Spanish Grand Prix 2011 - Friday Practice
พอเจอสนามสุดโปรดเข้า มาร์ก เว็บเบอร์ ก็รีดฟอร์มเก่งออกมาได้ ทำเวลาดีที่สุดทั้งการซ้อมช่วงเช้าและช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ค่ะ
รอบเช้า (Free Practice 1)
1. Mark Webber (Red Bull-Renault) 1m25.142s (27 laps) 2. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m26.149s / + 1.007 (20) 3. Nico Rosberg (Mercedes) 1m26.379s / + 1.237 (29) 4. Fernando Alonso (Ferrari) 1m26.480s / + 1.338 (27) 5. Sergio Perez (Sauber-Ferrari) 1m26.738s / + 1.596 (26) 6. Lewis Hamilton (McLaren-Mercedes) 1m26.988s / + 1.846 (19) 7. Michael Schumacher (Mercedes) 1m27.016s / + 1.874 (32) 8. Nick Heidfeld (Renault) 1m27.132s / + 1.990 (21) 9. Jenson Button (McLaren-Mercedes) 1m27.138s / + 1.996 (22) 10. Rubens Barrichello (Williams-Cosworth) 1m27.212s / + 2.070 (20) 11. Vitaly Petrov (Renault) 1m27.241s / + 2.099 (22) 12. Daniel Ricciardo (Toro Rosso-Ferrari) 1m27.471s / + 2.329 (23) 13. Pastor Maldonado (Williams-Cosworth) 1m28.005s / + 2.863 (11) 14. Nico Hulkenberg (Force India-Mercedes) 1m28.027s / + 2.885 (26) 15. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) 1m28.163s / + 3.021 (22) 16. Felipe Massa (Ferrari) 1m28.654s / + 3.512 (28) 17. Kamui Kobayashi (Sauber-Ferrari) 1m28.819s / + 3.677 (23) 18. Jaime Alguersuari (Toro Rosso-Ferrari) 1m28.995s / + 3.853 (9) 19. Heikki Kovalainen (Lotus-Renault) 1m29.231s / + 4.089 (21) 20. Jerome D'Ambrosio (Virgin-Cosworth) 1m30.896s / + 5.754 (18) 21. Timo Glock (Virgin-Cosworth) 1m31.235s / + 6.093 (24) 22. Tonio Liuzzi (HRT-Cosworth) 1m31.268s / + 6.126 (23) 23. Jarno Trulli (Lotus-Renault) 1m31.418s / + 6.276 (12) 24. Narain Karthikeyan (HRT-Cosworth) 1m32.106s / + 6.964 (25)
รอบบ่าย (Free Practice 2)
1. Mark Webber (Red Bull-Renault) 1m22.470s (35 laps) 2. Lewis Hamilton (McLaren-Mercedes) 1m22.509s / + 0.039 (27) 3. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m22.826s / + 0.356 37 4. Jenson Button (McLaren-Mercedes) 1m23.188s / + 0.718 (32) 5. Fernando Alonso (Ferrari) 1m23.568s / + 1.098 (34) 6. Nico Rosberg (Mercedes) 1m23.586s / + 1.116 (35) 7. Michael Schumacher (Mercedes) 1m23.981s / + 1.511 (30) 8. Felipe Massa (Ferrari) 1m24.278s / + 1.808 (30) 9. Kamui Kobayashi (Sauber-Ferrari) 1m24.290s / + 1.820 (33) 10. Nick Heidfeld (Renault) 1m24.366s / + 1.896 (31) 11. Sergio Perez (Sauber-Ferrari) 1m24.483s / + 2.013 (38) 12. Vitaly Petrov (Renault) 1m24.786s / + 2.316 (43) 13. Sebastien Buemi (Toro Rosso-Ferrari) 1m25.296s / + 2.826 (33) 14. Rubens Barrichello (Williams-Cosworth) 1m25.303s / + 2.833 (38) 15. Jaime Alguersuari (Toro Rosso-Ferrari) 1m25.457s / + 2.987 (34) 16. Pastor Maldonado (Williams-Cosworth) 1m25.603s / + 3.133 (43) 17. Paul di Resta (Force India-Mercedes) 1m26.073s / + 3.603 (32) 18. Heikki Kovalainen (Lotus-Renault) 1m26.417s / + 3.947 (37) 19. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) 1m27.123s / + 4.653 (20) 20. Jarno Trulli (Lotus-Renault) 1m27.189s / + 4.719 (34) 21. Jerome D'Ambrosio (Virgin-Cosworth) 1m28.036s / + 5.566 (36) 22. Timo Glock (Virgin-Cosworth) 1m28.062s / + 5.592 (28) 23. Narain Karthikeyan (HRT-Cosworth) 1m29.469s / + 6.999 (28) 24. Tonio Liuzzi (HRT-Cosworth) 1m29.476s / + 7.006 (31)
ที่พูดกันมากเมื่อวานเป็นเรื่องเกี่ยวกับยาง "ซูเปอร์ฮาร์ด" ที่ปิเรลลี่นำมาให้ใช้แข่งสนามนี้เป็นสนามแรก หลายคนบ่นกันอุบ อย่างลูอิส แฮมิลตัน ของแม็คลาเรนถึงขั้นเรียกว่าเป็นหายนะเลยทีเดียว เขาคอมเมนต์ว่าทำให้เวลาแตกต่างกับยางซอฟต์ถึง 2 วินาที และมันก็ไม่ได้ทนอย่างที่พูดกันก่อนหน้านี้
นอกจากประเด็นเรื่องยางและโบลว์น ดิฟฟิวเซอร์ ที่เป็นเรื่องเด่นในสัปดาห์นี้ เฟอร์รารี่ก็หาประเด็นให้เอฟไอเอมีการบ้านเพิ่มค่ะ
ปีกหลังใหม่ของเฟอร์รารี่
เฟอร์รารี่อัพเดทปีกหลังโดยตำแหน่ง flap สูงกว่าปกติโดยตีความจากกฎการทำปีกหลังข้อ 3.10.3 (slot gaps separators -- ใครแปลได้สวยๆ ช่วยหน่อยนะคะ) เอฟไอเอจึงกำลังตรวจสอบโดยละเอียดว่าสิ่งนี้ถือว่าผิดกฎหรือไม่ และจะตัดสินก่อนการซ้อมครั้งสุดท้ายว่าเฟอร์รารี่จะยังสามารถใช้ปีกเวอร์ชั่นนี้ได้หรือเปล่า
ส่วนข่าวคราวเรื่อง DRS สนามนี้และสนามหน้ายังถูกกำหนดให้ใช้ 1 ช่วง แต่ตั้งแต่สนามแคนาดาเป็นต้นไป เราจะเจอโซน DRS 2 ช่วงเลยค่ะ โดยที่มอนทรีออลกำหนดไว้ที่ทางตรงด้านหลังที่จะเข้าสู่โค้ง 11 และทางตรงด้านหน้าพิต สำหรับรายการยูโรเปี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่บาเลนเซีย จะอนุญาตให้ใช้ DRS ที่ระหว่างโค้ง 10-12 และอีกช่วงคือโค้ง 14-17 ที่จริงแล้วซอฟต์แวร์สำหรับการใช้ DRS 2 โซนนี้พร้อมตั้งแต่ที่ตุรกี แต่เอฟไอเอกล่าวว่ายังใหม่เกินไป และการที่เริ่มที่แคนาดาก็เหมาะสมแล้วเพราะที่นั่นมีทางตรงต่อเนื่องจากด้านหลังมาด้านหน้า
สำหรับที่โมนาโค เอฟไอเอก็ยังให้ใช้ DRS ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงอุโมงค์ แม้นักขับหลายคนจะกังวลเรื่องความปลอดภัยก็ตาม โดยชาร์ลี ไวติ้ง กรรมการด้านเทคนิคของเอฟไอเอกล่าวว่ายังไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจะอันตรายหากใช้ DRS ที่โมนาโคค่ะ
ติดตามกันต่อกับการซ้อมรอบสุดท้าย เวลา 16.00 น. และลุ้นรอบควอลิฟายได้ในเวลา 19.00 น. นะคะ
*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1
Create Date : 21 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 15:19:19 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1166 Pageviews. |
|
|
แต่สิ่งที่บอกได้ค่อนข้างแน่ก็เรื่องยาง "Superhard" อย่างที่เจ้าของบ้านได้บอกไว้อ่ะครับ เพราะทุกคนก็ได้ให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกัน ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะไม่ได้วิจารณ์มากนักอย่าง Massa, วิจารณ์พอประมาณอย่าง Button หรือวิจารณ์อย่างหนักแบบ Hamilton
นอกเหนือจากเรื่องความเร็วแล้ว เรื่องการทำความร้อนให้กับยาง Superhard ก็ดูจะยากขึ้นไปด้วย ซึ่งคนที่พูดเรื่องนี้ค่อนข้างชัดก็คงเป็นเจ้าเดิมอย่าง Massa
อีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งให้ไว้โดย Alonso คือ เค้าคิดว่าหลายๆคนคงจะต้องใช้ยาง Soft ตั้งแต่ Q1 เพราะความแตกต่างระหว่าง Soft กับ Superhard ดูจะมากเกินไป จากสนามที่ผ่านๆมา ก็มีแค่ RBR กับ McLaren ที่ใช้แค่ยาง Hard ก็เพียงพอสำหรับ Q1 แล้ว (ไม่นับสนามที่แล้วนะครับ เพราะ Kobayashi ทำให้สถานการณ์ง่ายขึ้นมากสำหรับหลายๆคน)
เมื่อมองไปถึงช่วง Qualify ความเห็นของ Trulli ที่เจ้าของบ้านเคยโพสไว้ก็คงเป็นปัจจัยสำคัญแน่ๆ เพราะทุกทีมคงพยายาม save ยางให้มากเท่าสุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้
ผมคิดว่า การ Quali ในอุดมคติของทุกคน คือ วิ่งแค่ชุดเดียวในแต่ละช่วง Qualify ซึ่งจะทำให้พวกเค้าเหลือยางใหม่ๆไว้ใช้ใน race ถึง 3 ชุด (น่าจะเป็นยาง Hard 2 ชุด และ Soft 1 ชุด) แต่การ Qualify ในอุดมคตินั้นค่อนข้างจะเป็นไปได้ยากเลยทีเดียว ผมคิดว่าคงมีแค่ RBR เท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้
ส่วนเรื่องจำนวนการเข้าพิทในวันพรุ่งนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นไปในรูปแบบเดียวกับสนามที่แล้วนะครับ คือ 3 หรือ 4 ครั้ง โดยที่แต่ละทีมคงพยายามที่จะวิ่งด้วยยาง Hard ในช่วงที่สั้นๆ เพราะประสิทธิภาพที่เป็นรองยาง soft แบบชัดเจน
สำหรับอันดับ Qualify ถ้าไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ ผมยังคิดว่า RBR น่าจะยึดหัวแถวไว้ได้, Hamilton น่าจะได้อยู่แถว 2 ทางฝั่ง Clean side และรถของทีมใหญ่ที่เหลือ (Ferrari, Mercedes และ Renault) น่าจะยึด 5 แถวแรกไว้ได้ ส่วนใครจะอยู่ตรงไหนก็ต้องลุ้นกันอีกที
อีกจุดนึงที่น่าสนใจก็คือ การเอาตัวรอดจาก Q1 เพราะรถของ team lotus ก็ดูจะดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และพวกเค้าอาจจะมีลุ้นที่จะผ่าน Q1 ในสถานการณ์ปกติได้ ถ้ารถของ team lotus ยังไม่สามารถผ่าน Q1 ไปได้ อีก 1 ตำแหน่งที่เหลือก็คงต้องลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว ถ้าจะให้เดา ผมขอเลือก Adrian Sutil เป็นผู้โชคร้าย เพราะรถของเค้ามีปัญหาในช่วง P2 ซึ่งส่งผลให้เค้าวิ่งใน P2 น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ยิ่งไปกว่านั้น ทาง Force India ดูจะต้องทำการตัดสินใจเกี่ยวกับ update ใหม่ๆที่ทางทีมนำมาติดตั้ง เพราะดูเหมือนกับว่า update ใหม่ ดูจะไม่ดีอย่างที่ทางทีมคาดไว้