สามคันแรกมากับ 3 กลยุทธ์เลยค่ะ เซบาสเตียน เวทเทล ได้แชมป์สนามนี้ในแบบที่หลายคนพูดว่าโชคช่วยอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากความผิดพลาดในการสื่อสารกันเองของพิตเร้ดบูลที่หยิบยางให้รถหมายเลข 1 ผิดจากที่จะต้องเป็นยางซูเปอร์ซอฟต์สีแดงกลับกลายเป็นยางซอฟต์สีเหลือง แถมเสียเวลากับการใส่ยางล้อหน้าไป 3-4 วินาที เมื่อเจนสัน บัตตัน ซึ่งเข้าพิตไปก่อนยังอยู่ข้างหน้าเมื่อเวทเทลออกจากพิต และยังทำเวลาทิ้งไปไกลมากกว่า 15 วินาที ทำให้เวทเทลเองเลือกที่จะเสี่ยงเข้าพิตครั้งเดียว นั่นเท่ากับว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นยางซอฟต์ของปิเรลลี่ทำงานถึง 56 รอบ โชคดีชั้นแรกของเวทเทลที่ไม่ถูกบัตตันทิ้งไปมากกว่านี้เพราะเฟลิเป้ มาสซ่า ชนรั้วเหล็กในอุโมงค์อันเป็นผลจากการสูญเสียความสมดุลของรถจากอุบัติเหตุกับลูอิส แฮมิลตัน ก่อนหน้านั้นที่โค้งแฮร์พิน ทำให้รถเซฟตี้คาร์ต้องออกมา โดยกรรมการได้ลงโทษแบบขับผ่าน (drive through penalty) ให้แฮมิลตันด้วย และบัตตันก็เข้าพิตไปอีกครั้งผลของการที่เวทเทลเลือกเข้าพิตครั้งเดียว เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ซึ่งสตาร์ทได้ดีและเลือกใช้การเข้าพิต 2 ครั้ง ก็ลดระยะห่างจากเวทเทลที่ยางเริ่มจะแย่อย่างรวดเร็ว ส่วนบัตตันเลือกใช้กลยุทธ์ 3 พิตในท้ายที่สุด จึงต้องทิ้งอันดับที่ 2 ไป แต่แน่นอนว่าบัตตันยิ่งมียางที่ดีกว่าใครในสามคนนี้ ไม่นานบัตตันก็เข้ามารวมกับสองคันแรก ไล่กันสนุกจนแฟนๆ แทบลืมหายใจในช่วงสุดท้ายโชคดีมาหาเวทเทลอีกครั้งเมื่อเกิดธงแดงขณะเหลือการแข่งขันอีก 6 รอบ เนื่องจากอุบัติเหตุของรถกลุ่มใหญ่ที่กำลังขับเคี่ยวแย่งชิงอันดับกันอยู่ ซึ่งอยู่หน้ากลุ่มของเวทเทล อลอนโซ่ และบัตตัน ที่กำลังจะน็อกรอบอีกด้วย กลุ่มที่ว่านี้ประกอบด้วยอาเดรียน ซูทิล ที่หลุดไปชนรั้วด้านขวาที่โค้งสวิมมิ่งพูลจากการที่โดนพาสเตอร์ มัลโดนาโด กดดัน ในขณะเดียวกันเฮมี่ อัลเกอร์ชัวรี่ หลุดปีนเคิร์บตรงนั้นเช่นกัน เป็นผลให้รถของเขาไปชนท้ายแฮมิลตันที่เพิ่งแซงมัลโดนาโดไป และสุดท้ายเป็นวิทาลี เปตรอฟ ของเรโนลต์ที่โดนลูกหลงไปปะทะรั้วด้านซ้ายต่อท้ายอัลเกอร์ชัวรี่ เขาต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุกลุ่มนี้ ซึ่งภายหลังจากการตรวจร่างกายไม่พบอาการรุนแรงใดๆ มากกว่าการเจ็บขาและข้อเท้า ธงแดงที่เกิดขึ้นส่งผลให้รถต้องสตาร์ทกันใหม่ภายใต้เซฟตี้คาร์ และกรรมการอนุญาตให้ทุกทีมเปลี่ยนยางได้ จึงเป็นโอกาสดีของเวทเทล และ 6 รอบสุดท้ายก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวลอีกต่อไป อย่างไรก็ตามหลังการสตาร์ทยังมีอุบัติเหตุส่งท้ายระหว่างแฮมิลตันกับมัลโดนาโดที่โค้งแซงต์ ดีโว้ต ซึ่งเป็นสาเหตุของการที่แฮมิลตันต้องถูกบวกเพิ่ม 20 วินาทีกับเวลาที่ทำได้ แต่เขาก็ยังอยู่ในอันดับที่ 6 ตามที่จบในการแข่งขันอีกคันของเร้ดบูลจบในอันดับที่ 4 แชมป์เก่าของสนามนี้ มาร์ก เว็บเบอร์ ออกตัวไม่ค่อยดี แถมพิตของเร้ดบูลเองก็เกิดความผิดพลาดซ้ำสองจนทำให้เว็บเบอร์เสียอันดับไปหลายที่ ยังดีที่ตอนสุดท้ายยังแซงคามูอิ โคบายาชิ มาได้ แต่นักขับญี่ปุ่นก็สมควรได้รับคำชมเชยค่ะ พารถเซาเบอร์ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 นับเป็นอันดับจบที่ดีที่สุดของเขาในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ที่จริงจังหวะแซงของเขาที่ผ่านอาเดรียน ซูทิล ก่อนหน้านั้น กรรมการก็จับตามองอยู่แต่ก็ไม่ได้มีการลงโทษเพิ่มเติมอย่างใด สำหรับคันที่ไม่จบการแข่งขัน นอกจากเปตรอฟ อัลเกอร์ชัวรี่ และมาสซ่า แล้ว ในช่วงที่มีเซฟตี้คาร์ออกจากอุบัติเหตุของมาสซ่า รถเมอร์เซเดสของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ หยุดอยู่กลางแทร็คก่อนถึงปากทางเข้าพิตเพียงนิดเดียว ต้องออกจากการแข่งขันเช่นเดียวกับทิโม กล็อค ซึ่งรถไปกระแทกกำแพง และเซอร์จิโอ เปเรซ ไม่ได้ร่วมการแข่งขันเนื่องจากยังพักรักษาตัวจากอุบัติเหตุในวันเสาร์สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 6ประเภทนักขับ1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 143 คะแนน2. ลูอิส แฮมิลตัน (แม็คลาเรน) 85 คะแนน3. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล) 79 คะแนน4. เจนสัน บัตตัน (แม็คลาเรน) 76 คะแนน5. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 69 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2011/ประเภททีม1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 222 คะแนน2. แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส 161 คะแนน3. เฟอร์รารี่ 93 คะแนน4. เรโนลต์ 50 คะแนน5. เมอร์เซเดส 40 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภททีมทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2011/มองคนละมุมเซบาสเตียน เวทเทล: ผมรู้ว่าที่นี่แซงยาก แล้วใครจะกล้าใส่เต็มๆ ตลอด 20-30 รอบก่อนถึงเส้นชัย ผมจึงพยายามถนอมยางและตั้งสมาธิกับจุดที่สำคัญๆ ในสนาม แม้จะไม่มีการรีสตาร์ทและได้เปลี่ยนยาง ผมก็คิดว่าจะทำสำเร็จเฟอร์นันโด อลอนโซ่: ผมพร้อมที่จะต่อสู้ในรอบท้ายๆ ผมไม่มีอะไรจะเสีย ผมไม่ใช่คนนำในคะแนนสะสม เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามจะชนะให้ได้ ถ้าต้องชนก็ชนเจนสัน บัตตัน: ผมคิดว่าผมมีโอกาสที่จะชนะมาก ไม่ใช่เพราะการแซง แต่คิดว่าจากการต่อสู้กันของ 2 คนข้างหน้า เพราะเหมือนพวกเขาจะต้องจบลงตรงข้างทาง*********************************สนามหน้าไปกันที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดานะคะ เป็นสนามที่เร้ดบูลไม่แข็งแรงพอที่จะสู้แม็คลาเรนและเฟอร์รารี่ในปีที่แล้ว มาติดตามดูซิว่าปีนี้เร้ดบูลจะพัฒนารถในทางตรงยาวๆ ได้มากขึ้นขนาดไหน พบกันวันที่ 10-12 มิถุนายนค่ะ*ข้อมูลจาก formula1.com และ autosport.com/f1ภาพจาก autosport.com/f1
แต่แมคก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตอนพิทของแฮม ฮ่าๆๆๆ วิ่งออกมาแทบไม่ทัน ^^' ไม่รู้ว่ามันสื่อสารกันพลาดตอนไหน
ที่ผมงงนะ คือช่วง re-start เซ็บกับโซ่มันวิ่งด้วย super soft ส่วนเจ้าปุ่มใช้ขอบเหลือง ...เหลือเชื่อนะ ไล่บดกันได้สบายเลย จริงๆสองคันแรกควรจะหนีได้ไกลกว่านี้ (แต่ก็นะ ยางใหม่ทั้งหมด) เทียบกับตอนต้น Race โห..บัทตันเปลี่ยน SS ลงไปวิ่ง ห่างออกไปรอบละวิกว่าๆเลย
ส่วน SC รอบนั้นน่ะ ก็ดีแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ ส่วนตัวนั่งดูก็คิดว่ามันสอยกันแน่ ...จริงๆเดาถูกตั้งแต่ตอนแฮมมันไล่แซงมาสซ่าแล้วล่ะ มันบู๊จริงๆ
ว่าไปก็ดีใจแทนไอ้เซ็บมัน ชนะสนามที่คู่ควรกับแชมป์โลก แถมยังเป็นการชนะแบบเบียดๆด้วย เรื่องโชคเป็นเรื่องปกตินะ แต่ก็อย่าลืมว่ายางของโซ่กับเจนสันที่เปลี่ยนเยอะกว่ามันสดกว่าเซ็บมันเยอะ คุณค่าที่คุณคู่ควร ฮ่าๆๆ
ปล. เสียดายรถกระทิงแดงอีกคัน ถ้าพิทไม่เน่าขนาดนั้น อาจจะพอมีลุ้นที่ 3 หน่อย