สวัสดีค่ะ หายหวัดยังค่ะ แจ๋วหายแล้วค่ะ อาทิตย์ที่แล้วโดนเล่นงานเกือบแย่

วันนี้เห็นยังไม่มีใครเข้ามาก็เลยทักทายกันหน่อย (อันที่จริงตามอ่านบ้านนี้ทุกวันอยู่แล้วจ้า)

เกาหลี เขาก็มีสนามแข่ง F1 แล้ว ปีหน้า แว่วมา จะมีที่อินเดีย อีก ก็ได้แต่ภาวนาให้บ้านเราได้มีกับเขาบ้าง

ตามข่าว อยู่ค่ะ ที่ว่าทีมRedBull จะพานักขับมาไทย ในช่วงก่อนไปซึซึกะ ถ้าพาทีมงานมา Running Showcar ด้วยก็ดีนะสิน่ะ อยากเห็นจัง

เจอแต่ลิงค์นี้นะค่ะ ถ้าซ้ำขออภัยนะค่ะ
//www.fwdder.com/out.php?d=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FSport%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9530000118924

มีอีกหลายสนามครับที่รอต่อคิวเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน F1 ไม่ว่าจะเป็น ที่ Rome - Italy (จำไม่ได้ว่าได้สิทธิ์ในการจัดไปหรือยัง) , Middle East - Russia หรือแม้กระทั่ง India และ ณ วันนี้ก็มีการยืนยันแล้วว่าจะมีการกลับไปแข่งขันบนแผ่นดินอเมริกาอีกครั้งที่เมือง Austin (จำปีไม่ได้แต่น่าจะประมาณ 2014) ซึ่งแน่นอนครับ 20 สนามต่อ 1 ฤดูกาลคือเป้าหมายของ Mr. E ฉะนั้นเมื่อมีสนามแข่งใหม่เข้าก็ต้องมีสนามแข่งเก่าออก ที่แว่ว ๆ มาว่าจะหลุดจากปฏิทินการแข่งก็เห็นจะมี Monaco , Spafrancorshamps - Belgium , Turkey

สงสัย สนามบ้านเราอีกซัก 20 ปี น่าจะมีได้

แต่ช่วงนี้เมืองไทย พยายามดันวงการมอเตอร์สปอตให้ดีขึ้น นักแข่งดีดี มีหลายคน แต่ต้องมีเงินทุนสูงมากๆๆ ในการพัฒนาฝีมือตนเอง ไม่มีเงินทุนก็อดไปครับ วงการนี้ของเมืองไทย

ขอบคุณค่ะคุณ creepangel เราเพิ่งเริ่มต้นค่ะ แบบว่าไข้ขึ้น ปวดหัว แต่เราน่ะโชคร้ายกว่าคนอื่นตรงที่แพ้ยาพารา อิอิ (มีใครเป็นอย่างเรามั้ยเนี่ย?)

ขอบคุณสำหรับลิงค์ด้วยค่ะ เพื่อนสาว (คนที่ลากไปมาเลย์ด้วย) อ่านให้ฟังวันก่อน แต่เอ๊...ถ้าไม่ได้แชมป์เนี่ยจะไม่พามาเหรอ ไม่ยอมๆๆๆๆ

คุณ fascinator คะ เขาจะถอดสปาออกจริงๆ เหรอ อันนี้ก็ไม่ยอมนะ เรารักสปามากๆ เลย ถ้าไม่ได้เห็นกันอีกคงคิดถึงแย่ แต่อิสตันบูลพาร์คน่ะช่างเถอะค่ะ เพราะถามคนตุรกีเขาบอกว่าที่นั่นไม่นิยมมอเตอร์สปอร์ตจริงๆ (แล้วสร้างมาทำไมเนี่ย?)

มีความเป็นไปได้ครับสำหรับ Spa ด้วยเหตุผลในเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากเป็นสนามเก่าแก่ Run-off Area มีน้อย ถ้าถูกถอดออกก็น่าเสียดายครับเพราะผมคิดว่าเป็นสนามที่สนุกที่สุดสนามหนึ่งเลยทีเดียว เป็นสนามที่มีครบทุกคอร์สตั้งแต่โค้งความเร็วต่ำ-กลาง-สูง ชิเคน ทางตรงยาว ขึ้นเขา ลงห้วย (ล้อเล่นอันนี้ไม่มีครับ) สภาพอากาศบริเวณสนามก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทำให้คาดเดาผลการแข่งได้ยากครับที่นี่

ที่ Monaco ที่เป็นเหตุผลด้านการเงินครับ พูดตรง ๆ คือ Mr. E แกอยากให้ Monaco จ่ายเพิ่มอีกนิด = =

ส่วนที่ Turkey ก็เรื่องความนิยมตามเจ้าของบล็อกครับ

สนามที่น่าจะปลอดภัยไปอีกนานก็มี Hungary ที่ต่อสัญญาถึง 2015 กับ Brazil สัญญาถึง 2016 ครับ

สนามในเมืองไทยผมต่อให้อีก 40 ปีเลยเอ้า ยังไงก็ไม่มีสนามที่ได้มาตรฐาน FIA หรอกครับ บ้านเราไม่เน้น circuit ครับ เน้น drag มันเป็นค่านิยมมาแต่ชาติปางไหนก็ไม่อาจทราบได้ว่า รถที่ดีจะต้องเครื่องแรง เครื่องฉันแรงแปลว่าฉันแน่ ที่สำคัญผู้สนับสนุนด้านนี้ไม่มีเลย สปอนเซอร์หายากยิ่งกว่างมอะมีบาในมหาสมุทรซะอีก

สุดท้าย จังหวะแซงของ Vettel ที่จะแซง Button ผมได้ดูละครับ Vettel กะว่าจะสลับจากไลน์นอกเข้าไลน์ในแต่ Button ปิดไลน์ในไว้มิดกว่าที่คิดไว้เลยต้องดึงออกไลน์นอกอีกครั้งตรงจุดเบรกพอดี รถเซบเลยออกอาการอย่างที่เห็นน่ะแหละครับ และครั้งนี้เซบได้เรียนรู้เพิ่มแล้วว่าบางอย่างที่คาดมันอาจจะไม่เป็นไปตามที่คิด

ขอให้คุณ finishline หายป่วยไวๆนะคะ
เราก็ไม่อยากให้ยกเลิกสนามสปาเหมือนกันอะ แงงงงง

เข้ามาอ่าน อิอิ


ที่ทำงาน(ใหม่) อ่านบลอกแกงซ์ไม่ได้ อดเข้ามาอู้งานเลย แง่มๆ เครื่องเจ๊งอีกต่างหาก อ๊ากกกกกก

ขอบคุณค่ะ คุณ Gigg ตอนนี้ไข้กำลังพีคค่ะ กินฟ้าทะลายโจรไข้ก็ไม่ยอมลงเท่าไหร่ แต่ใจน่ะสู้ๆ อยู่แล้ว

อืมมม เรื่องเจ้าเซ็บ สงสัยอยู่อย่างหนึ่งค่ะคุณ fascinator ว่าจังหวะนั้นบัตตันแอบเบรกเร็วนิดหนึ่งด้วยรึป่าว น้องถึงต้องหักหนีแบบกระชั้นชิด แต่ที่แน่ๆ เจ้าตัวเขาก็ยอมรับแบบแมนๆ ว่ามันเป็น "my stupid mistake" เรียกว่าน้องได้บทเรียนหลายอย่างเลยค่ะปีนี้

คุณ runtaro อย่างนี้เลยต้องตามอ่านตอนกลางคืนแทนซิคะเนี่ย อิอิ

ผมคิดว่า Button ไม่ได้เบรกเร็วขึ้นแต่อย่างใดนะครับ แต่น่าจะเป็น Engine Power down เพราะเป็นจังหวะที่ Button หักดึงเข้าขวาปิดไลน์ในตรงช่วงโค้งขวานิด ๆ กำลังเครื่องยนต์มีสิทธิ์ที่จะตกลงในช่วงนั้นได้ทำให้รู้สึกเหมือน Button เบรกเร็วขึ้น เซบที่อยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวาของ Button ถึงต้องดึงซ้ายอย่างเร็วทำให้รถเสียอาการอย่างที่เห็นครับ อย่าลืมว่าด้านหลังของรถคันหน้าจะเป็นจุดที่รถคันหน้าบังลมทำให้รถคันหลังไม่มีแรงกดก็ยิ่งจะทำให้รถเสียอาการได้ง่ายขึ้นถ้าหักหลบแรงกว่าปกติ แถมพื้นสนามก็ไม่ใช่จะเป็นใจมากนักในช่วงนั้น

FIA เค้ามีข้อมูลหมดครับ เค้าแค่ขอ data logger ของรถ Button จากทีม McLaren ก็จะรู้แล้วว่าตอนนั้นการกดคันเร่งของ Button เป็นอย่างไร แถมปีนี้รถแต่ละคันติดอภิมหา Ultra Sensor ที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่รอบตัวรถในระยะ 1 เมตรได้อย่างแม่นยำ ในกรณีเกิดการชนกันมันสามารถบอกได้เลยว่าวินาทีที่เท่าไหร่ใครขยับเข้าหาใครในระยะทางเท่าไหร่ด้วยความเร็วเท่าไหร่

เมเนเจอร์มาชิ่งก่อนละครับ แว๊บบบบบ~

ขอบคุณมากค่ะคุณ fascinator อธิบายได้ละเอียดจนเห็นภาพเลยค่ะเนี่ย...

เรายกให้คุณ fascinator เป็น expert ประจำบล็อกเราได้มั้ยคะ แบบว่าเป็นเหมือนลุง steve slater ใน star sport อิอิ

แต่ผมไม่ผมบางเหมือนตาลุง steve นะครับ อิอิอิ

555

โอเชค่ะ

อ้าว คุณ fascinator ผมเหมือนลุงสตีฟเหรอ อิอิ

อ๋อ entry ของวันนี้ post ไม่ได้นี่เอง ถึงมีแต่คนอ่านอย่างเดียว