ไขปัญหาเครื่องเรโนลต์พังที่บาเลนเซีย หลังจากเรโนลต์ส่งเครื่องยนต์จากรถเร้ดบูลของเซบาสเตียน เวทเทล และจากรถโลตัสของโรแมง โกรส์ฌอง ไปตรวจสอบหาสาเหตุจากการที่รถทั้งสองคันดับกะทันหันระหว่างที่เวทเทลนำการแข่งขันและโกรส์ฌองอยู่ในอันดับที่ 2 หลังเวทเทลออกจากการแข่งขันไม่กี่อึดใจในสนามบาเลนเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ได้คำตอบมาแล้วค่ะ ข้อสรุปเบื้องต้นจากการตรวจสอบปัญหาครั้งนี้คือไดชาร์จหรือตัวปั่นกระแสไฟฟ้า (alternator) ในรถทั้งสองคันเกิดความร้อนสูงเกินไปหรือ overheat เมื่อไดชาร์จไม่ทำงานแล้วจึงทำให้กระแสไฟถูกตัด เครื่องยนต์จึงดับลงทันที โดยรถของเวทเทลนั้นส่งสัญญาณของปัญหาตั้งแต่ก่อนที่เซฟตี้คาร์จะออกมานำการแข่งขัน แต่จากการที่ลดความเร็วลงในช่วงเซฟตี้คาร์ ทำให้ยืดอายุเครื่องยนต์ไปอีกเล็กน้อย ในขณะที่รถของโกรส์ฌองเกิดอาการทันทีหลังเซฟตี้คาร์เข้าพิตไปไม่กี่รอบโดยไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม เรโนลต์ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงต้นเหตุที่ทำให้ไดชาร์จมีความร้อนสูงเกินไป พวกเขายังต้องทำการทดสอบอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไปค่ะ ปัญหานี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกกับโลตัส ส่วนกับเร้ดบูลเป็นครั้งที่ 2 แล้วในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในการทดสอบฤดูหนาว แต่นั่นเป็นเพราะความตั้งใจที่ทางเรโนลต์เองที่อยากรู้ว่าเครื่องยนต์จะใช้งานเต็มที่ไปไกลแค่ไหน เมื่อเกิดปัญหาก็ทำให้เรโนลต์ระมัดระวังการตั้งค่าต่างๆ มากยิ่งขึ้น สำหรับแคเทอร์แฮมซึ่งเป็นอีกทีมหนึ่งที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์ก็ประสบปัญหาเดียวกันมาแล้วกับรถของวิทาลี เปตรอฟ ในการแข่งขันที่โมนาโค แต่ครั้งนั้นไดชาร์จตัวดังกล่าวใช้งานมาแล้วเกิน 4,000 กิโลเมตร และกำลังจะถึงกำหนดส่งไปบำรุงรักษา หลังจากวันนั้นเรโนลต์จึงลดระยะการส่งไดชาร์จกลับสู่โรงงาน หากถามว่าไดชาร์จของรถเร้ดบูลและโลตัสที่เสียกะทันหันเป็นเพราะหมดอายุการใช้งานหรือเปล่า? ที่จริงแล้วตัวที่นำมาลงสนามบาเลนเซียเป็นตัวใหม่แกะกล่องเลยค่ะ โดยผ่านการทดสอบขั้นต้นที่โรงงานของเรโนลต์ในเมืองวิรี่มาแล้วประมาณ 400 กิโลเมตร และยังผ่านรอบควอลิฟายมาเรียบร้อยโดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ทั้งสองตัวยังใช้งานได้ไม่ถึง 1,000 กิโลเมตรด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าเกิดปัญหาเฉพาะกับไดชาร์จที่ผลิตมาชุดนี้ สำหรับมาตรการในอนาคตของเรโนลต์ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวอีก พวกเขากล่าวว่ากำลังพิจารณาทางออกหลายๆ ทาง อย่างแรกคือในการแข่งขันสนามหน้าที่ซิลเวอร์สโตน ทีมที่ใช้เครื่องเรโนลต์ทุกทีมจะได้รับไดชาร์จชุดใหม่ทั้งหมดหรืออาจเป็นชุดเดิมที่มีการปรับเปลี่ยนแบบเล็กน้อย อีกทางเลือกหนึ่งคืออาจจะนำไดชาร์จเวอร์ชั่นปี 2011 มาใช้ แต่ต้องมีการปรับปรุงเรื่องทางเทคนิคและการระบายความร้อนรวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเรโนลต์กำลังพิจารณาเปรียบเทียบการแก้ไขปัญหารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงซิลเวอร์สโตนหลังการซ้อมวันศุกร์เพื่อดูว่าจะต้องวางมาตรการใดเพิ่มเติมอีกค่ะ *ข้อมูลจาก autosport.com/f1 ภาพจาก formel1.de   Create Date : 30 มิถุนายน 2555 10 comments Last Update : 30 มิถุนายน 2555 18:11:47 น. Counter : 2157 Pageviews. Share Tweet

ขอถามหน่อยครับ ใน 1 ซีซั่น แต่ละทีมใช้เครื่องยนต์ได้กี่เครื่องครับ แยกเป็น 2 คัน หรือรวมกัน มีการกำหนดขั้นต่ำไว้ที่กี่สนามครับ สมมติว่า เครื่องพัฒนามาใหม่ ทนมาก จะใช้สัก 5 สนามรวดได้มั้ย และในกรณีกลับกัน ถ้าใช้เครื่องไปจนหมดแล้ว ทำยังไง อดแข่งหรือลงแข่งได้แต่ต้องโดนปรับกริดทุกสนามที่เหลือ และกรณีที่เครื่องพังเพราะรถคว่ำหรือโดนชน ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ อย่างนี้ถูกนับหรือเปล่าครับ   โดย: Rotten IP: 49.48.109.166 30 มิถุนายน 2555 18:40:32 น.

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม   โดย: ตั้ว IP: 180.183.104.39 30 มิถุนายน 2555 19:32:51 น.

@ คุณ Rotten ใน 1 season แต่ละทีมจะใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เกิน 16 เครื่อง แบ่ง 8 เครื่องต่อนักขับในทีม ไม่มีการกำหนดว่าต้องใช้ขั้นต่ำกี่สนามขึ้นอยู่กับการวางแผนของทีม ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยมีทีมอยากใช้ติด ๆ กันหลายสนาม เพราะอัตราการสึกหรอของเครื่องยนต์คือสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก แต่ถ้านักขับคนใดใช้เครื่องเกิน 8 เครื่อง จะโดนทำโทษปรับกริดสตาร์ท 10 อันดับต่อเครื่อง และถ้าเครื่องพังเพราะอุบัติเหตุในสนามก็ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกใช้เช่นกันครับ   โดย: fascinator IP: 124.120.98.148 30 มิถุนายน 2555 19:45:59 น.

@คุณ Rotten ด้านล่างนี้เป็นบล็อกเก่าที่ จขบ. เคยแปลไว้ แม้จะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ปีที่แล้ว แต่ก็สามารถอ่านพอเป็นไอเดียได้ค่ะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=f1star&month=12-2011&date=13&group=1&gblog=520   โดย: finishline 30 มิถุนายน 2555 20:35:53 น.

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ขอถามต่ออีกนิดนะครับ 8 เครื่องต่อคนนี่บริหารยังไงก็ได้ใช่มั้ยครับ การเปลี่ยนอะไหล่ภายในของเครื่องนี่เปลี่ยนได้ขนาดไหนถึงจะไม่ถูกนับว่าเปลี่ยนเครื่อง แล้วเกียร์บ๊อกซ์ล่ะครับ กฎว่ายังไง เห็นปีนี้หลายคนโดนปรับกริดเพราะเปลี่ยนเกียร์บ๊อกซ์   โดย: Rotten IP: 49.48.109.166 30 มิถุนายน 2555 21:26:37 น.

เข้าใจว่า เปลี่ยนชิ้นส่วนอย่างใดอย่างหนึ่งในเครื่องจะถือว่าเปลี่ยนเครื่องนะครับ แต่จริง ๆ ปกติถ้าเปลี่ยนเค้าจะเปลี่ยนยกชุดไปเลย ส่วนเกียร์จำเป็นต้องใช้ให้ได้ 5 สนามติดต่อ 1 ชุด ใครที่เปลี่ยนชุดเกียร์ก่อนต้องแลกกับอันดับสตาร์ท 5 อันดับครับ   โดย: fascinator IP: 115.87.74.175 30 มิถุนายน 2555 22:14:02 น.

@คุณ Rotten ขอตอบเป็นข้อๆ แล้วกันนะคะ - เรื่องการบริหารเครื่องก็จะคล้ายๆ กับที่แปลในลิงค์ข้างบนน่ะค่ะ - เรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ภายในเครื่อง อันนี้ จขบ. ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ เพื่อนๆ คนไหนทราบตรงนี้รบกสนด้วยนะคะ - เรื่องเกียร์บ็อกซ์ นักขับจะต้องใช้ 5 สนามติดต่อกันค่ะ ที่โดนทำโทษโดยถูกปรับกริด 5 ตำแหน่งก็เพราะเปลี่ยนก่อนกำหนด แต่กฎมีแถมท้ายให้นิดหนึ่งว่าหากนักขับคนใดไม่จบการแข่งขันด้วยสาเหตุที่เหนือการควบคุมจากทั้งตัวนักขับเองและทีมงาน ในการแข่งขันสนามต่อไปก็อนุญาตให้เปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์ได้โดยไม่ถูกลงโทษค่ะ   โดย: finishline 30 มิถุนายน 2555 22:16:02 น.

ขอบคุณมากครับ เหนือการควบคุม บ่อยๆ เปลี่ยนบ่อยๆ ได้ป่ะครับ   โดย: ลุ่มน้ำตาปี IP: 118.173.213.135 1 กรกฎาคม 2555 9:27:54 น.

เอ...อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แหะๆ   โดย: finishline 1 กรกฎาคม 2555 19:35:59 น.

เท่าที่ทราบมาจากเพื่อนซึ่งเคยทำงานในทีมวิลเลี่ยม เขาบอกว่าเครื่องยนต์ทุกเครื่องที่มาจากเรโนลต์หรือผู้ผลิตรายอื่นๆเมื่อพังจะต้องส่งกลับผู้ผลิตอย่างเดียว ห้ามรื้อหรือoverhaulเองเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นความลับของทางผู้ผลิต ดังนั้นทางทีมแข่งเองจะไม่มีช่างทางด้านเครื่องยนต์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์จะเตรียมช่างทางด้านเครืองยนต์ให้แก่ทุกทีมที่ใช้ ทุกบริษัทฯทำเหมือนกันหมด ยกเว้นทีมแข่งที่เป็นของผู้ผลิตเองเช่นเฟอรารี่หรือเบนซ์ ในบางครั้งผู้ผลิตจะต้องส่งเครื่องใหม่มาให้ที่สนามเลยก็มี   โดย: ลำไพล47 IP: 125.24.240.156 3 กรกฎาคม 2555 15:10:37 น.