วันวานที่สนามเซปัง
เมื่อวานเปิดเรื่องประสบการณ์การไปดูฟอร์มูล่าวันไว้ ก็เชื่อแน่ว่าหลายคนก็คงทั้งเคยไปแล้วและกำลังวางแผนจะไป รวมทั้งตั้งเป้าว่าจะไปเร็วๆ นี้ ช่วงนี้ข่าวคราวซาลงไปเพราะหนุ่มๆ หนีไปพักร้อนกันหมด เราเลยขอแชร์ประสบการณ์ที่ไปสนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เผื่อใครกำลังวางแผนไปปีหน้า จะได้เตรียมตัวทันท่วงทีค่ะ
คำถามแรกของคนอยากจะไปดูต้องเป็น "ใช้งบเท่าไหร่?" แน่ๆ เลย อันนี้ตอบได้ว่าขึ้นอยู่กับตัวเราค่ะว่าจะไปอย่างถูกหรือแพง ที่แพงแน่ๆ คือตั๋วดูฟอร์มูล่าวันนั่นแหละค่ะ เพื่อให้เห็นภาพ ถ้าประมาณ 1,000 บาทก็คือดูตรงเนินเขาด้านหลัง วิวสวยนะแต่ไม่เห็นพิท และถ้าประมาณ 5,000 - 20,000 บาทก็จะได้ดูตรงหน้าเส้นชัย ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่นอนซึ่งอาจอยู่ถึง 4 คืนถ้าดูซ้อมวันศุกร์ด้วย ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ของเราเน้นถูกเลยใช้บริการแอร์เอเชียและโรงแรมระดับ 3 ดาว เพราะทุกวันต้องออกจากโรงแรม 9 โมงเช้าและกว่าจะกลับเข้ามาอีกทีก็มืดแล้ว นอนแพงก็เสียดายค่ะ อิอิ
เราไปดูฟอร์มูล่าวันครั้งแรกเมื่อปี 2009 ค่ะ ตอนนั้นคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องสุดๆ กันหน่อย ว่าแล้วก็ซื้อตั๋วแกรนด์สแตนที่สนามเขาเรียกมอลล์แอเรียน่ะค่ะ ซื้อชั้นบนอยู่เยื้องๆ ทางเข้าพิท บล็อกที่นั่งจะตั้งชื่อเป็นอัญมณี ของเราเป็น "Ruby" ตั๋ว 1 ใบก็เกือบ 10,000 บาท - -" แต่ก็เอ้า...ไหนๆ มาแล้วนี่ ก็ได้มุมแบบนี้ค่ะ
มุมจากบล็อกทั่นั่ง "Ruby" (2009)
ความวุ่นวายก่อนการแข่งขัน (2009)
ถ้าจะไปสนามไหน เช็คราคาตั๋วล่วงหน้า 4-5 เดือนก็มักจะเจอราคาโปรโมชั่นนะคะ ช่วยทุ่นไปได้เยอะอยู่เหมือนกัน บางที 25-30% เลยทีเดียว สำหรับที่เซปัง วันศุกร์เขาให้เข้าฟรีตรงแกรนด์สแตนค่ะ ไม่รู้ทุกปีหรือเปล่า แต่เราไป 2 ปีติดมันก็ฟรีวันศุกร์ทั้ง 2 ปี ฟรีนี่หมายถึงว่าเวลาไปดูซ้อมวันศุกร์เราจะไปนั่งตรงหน้าเส้นชัยก็ได้ถ้ามีที่นั่งว่าง หรือตรงไหนก็ได้ เดินไปเรื่อยๆ ตามแต่ชอบ ไม่ต้องกลัวเจ้าของที่นั่งจริงๆ จะมาไล่นะคะเพราะเขาบอกไว้แล้วว่า "ฟรีสำหรับวันศุกร์" ค่ะ
ไปครั้งแรกนี่เห็นขวัญใจครบทุกคน ทั้งชูมี่ที่ขณะนั้นเป็นที่ปรึกษาของเฟอร์รารี่ คิมี่ในรถสีแดง และเซ็บน้อยหัวเกรี๋ยนมาเชียว รวมไปถึงราล์ฟ น้องชายชูมี่ ซึ่งมาในฐานะพิธีกรภาคสนามของทีวีเยอรมัน
คิมี่กับมาสซ่าช่วงแจกลายเซ็น (2009)
เวทเทลแจกลายเซ็นเรียบร้อยแล้ว (2009)
ส่วนเมื่อต้นปีนี้ไปเซปังมาอีกที เพราะเมื่อปี 2009 หลายคนคงจำได้ การแข่งขันต้องหยุดลงทั้งๆ ที่เหลืออีกตั้ง 20 กว่ารอบ เหตุเพราะฝนลงหนักและใกล้มืด แสงสว่างจึงไม่เพียงพอ รู้สึกว่าจะเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ฟอร์มูล่าวันที่ต้องยุติการแข่งขันกลางคัน เลยต้องไปดูอีกรอบ แต่คราวนี้ขอประหยัดงบลงหน่อย (เพราะเวลาไปต้องออกให้น้องด้วย 555) เราเลือกที่นั่งชั้นล่างตรงใกล้โค้งสุดท้ายก่อนทางตรงหน้าพิทค่ะ ถือว่าขยับออกห่างจากเส้นชัยมากกว่าปีก่อน ตรงนี้ที่นั่งชื่อว่า Tower North Lower ราคาเต็มน่าจะ 5,000 บาท แต่เราซื้อตอนโปรโมชั่นเหลือ 3,750 บาทค่ะ
ปีนี้ย้ายมาลองนั่งข้างล่าง (2010)
ชูมี่โบกมือให้แฟนๆ ช่วงแจกลายเซ็น (2010)
2 หนุ่มเฟอร์รารี่ (2010)
ถ่ายรูปเวทเทลคราวนี้ได้ชัดแค่เนี้ย! มีแต่คนรุม (2010)
นิโค รอสเบิร์ก (2010)
เคยอ่านเจอหลายคนบอกว่าดูชั้นบนดีกว่า อืม แต่ชั้นล่างมุมนี้ก็ไม่เลวนะคะ มุมที่เรานั่งครั้งหลังนี้ที่จริงก็อยู่ด้านหน้า แต่ด้วยความที่เฉพาะพื้นที่ตรงนี้เปิดให้ข้ามฝั่งไปอีกด้านได้ เราก็เลยแอบเดินไปดูตรงหัวมุมบ้าง (ที่เราชอบเรียกว่าหลังคารูปเห็ด) หรือทางตรงด้านหลังบ้าง อย่างหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากเวลาไปเซปังคือฝนค่ะ พกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วยนะคะ
เรื่องอาหารการกินในสนามเป็นอะไรที่ช้ำใจมาก เพราะแพงอย่างถึงที่สุด แต่ก็นั่นแหละค่ะ มันเป็นทีของเขานี่ ทางสนามห้ามนำของกินจากข้างนอกเข้าสนาม แล้วเวลาหิวข้าวหิวน้ำจะทำยังไงล่ะ ก็ต้องจำใจซื้อเขานั่นแหละค่ะ อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วยนะคะ
อาหาร (ข้าวกล่อง แซนด์วิช เบอร์เกอร์ สะเต๊ะ ฯลฯ) 200 - 250 บาท น้ำอัดลมกระป๋อง / น้ำเปล่า 50 บาท
ชุดนี้ 250 บาท มีเบอร์เกอร์ + น้ำอัดลม + สแน็ค แพงได้ใจ! (2009)
เราพักในกัวลาลัมเปอร์แถว Chow Kit ซึ่งไม่แนะนำถ้าไปคนเดียวเพราะดึกๆ ก็เปลี่ยวเหมือนกัน แต่โรงแรม Cititel Express ที่เราไปนอนมันถูกดีค่ะ ยิ่งจองล่วงหน้าหลายเดือนยิ่งถูก รวมอาหารเช้า 2 คนแล้วเราจ่ายคืนละ 780 บาทเท่านั้นค่ะ จากโรงแรมเราใช้บริการ Monorail รถไฟลอยฟ้ารางเดี่ยวไปลง KL Sentral ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถไปสนามเซปัง อยู่ห่างจากตรงนั้นประมาณ 65 กม. ก็ประมาณเกือบ 1 ชม. ล่ะค่ะ
ในเรื่องการเดินทางไปสนาม ทางสะดวกสบายแต่ต้องทำใจเรื่องฝูงชนนะคะ ตอนไปน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกลับคุณอาจจะแทบลมจับ ขาไปไม่ค่อยลำบากเพราะทยอยกันไป แต่ขากลับเลิกแข่งแล้วก็กรูออกมาพร้อมกัน และถ้าเจอฝนพรำๆ อยู่ด้วยก็จะเพิ่มความเข้มข้นของการผจญภัยมากขึ้น คิวของคนที่จะกลับ KL Sentral จะยาวได้ใจมากประหนึ่งคงได้ขึ้นรถพรุ่งนี้ซะละมั้ง! จากประสบการณ์ปีแรก เราเลยเปลี่ยนแผนการเดินทางกลับกัวลาลัมเปอร์ใหม่
แทนที่จะนั่งรถบัสจากสนามตรงกลับ KL Sentral เรานั่งรถย้อนไปลงที่สนามบิน LCCT (สนามบินสำหรับสายการบินโลว์คอสต์อย่างแอร์เอเชีย) ซึ่งอยู่ถัดไปแค่ 10 นาที แล้วค่อยนั่งรถบัสกลับเข้าเมือง หรือใครจะทานข้าวเย็นที่นั่นแล้วค่อยนั่งรถกลับก็ได้ค่ะ อีกเส้นทางหนึ่งคือซื้อแพ็กเกจรถไฟเร็ว KLIA Ekspres ในวันแข่งรถไฟเร็วนี้จะร่วมให้บริการแฟนๆ ฟอร์มูล่าวันด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดประสงค์ของรถไฟสายนี้จริงๆ คือเอาไว้สำหรับผู้โดยสารที่ลงเครื่องจากสนามบินหลัก KLIA เข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีก็จะถึง KL Sentral ค่ะ
เอาเป็นว่าเราเล่าคร่าวๆ ไว้เท่านี้แล้วกันนะคะ ใครที่จะไปในปีหน้าหรือปีต่อๆ ไปถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับทริปเซปัง เรายินดีช่วยเหลือค่ะ ใครที่เป็นแฟนฟอร์มูล่าวันแล้วพร้อมที่จะไปสัมผัสประสบการณ์จริง ขอแนะนำเลยคะ ไม่ว่าจะไปสนามไหน เราเชื่อว่าคุ้มค่าแน่นอน
*ข้อมูลและภาพโดย finishline
Create Date : 05 สิงหาคม 2553 |
|
61 comments |
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 9:57:36 น. |
Counter : 2525 Pageviews. |
|
|
|