แม็คลาเรนเองค่อนข้างแน่ใจตั้งแต่ตอนให้แฮมิลตันจอดรถกลางแทร็คว่าจะต้องได้รับโทษ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าโทษจะหนักถึงขั้นถอยไปไกลเป็นลำดับสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีหลายคนสงสัยว่าเรื่องเกิดขึ้นเฉพาะใน Q3 ทำไมจึงไม่ทำเพียงแค่ลบเวลาของแฮมิลตันใน Q3 ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้วทั้งนี้ ชาร์ลี ไวติ้ง ผู้อำนวยการการแข่งขันของเอฟไอเอกล่าวว่า "เราไม่มีทางเลือก หากมีการละเมิดกฎ มันหมายความถึงทั้งช่วง ไม่ใช่เพียงแค่ Q3 เพราะการควอลิฟายเริ่มตั้งแต่ Q1" โดยไวติ้งอธิบายเพิ่มเติมว่าหากแฮมิลตันสูญเสียเพียงแค่เวลาใน Q3 ซึ่งเป็นโทษขั้นเบาก็จะกลายเป็นตัวอย่างให้ทีมอื่นลองเสี่ยงวิ่งด้วยน้ำมันน้อยกว่าที่ควรเป็นใน Q3 บ้าง เพราะที่จริงแล้วเอฟไอเอจะสุ่มตรวจน้ำมัน 1 ลิตรจากทีมเพียง 1-2 ตัวอย่างหลังการควอลิฟายในแต่ละสนามเท่านั้น นอกจากนี้เขายังได้อ้างถึงรายการเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ปีที่แล้วเป็นตัวอย่าง ซึ่งเซบาสเตียน บูเอมี่ ของโตโร รอสโซ โดนปรับไปอยู่กริดสุดท้ายเช่นกันหลังตรวจพบความผิดปกติของน้ำมันหลังการควอลิฟาย โดยเพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าทีมใช้น้ำมันที่ไม่ถูกต้องตามกติกาใน Q1 หรือ Q2 การลงโทษจึงต้องเป็นการลบเวลาการควอลิฟายของเขาหมดทั้งช่วง*ข้อมูลจาก nextgen-auto.comภาพจาก dailymail.co.uk