การเดินทางมาที่สนามแห่งนี้ จะใช้วิธีขับรถมาจอดแล้วเดินข้ามแพชั่วคราวหรือจะนั่งเรือข้ามไปยังแพ็ดด็อกก็ได้ เพราะที่ตั้งของแพ็ดด็อกที่นี่เลียบริมน้ำ จริงๆ ไม่ใช่ว่าตั้งใจออกแบบเสียทีเดียวหรอกนะคะ แต่เพราะที่นี่เนื้อที่มีจำกัดต่างหาก ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งพิเศษไปเพราะมีทะเลสาบแนวยาวขนานอยู่กรังด์ปรีซ์ครั้งแรกของที่นี่เริ่มขึ้นในปี 1978 โดยการแข่งขันในยุคต้นๆ จะจัดขึ้นในช่วงปลายกันยายนถึงต้นตุลาคมซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบก็เริ่มจับตัวแข็ง แต่ต่อมาในปี 1982 การแข่งขันเปลี่ยนมาอยู่ในเดือนมิถุนายน คราวนี้ชาวฟอร์มูล่าวันจึงได้สัมผัสอากาศสบายๆ ท้องฟ้าสวย แม่น้ำใส
เพราะบรรยากาศดีอย่างนี้เอง หลายปีต่อมาจึงเกิดกิจกรรมประจำก่อนการแข่งขันของชาวฟอร์มูล่าวัน นั่นก็คือการแข่งเรือในทะเลสาบค่ะ โดยทีมเลย์ตัน เฮ้าส์ (ลงแข่งในปี 1990-1991) เป็นผู้ริเริ่ม มีกติกาง่ายๆ ไม่ซับซ้อนว่าเรือที่นำมาแข่งขันจะต้องทำจากวัสดุที่หาได้ในแพ็ดด็อกและห้ามใช้อุปกรณ์เฉพาะสำหรับเรือจริงๆ เพราะฉะนั้นวัสดุหลักๆ ก็เป็นพวกกล่องหรือหีบห่อบรรจุของมาสนามนั่นเอง ความท้าทายไม่ใช่เพียงแต่การพายเรือข้ามฝั่งให้ได้ แต่ที่ท้าทายกว่าคือไปถึงฝั่งโดยตัวคนพายยังต้องแห้งดีอยู่เนื่องจากต้องฝ่าฟันอุปสรรคจาก "ผู้ชม" ริมฝั่งที่จะคอยแกล้งกันอยู่เนืองๆ ซึ่งเมื่อได้รับความสนใจทั้งคนแข่งและคนดูเช่นนี้ กิจกรรมนี้จึงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในบ่ายวันพฤหัสบดีก่อนเข้าสู่สุดสัปดาห์การแข่งขันจริงๆ นั่นเองค่ะทีมจอร์แดนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน "เรือชิงไหวชิงพริบ" นี้มากที่สุด โดยมีบันทึกว่าชนะมากกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากพวกเขามักนำประสบการณ์ของปีก่อนมาพัฒนาในการแข่งขันปีต่อไปต่อมาในปี 1993 การต่อเรือพัฒนามาเป็นการใช้กล่องไม้อัดที่ใช้แพ็กของมาทำในรูปแบบเรือแคนู 2 ที่นั่ง นำโฟมซึ่งปกติใช้ทำที่นั่งรถแข่งมาเป็นทุ่นลอย ส่วนพายทำจากไม้หรือไม้อัดที่หาได้ในโรงรถอีกเหมือนกัน การแข่งขันเริ่มจริงจังมากขึ้น ว่ากันว่าเป็นเพราะเอ็ดดี้ จอร์แดน นั่นแหละค่ะเป็นคนผลักดัน ทั้งที่แกมีหน้าที่เพียงถ่ายรูปหรือทาสีเรือทีมตัวเองเท่านั้น!
น่าเสียดายที่ปีหลังๆ ไม่มีการแข่งเรือแบบนี้อีกแล้วค่ะเพราะบางทีมชักจะซีเรียสมากขึ้นทุกทีในการนำอุปกรณ์บางอย่างมาต่อเรือแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถแข่งทั้งสองคันของทีมเลย แถมการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในแต่ละสัปดาห์ก็เข้มข้นกว่าแต่ก่อนมาก ทุกวันนี้ความสุนทรีย์ทางน้ำของที่นี่จึงเหลือแค่การนั่งเรือรับส่งข้ามไปมาเท่านั้น*ข้อมูลจาก espnf1.comภาพจาก 25stanley.com และ espnf1.com