(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
ความไม่มีโชคของผู้ชนะ
ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2012 เป็นต้นมา ยังไม่มีนักขับคนใดสามารถชนะ 2 สนามติดต่อกัน ซ้ำร้ายกว่านั้น มีถึง 6 ครั้งด้วยกันที่ผู้ชนะในสนามก่อนจะต้องออกจากการแข่งขันในสนามถัดไป
เหยื่อความไม่มีโชครายล่าสุดก็คือลูอิส แฮมิลตัน อย่างที่เราเห็นกันแล้วนั่นเอง และสำหรับเขานั่นยิ่งน่าแปลกเมื่อชัยชนะ 4 ครั้งหลังสุดของเขาจะต้องตามมาด้วยการออกจากการแข่งขันในสนามต่อไปเสมอ เมื่อปลายปีที่แล้วเขาต้องออกจากการแข่งขันที่บราซิลเพราะเกียร์บ็อกซ์พังหลังได้ชัยชนะที่อาบูดาบี พอเข้าปีนี้ ชัยชนะแรกของเขาที่แคนาดาตามมาด้วยอุบัติเหตุที่บาเลนเซีย ต่อมาชนะที่ฮังการีได้ก็ต้องแลกด้วยอุบัติเหตุโค้งแรกในสนามถัดไปที่สปา และล่าสุดหลังจากชนะที่มอนซ่า เขาก็มาเกียร์บ็อกซ์พังที่สิงคโปร์
สำหรับตารางด้านล่างนี้เป็นข้อมูลสรุปผลงานของผู้ชนะและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในสนามถัดไปค่ะ
(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
เรามาดูสถิติอื่นๆ ที่น่าสนใจกันต่อนะคะ
รอบควอลิฟาย
- ตำแหน่งโพลครั้งที่ 24 ของลูอิส แฮมิลตัน เมื่อวันเสาร์ ทำให้เขาทำสถิติเป็นนักขับที่ได้จำนวนโพลมากที่สุดอันดับที่ 10 เทียบเท่าเนลสัน ปิเกต์ แชมป์โลกสามสมัยชาวบราซิล นี่ยังเป็นโพลที่ 153 ของแม็คลาเรนอีกด้วย หรือนับเป็น 40 ปีให้หลังจากโพลครั้งแรกของทีม ซึ่งปีเตอร์ เรฟสัน เป็นผู้ทำได้ในรายการแคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ ปี 1972 ที่มอสปอร์ต
- โพลครั้งนี้ของแฮมิลตันนับเป็นโพลครั้งที่ 4 ติดต่อกันของแม็คลาเรน ซึ่งพวกเขายังไม่เคยทำได้เช่นนี้นับตั้งแต่ปี 1999 ที่มิก้า ฮัคคิเน่น ได้โพล 6 ครั้งรวดจากอังกฤษถึงอิตาลี และนี่ยังเป็นโพลที่ 210 ของนักขับสหราชอาณาจักร โดยเป็นสถิติสูงสุด นำห่างอันดับที่ 2 จากผลงานของนักขับบราซิลที่ทำตำแหน่งโพลรวมอยู่ที่ 125 ครั้ง
- ตรงกันข้ามกับเร้ดบูล นับตั้งแต่ทีมได้โพลครั้งแรกในรายการไชนีส กรังด์ปรีซ์ ปี 2009 นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่สามารถคว้ากริดที่ 1 ในวันอาทิตย์มา 4 สนามติดต่อกันแล้วในขณะนี้
- ตำแหน่งโพล 4 ครั้งหลังสุดเป็นของนักขับอังกฤษทั้งหมด ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากปี 1995 เมื่อเดมอน ฮิลล์ ได้ตำแหน่งหัวแถว 4 สนามติดต่อกันตั้งแต่ฝรั่งเศสถึงอิตาลี และต่อมาในปีเดียวกัน เดวิด คูลธาร์ด ก็คว้าโพล 4 สนามรวดอีกครั้งจากรายการอิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ถึงแปซิฟิก กรังด์ปรีซ์ โดยทั้งคู่เป็นนักขับของวิลเลียมส์
- เป็นอีกครั้งที่เซบาสเตียน เวทเทล ควอลิฟายหลุดจากแถวหน้าเป็นสนามที่ 4 ติดต่อกัน โดยสนามนี้เขาสตาร์ทจากกริดที่ 3 ครั้งสุดท้ายที่เขาเว้นว่างจากการออกตัวจากแถวหน้ายาวนานคล้ายกันนี้ คือช่วงสิงคโปร์ 2008 ถึงมาเลเซีย 2009 รวม 6 สนามติดต่อกัน
การแข่งขัน
- เซบาสเตียน เวทเทล ได้ชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งนับตั้งแต่เขาได้ชัยชนะครั้งแรกในฟอร์มูล่าวันที่มอนซ่า 2008 นี่เป็นช่วงที่เขาไม่ชนะยาวนานที่สุด ชัยชนะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 23 ของเขา เทียบเท่ากับสถิตินักขับที่ได้จำนวนชัยชนะมากที่สุดอันดับที่ 10 ของเนลสัน ปิเกต์
- ชัยชนะของเวทเทลเมื่อวันอาทิตย์เป็นเพียงครั้งที่ 2 ของเขาเท่านั้นที่ชนะจากกริดอื่นที่ไม่ใช่แถวหน้า ก่อนหน้านี้เขาชนะในมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ปี 2010 จากกริดที่ 3 เช่นกัน
- โพเดียมอันดับที่ 2 ของเจนสัน บัตตัน เป็นโพเดียมที่ 48 ของเขาในฟอร์มูล่าวัน ทำให้มีสถิตินักขับที่มีจำนวนโพเดียมมากที่สุดอันดับที่ 12 เท่ากับลูอิส แฮมิลตัน เพื่อนร่วมทีม และแกร์ฮาร์ด แบร์เกอร์
- พอล ดิ เรสต้า จบการแข่งขันอันดับที่ 4 จากการสตาร์ทในกริดที่ 6 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาในฟอร์มูล่าวันจนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ผลงานที่ดีที่สุดของเขาคือการจบในอันดับที่ 6 ในสนามนี้เมื่อปีที่แล้วและอีกครั้งที่บาห์เรนเมื่อต้นปี
- นิโค ฮูลเคนเบิร์ก ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในการแข่งขันฟอร์มูล่าวันได้เป็นครั้งแรก และนับเป็นการทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดครั้งที่ 2 ของฟอร์ซอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้อาเดรียน ซูทิล ทำได้ในมอนซ่า 2009 สำหรับฤดูกาลนี้นับจนถึงปัจจุบัน มีนักขับหมุนเวียนเปลี่ยนกันทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดไปแล้ว 10 คนจาก 7 ทีม แต่ยังไม่มีผลงานจากนักขับเฟอร์รารี่
- แดเนียล ริกเคียร์โด้ จบการแข่งขันอันดับที่ 9 เท่ากับผลงานที่ดีที่สุดของเขาในฟอร์มูล่าวันขณะนี้หลังจากการแข่งขันในเบลเยียมและออสเตรเลีย และเป็นเพียงครั้งที่ 2 ของโตโร รอสโซ ที่เก็บแต้มจากสนามนี้ได้หลังจากเวทเทลได้อันดับที่ 5 ในปี 2008
- มาร์ก เว็บเบอร์ ไม่สามารถจบการแข่งขันในท็อป 4 ในสตรีทเซอร์กิตเป็นครั้งแรกนับจากโมนาโค กรังด์ปรีซ์ ปี 2010 และครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่นักขับออสซี่ไม่ได้คะแนนจากการแข่งขัน 2 สนามติดต่อกันนับตั้งแต่เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ ปี 2009
- ทิโม กล็อค จบการแข่งขันในอันดับที่ 12 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในปี 2010 (ในชื่อเดิมเวอร์จิ้น) ก่อนหน้านี้ผลงานที่ดีที่สุดของทีมคืออันดับที่ 14 ซึ่งทำได้มาแล้ว 6 ครั้งด้วยกัน
- มิชาเอล ชูมัคเกอร์ มาสิงคโปร์นับตั้งแต่ปี 2010 และควอลิฟายในท็อป 10 ได้ทุกครั้ง แต่เขาก็ต้องออกจากการแข่งขันจากอุบัติเหตุชนกับรถคันอื่นทุกครั้งเช่นกัน
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1
ภาพจาก autosport.com/f1 และ formel1.de
Create Date : 26 กันยายน 2555 |
Last Update : 26 กันยายน 2555 21:25:05 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2014 Pageviews. |
|