United States Grand Prix 2012 - Post-Race News
การแข่งขันฟอร์มูล่าวันรายการยูไนเต็ดสเตทส์ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกในรอบ 5 ปีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานับว่าประสบความเร็จอย่างงดงามทีเดียวค่ะ และถึงขั้นเกินความคาดหมายสำหรับเบอร์นี่ เอ็กเคิลสโตน ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันด้วยซ้ำ
ตลอดสามวันของการแข่งขัน สนามเซอร์กิตออฟดิอเมริกาส์แห่งเมืองออสตินดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า 250,000 คน รวมทั้งได้รับเสียงตอบรับจากนักขับ ทีม หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในเชิงบวกทั้งสิ้น ทำให้เอ็กเคิลสโตนรู้สึกชื่นใจมาก โดยเฉพาะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว สนามนี้มีปัญหาในเรื่องการตกลงระหว่างผู้จัดการแข่งขันกับผู้สร้างสนาม จนทำให้เกิดความกังวลใจในขณะนั้นว่าสนามจะแล้วเสร็จไม่ทันตารางแข่งขันที่วางไว้ โดยเขากล่าวว่า "ทุกอย่างไปได้ดี ทุกคนมีความสุข ทุกคนในออสตินดูมีความสุขจริงๆ เป็นเรื่องดีที่เราลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วเห็นผล ซึ่งในปีที่ 2 จะยากขึ้นในการดึงคนเข้าสนามให้ได้มากขนาดนี้ แต่เราเห็นได้ว่าพวกเขาพร้อมจะสนับสนุน ผู้ว่าการพูดว่าปีหน้าจะมีคนมามากกว่านี้อีก"
ในส่วนหลังการแข่งขันมีหลายประเด็นที่น่าสนใจให้ติดตามค่ะ เริ่มจากเรื่องที่เฟอร์รารี่เปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์รถของเฟลิเป้ มาสซ่า โดย "ตั้งใจ" ก่อนการแข่งขันเพื่อให้มาสซ่าถูกปรับกริด 5 อันดับ เป็นการเปิดทางให้เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ได้ขยับมาออกตัวในกริดด้านที่สะอาดกว่า
ประเด็นนี้เป็นที่พูดถึงกันหลังแข่งอย่างกว้างขวางทีเดียว โดยเมื่อวันอาทิตย์นักข่าวได้ถามสเตฟาโน่ โดเมนิคาลี่ ทีมบอสว่าการทำเช่นนี้ถือว่ามีสปิริตหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ "ใช่ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ทำหรอก มันเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความเป็นไปได้ที่จะทำ ผมจะพูดเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่ผมต้องการทำทุกอย่างให้โปร่งใสที่สุด ถ้าคุณไปถามทีมบอสคนอื่นแล้วเขาพูดว่าเราตัดสินใจไม่ถูกต้อง แสดงว่าเขาโกหกคุณ"
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเฟอร์รารี่ได้สอบถามไปยังเอฟไอเอก่อนด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ และเหตุผลที่เฟอร์รารี่ตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์ของมาสซ่าค่อนข้างช้าเพราะมีข่าวลือมาว่าเร้ดบูลก็พร้อมจะปรับกลยุทธ์ตาม โดยอาจให้มาร์ก เว็บเบอร์ ซึ่งควอลิฟายได้ในกริดที่ 3 เปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์บ้าง เพื่อให้อลอนโซ่กลับไปสตาร์ทด้านที่สกปรกกว่าอีกครั้ง
เฟอร์รารี่เปิดเผยเรื่องราวด้วยความสัตย์จริงว่าทำไปเพื่อช่วยอลอนโซ่ในการลุ้นแชมป์ แต่สำหรับทีมบอสคนอื่นก็ยังตะขิดตะขวงใจกับวิธีนี้ โดยมาร์ติน วิทมาร์ช ทีมบอสแม็คลาเรนกล่าวว่ากฎการเปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์ไม่ได้เกิดมาเพื่อจุดประสงค์นี้ ซึ่งเขาไม่ลังเลที่จะยกตัวอย่างช่วงเวลาที่อลอนโซ่มาขับให้แม็คลาเรนเมื่อปี 2007 "เผื่อว่าคุณจะลืม ตอนที่เฟอร์นันโดอยู่กับเรา เราไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ จึงเป็นเหตุผลที่เฟอร์นันโดออกจากเราไป เราทุกคนต่างก็แข่งขันไปในแนวทางที่เห็นว่าเหมาะสม แต่ผมคิดว่าถ้าผมควอลิฟายอยู่ในกริดด้านที่เร็วกว่าแล้วต้องมาถูกโยกไปอยู่ด้านที่ช้ากว่าก็น่าสงสารมากทีเดียว"
ด้านมาสซ่า ผู้ซึ่งรับผลกระทบโดยตรงกล่าวว่าเขาร่วมในการตัดสินใจ แต่ไม่ได้ถึงกับพอใจมากนัก เขายิ้มและกล่าวประโยคหนึ่งสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า "คงจะหานักขับอย่างผมได้ยาก"
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่นำมาฝาก เป็นความกังวลใจของเร้ดบูลกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับไดชาร์จ (alternator) ครั้งล่าสุดกับรถของเว็บเบอร์ค่ะ เรื่องนี้คงจะไม่เป็นเรื่องน่าห่วงหากว่าการแข่งขันสนามสุดท้ายที่บราซิลจะไม่ใช่สนามตัดสินแชมป์โลกประเภทนักขับ ซึ่งเซบาสเตียน เวทเทล มีคะแนนนำอลอนโซ่อยู่ 13 คะแนนในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ในการแข่งขันที่บาเลนเซียและมอนซ่า เวทเทลประสบปัญหาไดชาร์จขัดข้องจนต้องออกจากการแข่งขันทั้งสองสนาม โดยหลังจากนั้นเร้ดบูลตัดสินใจร่วมกับเครื่องยนต์เรโนลต์ในการกลับไปใช้ไดชาร์จรุ่นเก่า ซึ่งนอกจากไม่พบปัญหาใดๆ แล้ว เวทเทลยังชนะมา 4 สนามรวดระหว่างสิงคโปร์ถึงอินเดีย อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันที่ออสติน เรโนลต์มีไดชาร์จรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาและบรรดาทีมที่ใช้เครื่องยนต์ของพวกเขาต่างก็ได้รับไดชาร์จใหม่นี้ไปใช้ ยกเว้นเร้ดบูลที่ยังคงต้องการใช้รุ่นเดิม แต่ก็มาเกิดปัญหาอีกจนได้ โดยเริ่มจากเว็บเบอร์สูญเสีย KERS ก่อนที่จะจอดรถเพราะไดชาร์จไม่ทำงานแล้ว
คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอสเร้ดบูลไม่ปิดบังว่านี่เป็นความกังวลของทีม เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ที่พวกเขามีปัญหากับไดชาร์จระหว่างการแข่งขันและยังมีรถคันอื่นที่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ด้วย เพราะฉะนั้นในการแข่งขันสนามอินเตอร์ลากอสสุดสัปดาห์นี้เร้ดบูลไม่มีทางเลือก พวกเขาต้องลงแข่งด้วยไดชาร์จเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่เรโนลต์ยืนยันว่าปรับปรุงแก้ไขและทดสอบมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งจากการแข่งขันที่ออสตินที่ทีมอื่นที่เป็นลูกค้าของเรโนลต์ใช้แข่งขันเป็นครั้งแรกก็ไม่พบปัญหาแต่ประการใด
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ nextgen-auto.com ภาพจาก formel1.de
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 15:10:39 น. |
|
33 comments
|
Counter : 1651 Pageviews. |
|
|
|