ใครที่เป็นแฟนของคิมี่ ไรค์โคเน่น คงทราบดีถึงความไม่ถูกโรคของนักขับฟินน์รายนี้กับการแข่งขันที่เยอรมัน ไม่ว่าจะเป็นสนามนัวร์บวร์กริงหรือฮ็อคเคนไฮม์ก็ตาม ถึงแม้เราจะยังไม่รู้ว่าเรื่องราวของ "คิมี่" กับเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ คราวนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็พาลให้อดหวั่นใจไม่ได้เมื่อย้อนดูผลงานของเขาในช่วง 9 ปีแรกของการเป็นนักขับฟอร์มูล่าวัน...ในทุกครั้งที่ไปเยือนเยอรมัน

ปีแรกในฟอร์มูล่าวันของเขากับทีมเซาเบอร์ จบอันดับที่ 10 ในรายการยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่นัวร์บวร์กริง และออกจากการแข่งขันเมื่อผ่านไปครึ่งทางในเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ที่ฮ็อคเคนไฮม์

ปีแรกที่ย้ายมาขับให้กับแม็คลาเรน ได้ขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ที่นัวร์บวร์กริง แต่ต่อมาที่ฮ็อคเคนไฮม์ไม่จบการแข่งขัน

คิมี่ได้โพลแรกในฟอร์มูล่าวันที่นัวร์บวร์กริงปีนั้นและนำการแข่งขันจนถึงรอบที่ 25 แต่เพราะไม่มีโชค เขาจึงไม่จบการแข่งขันเพราะเครื่องยนต์พัง ส่วนการแข่งขันที่ฮ็อคเคนไฮม์นั้นยังไม่ทันพ้นโค้งแรกก็ได้เรื่องอีกแล้ว นับเป็นอุบัติเหตุแรงครั้งหนึ่งของเขา

ปีนั้นเป็นปีแห่งความเปราะบางของแม็คลาเรน นอกจากเครื่องยนต์เสียหายระหว่างการแข่งขันยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่นัวร์บวร์กริงแล้ว ในเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ที่ฮ็อคเคนไฮม์ขณะที่คิมี่กำลังไล่เข้าใกล้มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ปรากฏว่าอยู่ๆ ปีกหลังของรถก็หลุดออกไป ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมรถในทันที และแน่นอน...DNF ที่เยอรมันอีกครั้ง

ขมขื่นที่สุดในการมาเยอรมันก็ต้องคราวนี้ ในการแข่งขันที่นัวร์บวร์กริงรอบที่ 30 เขาหลุดโค้งฟอร์ด ทำให้ช่วงล่างของรถได้รับความเสียหายแต่ยังวิ่งต่อได้ อีกหลายรอบต่อมาล้อหน้าขวาของเขาล็อกขณะจะแซงรถช้า จุดนี้เองเริ่มทำให้ยางเกิดแผลแต่ยังวิ่งต่อไปเพราะตามกฎปีนั้นรถไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนยางขณะเข้าพิตเว้นแต่ยางแตกหรือต้องเปลี่ยนเป็นยางเปียก คิมี่ยังวิ่งพร้อมกับกดเวลาได้เร็วสม่ำเสมอจนเมื่อเหลือการแข่งขันอีก 8 รอบพร้อมกับนำห่างเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ในอันดับที่ 2  อยู่ 7.4 วินาที รถแม็คลาเรนเริ่มสั่นไปทั้งตัวรถและระบบกันสะเทือนเนื่องมาจากยางที่เสียหายอยู่ ทำให้การเข้าโค้งและการเบรกลำบากมากขึ้น กระทั่ง 2 รอบสุดท้ายของการแข่งขัน ระยะห่างระหว่างเขากับอันดับที่ 2 ลดลงเหลือเพียง 2.7 วินาที แต่ทั้งทีมงานและนักขับตัดสินใจด้วยกันแล้วว่าจะวิ่งต่อไป ในที่สุดเมื่อเริ่มต้นรอบสุดท้าย ในขณะเบรกเข้าโค้งแรก ระบบกันสะเทือนของล้อหน้าขวาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปก็เกิดหักในทันที ส่งผลให้รถหมุนไปลงบ่อกรวด จากคะแนนเต็มสิบเหลือเป็นศูนย์

เท่านั้นยังไม่พอ อีก 2 เดือนต่อมาในการแข่งขันที่ฮ็อคเคนไฮม์ เขาออกตัวจากโพลและนำการแข่งขันจนกระทั่งการเข้าพิตครั้งแรกผ่านไป แต่ในรอบที่ 35 รถแม็คลาเรนก็จอดกลางแทร็คดื้อๆ จากปัญหาระบบไฮโดรลิก คิมี่ไม่จบการแข่งขันที่สนามนี้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว

ปีสุดท้ายกับแม็คลาเรนยังน่ายินดีที่คราวนี้จบการแข่งขันที่ฮ็อคเคนไฮม์เสียที แถมได้โพเดียมอันดับที่ 3 เสียด้วย นับเป็นโพเดียมครั้งที่ 2 และครั้งล่าสุดของเขาในแผ่นดินเยอรมัน

ถึงจะย้ายมาขับให้เฟอร์รารี่แล้ว แต่อาถรรพณ์ประจำตัวของเขายังติดตามมาเสมอ ในการแข่งขันรอบแรกของยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่นัวร์บวร์กริง ซึ่งเขาออกตัวจากโพลอีกครั้ง แต่เมื่อฝนลงหนักหลังผ่านรอบแรก ทำให้เขาพลาดในการหักรถเข้าพิตเลนเพื่อจะเปลี่ยนเป็นยางเปียก หมายความว่าจะต้องเสียเวลาอีก 1 รอบเต็มๆ ในการใช้ยางแห้งวิ่งบนถนนฉ่ำฝน ทำให้อันดับตกไป และต่อมาต้องออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาของรถขณะไล่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 แล้ว

จบการแข่งขันที่ฮ็อคเคนไฮม์อีกปีในอันดับที่ 6

ยังไงคิมี่ก็ไม่ถูกกับการแข่งขันในเยอรมันอยู่ดี รายการเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ที่นัวร์บวร์กริง เขาออกจากการแข่งขันในรอบที่ 34 จากสาเหตุหม้อน้ำรั่ว

โพลโพซิชั่น: 4 ครั้ง (นัวร์บวร์กริง 2003 และ 2007 / ฮ็อคเคนไฮม์ 2005 และ 2006)

ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด: 3 ครั้ง (นัวร์บวร์กริง 2003 / ฮ็อคเคนไฮม์ 2004 และ 2005)

โพเดียม: 2 ครั้ง (อันดับที่ 3 จากนัวร์บวร์กริง / อันดับที่ 3 จากฮ็อคเคนไฮม์ 2002 และ 2006 กับแม็คลาเรน)

จบในอันดับที่มีคะแนน: 1 ครั้ง (อันดับที่ 6 จากฮ็อคเคนไฮม์ 2008 กับเฟอร์รารี่)  

อ่านแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วย! ในฐานะที่เป็นแฟนคิมี่ ขอภาวนาให้เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับเขาด้วยเถิดค่ะ :D

*****************************************************

คนแรก ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกปี 2008 ของแม็คลาเรน นับตั้งแต่เขาลงแข่งขันครั้งแรกในรายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ 2007 เป็นต้นมา เขาไม่เคยขาดการลงแข่งขันเลยสักครั้งเดียว และสุดสัปดาห์นี้ที่ฮ็อคเคนไฮม์ก็จะเป็นการแข่งขันครั้งที่ 100 สำหรับเขาค่ะ โดยแฮมิลตันกล่าวว่า "ไม่น่าเชื่อเลย เพราะผมยังจำวันแรกได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง คงเป็นเพราะอิทธิพลของฟอร์มูล่าวันนี่แหละ!"

ส่วนอีกคน เฮกกิ โควาไลเน่น อดีตเพื่อนร่วมทีมของแฮมิลตันเมื่อปี 2008-2009 แม้เมื่อสองปีก่อนในการแข่งขันที่บาร์เซโลน่า เขาไม่ได้สตาร์ทจากกริดเนื่องจากปัญหาของเกียร์บ็อกซ์ แต่สัปดาห์นี้ก็จะฉลองกรังด์ปรีซ์ที่ 100 เช่นเดียวกัน "นั่นเป็นหลักชัยที่ดีที่ได้มาถึงและผมก็ดีใจที่จะได้ฉลองกับหลายคนและเพื่อนๆ มากมายในแพ็ดด็อก"

สำหรับคิวต่อไปสำหรับการฉลองครบ 100 กรังด์ปรีซ์จะเป็นของเซบาสเตียน เวทเทล ซึ่งแข่งขันในฟอร์มูล่าวันครั้งแรกหลังแฮมิลตันและโควาไลเน่นแข่งผ่านไปครึ่งฤดูกาล เพราะฉะนั้นเขาจะได้ลงแข่งครั้งที่ 100 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เวทเทลต้องการจะทำลายสถิติส่วนตัวให้ได้เรื่องหนึ่งก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาเขาไม่เคยชนะการแข่งขันในเดือนกรกฎาคมเลย และโอกาสของปีนี้เหลืออีก 2 ครั้งในการแข่งขันที่บ้านเกิดในวันอาทิตย์นี้และอีกครั้งที่ฮังการี ซึ่งเขาหวังว่าจะทำได้สำเร็จเสียที 

*****************************************************

ส่งท้ายด้วยข่าวสั้นที่น่าสนใจนะคะ

- มารุสเซียสรุปสาเหตุจากการสอบสวนอุบัติเหตุของมาเรีย เด บิโญต้า เบื้องต้นว่าไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของรถ แต่ยังต้องหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

- หลังจากพายุฝนที่ซิลเวอร์สโตนทำแผนทดสอบยางฮาร์ดใหม่ล้มเหลว ในการซ้อมวันศุกร์ที่ฮ็อคเคนไฮม์ ปิเรลลี่จะนำยางฮาร์ดใหม่มาให้ทีมทดลองใช้อีกครั้ง และจะให้ทีมเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะใช้ยางฮาร์ดใหม่ลงแข่งในฤดูกาลนี้เลยหรือไม่

- เฟอร์รารี่ติดอันดับทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับที่ 15 จากการรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ โดยมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ท็อป 50 มีทีมฟอร์มูล่าวันเพียง 2 ทีมเท่านั้น อีกทีมหนึ่งก็คือแม็คลาเรน มีมูลค่าประมาณ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุด ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก ด้วยมูลค่าประมาณ 2.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยรีลมาดริดและดัลลัส คาวบอยส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง

*ข้อมูลจาก kimiraikkonenspace.com / nextgen-auto.com / autosport.com/f1