อย่างที่รายงานไว้ว่าในตอนซ้อมทั้ง 2 ช่วงแรก อลอนโซ่ซึ่งเป็นแชมป์รายการนี้มาแล้ว 2 ครั้งคือในปี 2006 และ 2007 ทำเวลาได้ดีมาก ขึ้นนำตลอดจนดูเหมือนว่างานนี้เสร็จเฟอร์รารี่แน่ แต่พอช่วงซ้อมสุดท้ายผ่านไป 20 นาที อลอนโซ่ก็เกิดอุบัติเหตุ รถพังจนทีมงานไม่สามารถซ่อมให้ได้ทันแข่งขันรอบควอลิฟายซึ่งจะมีขึ้นภายหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เจ้าตัวจึงไม่ลงแข่งและออกสตาร์ทจากพิทในวันแข่งจริง

แต่การที่ไล่อันดับขึ้นมาจนอยู่ที่ 6 สำหรับเรา เราว่าอลอนโซ่ทำได้เยี่ยมมากแล้ว โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ทีมงานเรียกให้เข้าไปเปลี่ยนยางตั้งแต่ช่วงที่เซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งครั้งแรก เปลี่ยนทีเดียวแล้ววิ่งยาวตลอด ได้เปรียบกว่าคนอื่น ทำให้ตัวเองได้อันดับดีขึ้นมาเยอะเลย

แล้วโดยเฉพาะใครที่ได้ดูถ่ายทอดสดวันนั้นจะเห็นว่าคุณเธอแซงแหลก แซงรถที่ช้ากว่าได้เป็นว่าเล่น แถมหาที่แซงได้เจ๋งมากเพราะตรงนั้นไม่ค่อยมีใครเขาแซงกัน ต้องใช้ฝีมืออย่างมาก

ต่อคำถามถึงกรณีชูมัคเกอร์แซงเขาในรอบสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยนั้น อลอนโซ่บอกสั้นๆ ว่าทีมงานบอกเขาทางวิทยุว่ารอบสุดท้ายก็ยังคงอยู่ภายใต้เซฟตี้คาร์ โดยช่วงนั้นไม่อนุญาตให้แซง เขาเลยทำใจสบายๆ และสุดท้ายกรรมการก็ออกมายืนยันว่าชูมัคเกอร์ต้องโดนทำโทษ ซึ่งเขาคิดว่าถูกต้องแล้ว

ส่วนข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งที่ขึ้นมาพร้อมกัน ก็เป็นคำสัมภาษณ์ของคุณทาดาชิ ยามาชินะ อดีตบอสใหญ่โตโยต้าในฟอร์มูล่าวัน ซึ่งทีมได้ถอนตัวไปตั้งแต่จบฤดูกาลที่แล้ว โดยเขาบอกว่าโตโยต้าจะไม่กลับมาวงการฟอร์มูล่าวันในช่วงนี้อีกแน่นอน เพราะโลกของฟอร์มูล่าวันตอนนี้ "ไฮโซ" เกินไป

อย่างในการแข่งขันรถรายการอื่น แฟนๆ ยังพอได้สัมผัสกับรถ กับการแข่งขันใกล้ๆ แต่ที่ฟอร์มูล่าวัน เฉพาะคนที่โชคดี (อีกนัยหนึ่ง...คนรวย) เท่านั้นถึงจะได้เข้าไปข้างในแพ็ดด็อก หรือเป็นการไปริงไซด์คลุกวงในนั่นแหละ

อันนี้จริงเลยค่ะ เราเองไปดูฟอร์มูล่าวันที่เซปัง มาเลเซีย (ที่เลือกสนามนี้เพราะดูแล้วจะสิ้นเปลืองน้อยที่สุด) มา 2 รอบ ทำให้ได้รู้ว่าจะไปดูฟอร์มูล่าวันที ต้องกัดฟันลงทุนเยอะ แค่เราไปดูที่นั่งธรรมดาๆ ก็เสียไปหลาย ไหนจะค่าอาหารในสนามที่แสนแพง (ข้าวกล่องธรรมดาหรือฮ็อทด็อกชิ้นนึงก็ 250 บ. โค้กกระป๋องหรือน้ำเปล่าขวดนึงก็ 50 บ. เฮ้ออออ) ไหนจะต้องไปหลายวัน เพราะต้องไปอยู่ที่สนาม 3 วันเต็มๆ ก็เสียค่านอนไปหลายคืนอีก

ส่วนพวกที่ซื้อตั๋วแพ็ดด็อกคลับ ที่เราเห็นเขาเข้าไปเดินดูได้ถึงพิทเลนนั่นแหละค่ะ ที่นึงก็เฉียดแสน อืม แต่เป็นเราถ้ามีตังค์ขนาดนั้นก็คงทำเหมือนกัน เพราะมันจะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดกับนักขับหรือทีมงานคนดังๆ ที่เราเห็นเขาในทีวีอยู่เป็นประจำนั่นแหละ

เอ้า...ตื่นๆๆ แหม...ฝันไปเรื่อยล่ะเรา!



*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 11:45:25 น.		0 comments
Counter : 1131 Pageviews.
Share Tweet