออยู่ข้างหน้า”
[Post-Chorus] Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine, shine, shine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส แสงแห่งความสุข Let me see the sunshine ให้ฉันได้มองเห็นแสงสว่างอันสดใส