ไฮไลท์- เซบาสเตียน เวทเทล ขึ้นนำการแข่งขันในสไตล์ของเขาด้วยการยืดระยะจากลูอิส แฮมิลตัน อันดับที่ 2 ออกไปอย่างรวดเร็วเฉลี่ยรอบละเกือบ 1 วินาที และแฮมิลตันก็ค่อยๆ ช้าลงจนโรแมง โกรส์ฌอง ขยับเข้าใกล้จนแซงได้สำเร็จในรอบที่ 10 หลังผ่านการแข่งขันไปเกือบครึ่งทาง เวทเทลนำโกรส์ฌองสบายๆ ด้วยระยะห่างถึง 20 วินาที- ต่อมาในรอบที่ 27 เกิดอุบัติเหตุกระแทกกันระหว่างฌอง-เอริก แวนญ์ ของโตโร รอสโซ กับเฮกกิ โควาไลเน่น ของแคเทอร์แฮม ทำให้มีเศษชิ้นส่วนของรถและยางกระจายอยู่เต็มแทร็ค เซฟตี้คาร์จึงต้องออกมานำขณะที่เจ้าหน้าที่สนามเร่งเก็บกวาด- หลังเข้าสู่การแข่งขันตามปกติอีกครั้ง ทุกอย่างที่ดูราบเรียบในตอนแรกกลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงเวทเทลต้องสูญเสียเวลาที่นำมาถึง 20 วินาทีไป แต่เครื่องยนต์ในรถเร้ดบูลของเขาก็ดับไปเฉยๆ ในรอบที่ 34 จากโอกาสที่จะได้ 25 คะแนนจึงกลายเป็นศูนย์สำหรับเขาในวันนี้ และคนที่ได้รับส้มผลใหญ่ไปเต็มๆ คือเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ที่ถึงแม้จะทำให้แฟนๆ กังวลจากการต้องสตาร์ทจากอันดับที่ 11 แต่ด้วยฝีมือการขับและการวางกลยุทธ์ของทีมเฟอร์รารี่ ทำให้เขาค่อยๆ ไล่อันดับขึ้นมา โดยเฉพาะหลังการเข้าพิตในช่วงเซฟตี้คาร์ซึ่งแฮมิลตันประสบกับความล่าช้าในพิตของตนอีกครั้ง คราวนี้เป็นการใส่ล้อหน้าขวาไม่เข้าหลังแม่แรงหน้ายกไม่ขึ้น อลอนโซ่ซึ่งเข้าพิตรอบเดียวกันจึงแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 3 และต่อมาไม่นานก็แซงโกรส์ฌองได้ เมื่อเขาเป็นผู้นำแล้วก็ไม่มีอะไรหยุดความแรงของเขาได้อีกต่อไป ชัยชนะครั้งที่ 2 ของเขาในปีนี้จึงอยู่ในความควบคุมจนกระทั่งจบการแข่งขัน- อย่างไรก็ตาม โกรส์ฌองไม่ยอมแพ้แม้ถูกอลอนโซ่แซงนิ่มๆ ยังไล่ตามรถเฟอร์รารี่อย่างไม่ลดละ แต่ความพยายามของเขาต้องจบลงในรอบที่ 41 เมื่ออยู่ๆ รถของเขาก็ดับกลางอากาศ อาการคล้ายกับรถของเวทเทล เป็นตัวเก็งของสนามนี้อีกคนที่ต้องออกจากการแข่งขัน และแฮมิลตันก็ได้กลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 อีกครั้ง โดยคิมี่ ไรค์โคเน่น เร่งไล่รถเมอร์เซเดสเข้ามา แล้วยังมีพาสเตอร์ มัลโดนาโด ซึ่งสตาร์ทไม่ดีในช่วงเริ่มการแข่งขันตามมาในระยะไม่ไกลนัก - ในขณะเดียวกันทางด้านหลัง เมื่อฟอร์ซอินเดียทั้งสองคันซึ่งความเร็วรถดีตลอดแต่เริ่มมีปัญหากับยาง ทำให้มิชาเอล ชูมัคเกอร์ และมาร์ก เว็บเบอร์ ที่กำลังไล่ตามกันมาแซงขึ้นไปในตอนท้ายของการแข่งขันได้ในอันดับที่ 5 และ 6 ตามลำดับ - การแข่งขันทำท่าจะจบไปตามอันดับนั้น แต่ความพลิกผันของสนามนี้ยังไม่สิ้นสุด ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 3 รอบ รถของแฮมิลตันเริ่มแสดงอาการยางสึกให้เห็น ซึ่งหลังจากไรค์โคเน่นลองขยับแซงมาก่อนหน้านี้ ในที่สุดนักขับโลตัสก็แซงเอาอันดับที่ 2 ไปได้สำเร็จ ต่อมาแฮมิลตันช้าลงจนมัลโดนาโดมาทันและพยายามแซงเพื่ออันดับสุดท้ายบนโพเดียม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นรถเมอร์เซเดสถูกงัดลอยไปกระแทกกำแพง รถเสียหายไปทั้งแถบขวา ส่วนรถวิลเลียมส์ซึ่งส่วนหน้าเสียหายแต่ยังประคองไปต่อจนเข้าเส้นชัยได้ในอันดับที่ 10 และผลจากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ชูมัคเกอร์จบบนโพเดียมครั้งแรกนับตั้งแต่เขากลับมาแข่งขันมาในปี 2010 อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีรายงานว่าเขาต้องรอกรรมการสอบสวนจากกรณีใช้ DRS ระหว่างมีธงเหลืองโบกในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 8ประเภทนักขับ1. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 111 คะแนน2. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล) 91 คะแนน3. ลูอิส แฮมิลตัน (แม็คลาเรน) 88 คะแนน 4. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 85 คะแนน5. นิโค รอสเบิร์ก (เมอร์เซเดส) 75 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2012/ประเภททีม1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 176 คะแนน2. แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส 137 คะแนน3. โลตัส-เรโนลต์ 126 คะแนน4. เฟอร์รารี่ 122 คะแนน5. เมอร์เซเดส 92 คะแนน- อันดับคะแนนสะสมประเภททีมทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2012/สนามนี้ดราม่าของแท้เลยนะคะ และตอนนี้อลอนโซ่ได้เปรียบอย่างยิ่งกับการเก็บคะแนนได้เต็มๆ ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญล้มเหลวทั้งหมด การแข่งขันสนามต่อไปจะเป็นอย่างไร ลุ้นกันได้ในรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ วันที่ 6-8 กรกฎาคมค่ะ*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ formula1.comภาพจาก formel1.de