แบตเตอรี่ของ KERS อายุยืนแซงหน้าเครื่องยนต์ไปแล้วตอนที่ KERS เข้ามาใหม่ๆ ในปี 2009 บรรดาทีมก็ยังลองผิดลองถูกกันอยู่โดยไม่รู้ว่าจะจัดการกับแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บพลังงานนี้อย่างไรดี ถึงขั้นพูดกันว่าใช้แล้วทิ้งเสียทุกสนาม สร้างความเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง แต่นับจากปีนั้นถึงปีนี้ แบตเตอรี่ของ KERS ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่นปีนี้ทนกว่าเครื่องยนต์ถึง 5 เท่าหรือสามารถใช้ได้มากกว่า 10,000 กิโลเมตร และน้ำหนักก็เบาลงจนตอนนี้เหลือประมาณ 24 กิโลกรัม ภายใต้เซฟตี้คาร์ เครื่องยนต์ก็ต้องได้รับการถนอมเช่นเดียวกับยางเวลาที่เราเห็นเซฟตี้คาร์ออกมานำการแข่งขัน เราอาจจะคิดว่านักขับต้องดูแลยางเพียงอย่างเดียวและไม่ต้องห่วงเครื่องยนต์มากนักเพราะอยู่ในช่วงที่รถวิ่งช้าลงแล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขาต้องใส่ใจเครื่องยนต์ด้วย เมื่ออยู่ในช่วงเซฟตี้คาร์ อุณหภูมิเครื่องยนต์จะเริ่มลดลง ที่ได้รับผลกระทบด้วยก็คือลูกสูบ ถ้านักขับวอร์มเครื่องยนต์ไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสม เมื่อการแข่งขันกลับเข้าสู่สภาวะปกติลูกสูบจะมีปัญหาได้ ตารางแข่งขันไม่แน่นอนมีผลต่อการคำนวณการใช้เครื่องยนต์จะ 19 หรือ 20 สนามต่อหนึ่งฤดูกาล ผู้ชมคงไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่สำหรับวิศวกรเครื่องยนต์ ความต่างเพียงเท่านี้ก็มีผล เนื่องจากในหนึ่งฤดูกาลนักขับมีสิทธิ์ใช้เครื่องยนต์ได้สูงสุด 8 เครื่อง การคำนวณประสิทธิภาพการใช้งานให้ครอบคลุมจนถึงสนามสุดท้ายโดยไร้ปัญหาจึงเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับเมอร์เซเดส โจทย์เริ่มต้นของฤดูกาลนี้คือ 20 สนาม (แต่สุดท้ายเหลือ 19 สนามเพราะมีปัญหาที่บาห์เรน) หมายความว่าเครื่องยนต์ต้องถูกใช้งานมากกว่านี้อีกเฉลี่ยเครื่องละ 100 กิโลเมตร โดยเครื่องตัวแรกๆ ของปีจะรับบทหนักกว่าเพื่อนเพื่อใช้ทดลองการเซ็ตอัพให้กับเครื่องตัวที่เหลือ ซึ่งต้องบวกลงไปรวมแล้วอีก 800 กิโลเมตรการจัดสรรเครื่องยนต์ทั้งแปดจากการที่นักขับได้รับ 8 เครื่องยนต์ต่อคนต่อฤดูกาล ทำให้ทีมงานมีหนทางการจัดสรรการใช้ในรูปแบบต่างๆ มากถึง 36 พันล้านสูตร! แน่นอนว่ามากขนาดนี้ใช้สมองคนคงไม่ไหวต้องส่งให้สมองกลช่วยคิด และที่เมอร์เซเดสได้สูตรที่ลงตัวของปีนี้เป็นเช่นนี้สนามที่ / หมายเลขเครื่องยนต์ที่ใช้ในวันศุกร์ / หมายเลขเครื่องยนต์ที่ใช้ในวันเสาร์และอาทิตย์1 / 1 / 12 / 1 / 13 / 1 / 24 / 1 / 35 / 1 / 26 / 1 / 37 / 1 / 38 / 3 / 49 / 3 / 510 / 3 / 411 / 3 / 512 / 3 / 613 / 3 / 714 / 4 / 515 / 4 / 816 / 4 / 817 / 4 / 618 / 7 / 719 / 5 / 8สิ่งแรกๆ สำหรับการคำนวณคือการดูว่าสนามไหนจำเป็นต้องใช้เครื่องใหม่ๆ ซึ่งคำตอบคือ เซปัง (2) อิสตันบูล (4) สปา (12) และมอนซ่า (13) ที่เครื่องต้องทำงานหนัก ส่วนโมนาโค (6) และสิงคโปร์ (14) เป็นสนามที่ไม่ต้องให้เครื่องออกแรงมากนัก จึงใช้เครื่องยนต์เก่าหน่อยได้ไม่มีปัญหา นอกจากนั้นเรื่องสภาพแวดล้อมก็มีส่วนในการตัดสินใจการเลือกใช้เครื่องยนต์ ยกตัวอย่างที่บราซิลซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก ความกดอากาศจึงต่ำ หรือที่บาห์เรนและอินเดียมีอุณหภูมิสูงและความชื้นไม่มาก ก็เป็นอุปสรรคของการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม การคำนวณนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการแข่งขันนั้นๆ เช่น การที่รถต้องออกจากการแข่งขันเนื่องจากอุบัติเหตุหรือเกิดปัญหาด้านเทคนิค ส่วนเครื่องยนต์ตัวที่ทนที่สุดของเมอร์เซเดสในปีนี้ทำสถิติวิ่งได้ถึง 3,037 กิโลเมตร*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com
//www.singaporegp.sg/ticket/ticket_price.php