ไฮไลท์- พาสเตอร์ มัลโดนาโด ออกตัวจากตำแหน่งโพลจากการที่เจ้าของเดิม ลูอิส แฮมิลตัน ถูกปรับกริดไปอยู่อันดับสุดท้าย และเป็นไปตามคาดเมื่อเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ที่อยู่กริดข้างกันชิงเป็นหัวแถวได้ตั้งแต่โค้งแรก อลอนโซ่นำสบายในช่วงต้นก่อนที่มัลโดนาโดจะออกจากพิตครั้งที่ 2 มาเฉือนอยู่ข้างหน้านักขับเจ้าถิ่นได้ ส่วนหนึ่งเพราะอลอนโซ่ติดอยู่หลังรถของชาร์ลส์ พิค นานเกินไป จึงสูญเสียเวลาที่มีค่า ต่อมาความสนุกเกิดขึ้นในช่วงท้ายเมื่ออลอนโซ่ไล่จนติดท้ายมัลโดนาโด ห่างกันจนเหลือเพียงครึ่งวินาทีขณะที่ทั้งคู่ไม่ต้องเข้าพิตอีกแล้ว แต่นักขับวิลเลียมส์รักษาระยะและบังไลน์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่ออลอนโซ่เริ่มประสบปัญหากับยางใน 3 รอบสุดท้าย มัลโดนาโดจึงยืดระยะออกมาและเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้ในที่สุด นับเป็นชัยชนะครั้งแรกในชีวิตการเป็นนักขับฟอร์มูล่าวันของเขาหลังจากมีชั่วโมงบิน 24 สนาม และยังเป็นชัยชนะครั้งล่าสุดของทีมวิลเลียมส์นับตั้งแต่ปี 2004- ปัญหาเรื่องยางในช่วงท้ายของอลอนโซ่ค่อนข้างชัดเจน เพราะนอกจากไม่สามารถไล่เข้าใกล้รถคันข้างหน้าได้อีกแล้ว คิมี่ ไรค์โคเน่น ในรถโลตัสที่วิ่งตามหลังเขามายังทำความเร็วได้มากกว่ารอบละมากกว่า 1 วินาที แต่โชคดีที่รอบการแข่งขันหมดลงเสียก่อน ถึงอย่างไรแฟนๆ เจ้าบ้านก็ได้ดีใจกับผลงานที่ดีขึ้นทันตาของเฟอร์รารี่หลังการอัพเกรด ส่วนทีมโลตัส นอกจากไรค์โคเน่นได้ขึ้นโพเดียมเป็นสนามที่สองติดต่อกันแล้ว โรแมง โกรส์ฌอง ยังเข้าเส้นชัยมาห่างๆ ในอันดับที่ 4 ซึ่งทำให้คะแนนสะสมประเภททีมของโลตัสเป็นกอบเป็นกำกว่าใครในช่วงนี้- คามูอิ โคบายาชิ ขับด้วยความมั่นใจและมั่นคงในการไล่อันดับพร้อมทั้งโชว์จังหวะการแซงสวยๆ หลายครั้งในวันนี้จนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 5 แต่เซาเบอร์ต้องเสียดายกับรถอีกคันของเซอร์จิโอ เปเรซ ซึ่งออกจากกริดที่ 5 แต่หลุดแทร็คตั้งแต่ช่วงต้นหลังพยายามเบียดอันดับกับนักขับโลตัสหลังสตาร์ทออกมา และยังเกิดความไม่เรียบร้อยของทีมงานในพิต ทำให้เขาต้องจอดรถข้างแทร็คในช่วงกลางของการแข่งขัน- เร้ดบูลไม่ได้คำตอบจากรถของเซบาสเตียน เวทเทล ที่เสี่ยงไม่ทำเวลาใน Q3 เมื่อวานนี้เพื่อเก็บยางไว้ใช้ในการแข่งขัน เนื่องจากกลยุทธ์ต้องถูกขัดจังหวะจากการที่เขาต้องรับโทษแบบขับผ่านหลังละเลยธงเหลืองจากอุบัติเหตุระหว่างบรูโน่ เซนน่า กับมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ที่โค้ง 1 ซึ่งเกิดขึ้นข้างหน้าเขา เช่นเดียวกับเฟลิเป้ มาสซ่า ก็ได้รับโทษจากการฝ่าฝืนธงเหลืองเช่นกัน นอกจากนี้ในพิตสุดท้ายของเร้ดบูลทั้งสำหรับรถของเวทเทลและมาร์ก เว็บเบอร์ ยังมีการเปลี่ยนจมูกรถใหม่ ทั้งคู่จึงต้องเสียเวลามากขึ้นไปอีก แต่เวทเทลยังไล่ขึ้นมาได้อีก 3 อันดับในช่วงไม่ถึง 10 รอบสุดท้ายจนจบในอันดับที่ 6 ส่วนเว็บเบอร์ที่วันนี้วิ่งเรื่อยๆ ในกลุ่มกลางก็จบแบบไม่มีคะแนน- นิโค รอสเบิร์ก ในรถเมอร์เซเดสมีปัญหากับยางเช่นเคย แต่ยังทนกับการไล่ล่าอันดับของสองนักขับแม็คลาเรนได้จนกระทั่งผ่านเส้นชัย โดยลูอิส แฮมิลตัน ซึ่งโดนปรับจากตำแหน่งโพลไปสตาร์ทอันดับสุดท้ายด้วยสาเหตุรถน้ำมันหมดกลางทางหลังการควอลิฟายใช้กลยุทธ์เข้าพิตเพียง 2 ครั้งเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 8 นำหน้าเพื่อนร่วมทีม เจนสัน บัตตัน ที่ประสบปัญหากับความเร็วของรถตลอดการแข่งขันสรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 5ประเภทนักขับ1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 61 คะแนน2. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 61 คะแนน3. ลูอิส แฮมิลตัน (แม็คลาเรน) 53 คะแนน4. คิมี่ ไรค์โคเน่น (โลตัส) 49 คะแนน5. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล) 48 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2012/ ประเภททีม1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 109 คะแนน2. แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส 98 คะแนน3. โลตัส-เรโนลต์ 84 คะแนน4. เฟอร์รารี่ 63 คะแนน5. เมอร์เซเดส 43 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภททีมทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2012/ผ่านมาถึง 5 สนาม ผู้ชนะยังไม่ซ้ำเลย 5 คนจาก 5 ทีม แสดงให้เห็นว่าฤดูกาลนี้สูสีสุดๆ สนุกสนานเร้าใจมากเลยนะคะ ลุ้นต่อไปกับสนามสุดคลาสสิกแห่งปี โมนาโค กรังด์ปรีซ์ ติดตามได้ในวันที่ 24 และ 26-27 พฤษภาคมค่ะ*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ formula1.comภาพจาก formel1.de
ส่วนคิมี่...ขอบคุณนะที่มาตามนัด เสียอย่างเดียว ไม่พาน้องชายสุดเลิฟมาด้วย (น้องก็ตั้งหน้าตั้งตาแซงแล้วนะ แต่เสียดายมาไม่ถึง เฮ้อ - -')