สำหรับทั้งสองกรณี คาร์ธิเคยันได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้ขอโทษนักขับทั้งสองคนแล้ว ซึ่งบัตตันเองก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าตนเป็นคนผิดด้วยซ้ำ แต่กับกรณีหลัง ท่าทางเรื่องจะยาวเหมือนกันค่ะ เมื่อเวทเทลนั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกสื่อที่ต้องสูญเสียอันดับที่ 4 ของตนในขณะนั้น เรียกว่าจัดเต็มทั้งคำพูดและกิริยาอาการจนตกเป็นที่จับตามองอย่างมากในขณะนี้แถมเรื่องยังไม่ได้มีแค่นั้น ความวุ่นวายของพิตเร้ดบูลยังมีอยู่ต่อไปหลังจากเปลี่ยนยางให้รถหมายเลข 1 แล้ว พวกเขาก็สับสนในสองรอบสุดท้าย โดยแจ้งนักขับไปทางวิทยุ รอบหนึ่งให้เข้าพิต รอบหนึ่งให้ยังวิ่งต่อ และก่อนจะถึงเส้นชัยรอบสุดท้าย ทีมงานแจ้งไปอีกทีให้เวทเทลเข้าพิตเลยโดยไม่ต้องวิ่งผ่านเส้นชัยเพื่อถนอมเกียร์บ็อกซ์สำหรับใช้ต่อที่สนามเซี่ยงไฮ้และขณะนั้นอุณหภูมิเบรกก็สูงเข้าขั้นอันตราย การวนรถอีก 1 รอบกับการไม่ได้คะแนนเลยย่อมไม่คุ้มค่า แต่ "เซ็บ" ก็ขับผ่านป้ายพิตบอร์ดในรอบก่อนหน้านั้นที่บอกให้ออกจากการแข่งขันเข้าเส้นชัยไปจนได้ ถึงแม้เจ้าตัวจะอ้างว่าวิทยุใช้การไม่ได้ แต่ภาพจากสื่อทำให้เห็นว่าคำสั่งนั้นยังค้างอยู่บนพิตบอร์ด แถมตนเองยังสารภาพตอนหลังด้วยว่าการถนอมรถไว้นั้นก็ดี แต่อยากขับให้เห็นธงตราหมากรุกให้ได้มากกว่าท้ายที่สุด คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอสเร้ดบูลจึงต้องเรียกคุยกับนักขับของตนต่อการฝ่าฝืนคำสั่งทีมในสุดสัปดาห์นี้ที่สำนักงานในมิลตันคีนส์ส่วนเจ้าเซ็บไม่พอใจกับเซปังปีนี้ขนาดไหน ลองชมได้ทั้งภาพและเสียงค่ะ
เป็นอันว่าปีนี้ทั้งเร้ดบูลและเวทเทล แชมป์โลกปัจจุบัน จะได้เจอบททดสอบสุดหินแล้วหลังจากชนะลอยลำมาตลอด 2 ปีหลังสุดของฟอร์มูล่าวัน นอกจากการสูญเสีย "ของดี" ของตนเอง นั่นคือการห้ามใช้โบลว์นดิฟฟิวเซอร์ในปีนี้แล้ว คู่แข่งแม้กระทั่งทีมระดับกลางจากปีก่อนยังตีตื้นขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ ฤดูกาลนี้ไม่มีการเหมาชนะจากใครแน่นอนค่ะด้านคาร์ธิเคยัน หลังจบการแข่งขันเขาได้รับโทษขับผ่านหรือไดรฟ์ทรูจากกรณีก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับเวทเทลด้วยการถูกบวกเวลา 20 วินาทีกับเวลาการแข่งขันที่เขาทำได้ ส่งผลให้เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 22 จากเดิมอันดับที่ 21*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ nextgen-auto.comภาพจาก autosport.com/f1
เพราะเซบรู้ว่าปีนี้ทุกคะแนนมีความหมายมาก