เรามาดูสรุปตัวเลขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคว้าแชมป์ของเวทเทลกันค่ะ
- เวทเทลชนะมาทั้งหมด 5 สนามในปีนี้ ซึ่งนับเป็นจำนวนน้อยที่สุดที่แชมป์โลกทำได้นับตั้งแต่ปี 1990 โดยเมื่อปี 1989 อแลง พรอสต์ แชมป์ในปีดังกล่าวได้ชัยชนะ 4 สนาม
- เร้ดบูลเป็นทีมที่ได้ตำแหน่งโพลมากที่สุดในปีนี้ด้วยจำนวน 8 ครั้งเท่ากับแม็คลาเรน ซึ่งตั้งแต่ปี 1996 ทีมใดได้ตำแหน่งโพลมากที่สุดในฤดูกาล นักขับของทีมนั้นจะเป็นแชมป์เสมอ
- ในปีนี้เวทเทลแข่งจบบนโพเดียมทั้งหมด 10 ครั้ง และเขาสตาร์ทนอกกริด 3 อันดับแรกเพียง 4 ครั้งเท่านั้น
ความสำเร็จของอลอนโซ่ได้มาเป็นตัวเลข
ถึงแม้จะพลาดการได้แชมป์สมัยที่ 3 ไปอย่างฉิวเฉียด แต่เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ขอยกให้ฤดูกาล 2012 เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา ซึ่งสิ่งที่เขารู้สึกสามารถสะท้อนลงไปในสถิติบางอย่างที่เกิดขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเป็นที่รู้กันดีว่ารถเฟอร์รารี่ไม่ใช่รถเร็วที่สุดในกริด
- ในปีนี้อลอนโซ่ได้ชัยชนะทั้งหมด 3 ครั้ง โดยนักขับคนล่าสุดที่ชนะ 3 ครั้งและเป็นแชมป์โลก ได้แก่ เนลสัน ปิเกต์ เมื่อปี 1987 ซึ่งเป็นปีที่มีการแข่งขัน 16 สนาม
- อลอนโซ่ได้ตำแหน่งโพลเพียง 2 ครั้งในฤดูกาลนี้และเป็นสภาพสนามเปียกทั้งคู่ ซึ่งแชมป์โลกคนสุดท้ายที่ได้โพลแค่ 2 ครั้งคือ อแลง พรอสต์ ในปี 1989
- นับจนถึงบราซิล เฟอร์รารี่ไม่ได้โพลมาแล้ว 10 สนามติดต่อกัน โดยทีมที่ไม่ได้โพลติดต่อกันยาวนานเช่นนั้นแต่นักขับได้เป็นแชมป์คือทีมบราบัมในปี 1983 เมื่อพวกเขาไม่ได้โพลเลยใน 11 สนามแรก แต่เนลสัน ปิเกต์ ได้เป็นแชมป์ปีนั้นไปครอง
- การที่อลอนโซ่แข่งจบบนโพเดียม 10 ครั้งจากการสตาร์ทนอกกริด 3 อันดับแรก ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความช้าของรถเฟอร์รารี่ในรอบควอลิฟาย และนี่ยังเป็นสถิติใหม่แซงผลงานที่พรอสต์เคยทำไว้เมื่อปี 1986 ในการขึ้นโพเดียม 9 ครั้งจากการสตาร์ทอันดับที่ 4 หรือต่ำกว่า
- เฟอร์รารี่ไม่สามารถทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในการแข่งขันหรือ fastest lap ได้สักสนามในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแรกนับตั้งแต่ปี 1994 ที่พวกเขาทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดไม่ได้เลยสักครั้งเดียว โดยแชมป์โลกคนสุดท้ายที่ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดไม่ได้เลยตลอดฤดูกาล ได้แก่ เกเก้ รอสเบิร์ก ของวิลเลียมส์ ในปี 1982
- สนามนี้เป็นสนามแรกนับตั้งแต่โคเรียน กรังด์ปรีซ์ 2010 ที่เราได้เห็นนักขับเฟอร์รารี่ทั้งสองคนอยู่บนโพเดียมพร้อมกัน ในขณะที่นักขับเร้ดบูลพารถทั้งสองคันจบบนโพเดียมด้วยกัน 3 ครั้งในปีนี้ และ 9 ครั้งในปี 2011
สำหรับสถิติอื่นที่น่าสนใจจากสนามบราซิลมีดังต่อไปนี้ค่ะ
รอบควอลิฟาย
- ลูอิส แฮมิลตัน ทำได้ตำแหน่งโพลเป็นครั้งที่ 26 ของตนเอง ซึ่งเทียบเท่ากับจำนวนโพลที่มิก้า ฮัคคิเน่น ทำได้ขณะเป็นนักขับแม็คลาเรนเช่นกัน ทั้งสองคนช่วยกันคว้าโพลให้กับทีมรวม 52 ครั้งจากทั้งหมด 155 ครั้ง หรือคิดเป็น 1 ใน 3 โดยครั้งนี้เป็นโพลที่อินเตอร์ลากอสในรอบ 12 ปีของแม็คลาเรน หลังจากฮัคคิเน่นทำไว้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2000
- เจนสัน บัตตัน ออกตัวจากกริดที่ 2 เป็นครั้งที่ 4 ในฤดูกาลนี้และทุกครั้งจะมีแฮมิลตันเคียงข้างในแถวหน้า แต่หากแฮมิลตันทำได้ในกริดที่ 2 ทุกครั้งเขากลับสตาร์ทคู่กับเซบาสเตียน เวทเทล
- ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 62 ในประวัติศาสตร์ที่แม็คลาเรนล็อกกริดแถวหน้าไว้ได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาทำสถิติ 61 ครั้งร่วมกับวิลเลียมส์
- เร้ดบูลไม่ได้สตาร์ทจากแถวหน้าเลยสักคันเป็นครั้งแรกใน 5 สนาม โดยในปีนี้พวกเขาล็อกแถวหน้าไว้ได้ 3 ครั้ง
- ฟอร์ซอินเดียควอลิฟายได้ในท็อป 10 ทั้งสองคันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นการควอลิฟายในสภาพสนามเปียกเช่นเดียวกัน
- ในสนามสั่งลาของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ เขาไม่สามารถควอลิฟายได้ใน 10 อันดับแรก นับเป็นครั้งแรกของเขาในการควอลิฟายที่อินเตอร์ลากอสตลอด 18 ครั้งที่ผ่านมา
- พาสเตอร์ มัลโดนาโด โดนปรับกริด 10 อันดับในสนามสุดท้าย ทำให้ปีนี้เขามีสถิติเสียอันดับสตาร์ทไปทั้งสิ้น 48 อันดับ
- โรแมง โกรส์ฌอง ควอลิฟายไม่ผ่าน Q1 เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้
การแข่งขัน
- เจนสัน บัตตัน ชนะการแข่งขันเป็นครั้งที่ 15 ในฟอร์มูล่าวัน โดยสนามนี้นับเป็นแห่งที่ 12 ที่เขาเคยชนะ ทั้งยังเป็นชัยชนะแรกของแม็คลาเรนในสนามแห่งนี้นับจากผลงานครั้งล่าสุดของคิมี่ ไรค์โคเน่น เมื่อปี 2005 ทำให้ขณะนี้แม็คลาเรนมีสถิติเทียบเท่าเฟอร์รารี่ในการเป็นทีมที่ชนะในสนามนี้มากที่สุดด้วยจำนวน 8 ครั้ง
- บราซิเลียน กรังด์ปรีซ์ ในปีนี้นำการแข่งขันโดยผู้ที่ไม่เคยนำในสนามนี้มาก่อน ทั้งบัตตันและลูอิส แฮมิลตัน รวมทั้งผู้ที่ไม่เคยนำการแข่งขันสนามใดเลยคือ นิโค ฮูลเคนเบิร์ก โดยนักขับเยอรมันเป็นคนที่ 13 ที่นำการแข่งขันในปีนี้ เป็นจำนวนเท่ากับเมื่อปี 2009
- อาถรรพณ์หลังชัยชนะเกิดขึ้นอีกครั้งกับแฮมิลตัน ทุกครั้งหลังชัยชนะ 5 ครั้งหลังสุดเขาจะไม่จบการแข่งขัน นับตั้งแต่หลังอาบูดาบี 2011 และปีนี้หลังจบจากแคนาดา ฮังการี อิตาลี และอเมริกา โดยเกิดจากอุบัติเหตุ 3 ครั้งและปัญหาจากเกียร์บ็อกซ์ 2 ครั้ง
- เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ขึ้นโพเดียมครั้งที่ 86 ซึ่งอีก 20 ครั้งเขาก็จะตามทันสถิติอันดับที่ 2 ของอแลง พรอสต์ ที่ 106 ครั้ง ส่วนสถิติสูงสุดเป็นของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ จำนวน 155 ครั้ง
- เฟลิเป้ มาสซ่า ลงแข่งเป็นครั้งที่ 120 ให้กับเฟอร์รารี่และครั้งนี้ยังเป็นครั้งที่ 100 ที่เขาจบการแข่งขันแบบมีคะแนนด้วย นับเป็นสถิติเท่ากับเนลสัน ปิเกต์ ผู้ที่เป็นพิธีกรรับเชิญบนโพเดียมเมื่อวันอาทิตย์นั่นเอง โดยอยู่ในอันดับที่ 8 ของสถิติตลอดกาล
- มาร์ก เว็บเบอร์ เป็น "มิสเตอร์นัมเบอร์ 4" อย่างแท้จริงในฤดูกาลนี้เมื่อเขาเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 4 อีกครั้ง เขาได้อันดับที่ 4 ในฟอร์มูล่าวันมารวมแล้ว 15 ครั้ง แต่ยังตามสถิติสูงสุดที่มีแกร์ฮาร์ด แบร์เกอร์ เป็นเจ้าของด้วยจำนวน 26 ครั้ง
- นิโค ฮูลเคนเบิร์ก จบการแข่งขันในอันดับที่ 5 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ของฟอร์ซอินเดีย น่าเสียดายที่เขาไม่ชนะทั้งที่นำการแข่งขันมากที่สุดจำนวน 30 รอบ ในขณะที่บัตตันนำ 28 รอบ และแฮมิลตันนำ 13 รอบ
- ชูมัคเกอร์คว้าแต้มจากการแข่งขันให้เมอร์เซเดสได้ในรอบ 5 สนามด้วยการจบในอันดับที่ 7
- อันดับที่ 8 ของฌอง-เอริก แวนญ์ เป็นเพียงครั้งที่ 3 ของโตโร รอสโซ ที่เก็บคะแนนได้จากสนามนี้ หลังจากอันดับที่ 4 ของเซบาสเตียน เวทเทล เมื่อปี 2008 และอันดับที่ 7 ของเซบาสเตียน บูเอมี่ ในปี 2009 นอกจากนั้น แวนญ์ยังทำได้เท่ากับผลงานที่ดีที่สุดของเขาก่อนหน้านี้ในมาเลเซีย เบลเยียม และเกาหลี
- คิมี่ ไรค์โคเน่น มาเสียสถิติลงแข่งขันครบทุกรอบในฤดูกาลเอาในสนามนี้ เพราะเมื่อวันอาทิตย์เขาเข้าเส้นชัยโดยตามหลังผู้ชนะ 1 รอบ อย่างไรก็ตาม เขาได้ทำสถิติใหม่ด้วยการจบการแข่งขันด้วยระยะทาง 6,081 กิโลเมตรและจบการแข่งขันครบ 20 สนาม ซึ่งนักขับคนสุดท้ายที่จบการแข่งขันทุกสนามในฤดูกาล ได้แก่ นิค ไฮด์เฟลด์ เมื่อปี 2008
- จากอุบัติเหตุของพอล ดิ เรสต้า ในรอบรองสุดท้าย ทำให้วิทาลี เปตรอฟ ขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับที่ 11 ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นผลการแข่งขันที่ดีที่สุดของแคเทอร์แฮม แต่ยังเป็นผลงานที่ดีที่สุดในบรรดาทีมน้องใหม่ ได้แก่ แคเทอร์แฮม มารุสเซีย และเอชอาร์ที ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้แคเทอร์แฮมได้อันดับที่ 10 ของการแข่งขันประเภททีมอีกด้วย
- ชาร์ลส์ พิค ของมารุสเซียจบในอันดับที่ 12 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาในฟอร์มูล่าวันจนถึงปัจจุบัน และเขายังจบฤดูกาลแรกของตนเองโดยไม่ออกจากการแข่งขันเนื่องจากอุบัติเหตุเลยแม้แต่สนามเดียว
- นิโค รอสเบิร์ก ทำสถิติไม่ได้คะแนนจากการแข่งขันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 คือ 6 สนามติดต่อกัน โดยในปีดังกล่าวเขาไม่ได้แต้มตั้งแต่โมนาโคถึงฮังการี
- วิลเลียมส์โชคไม่ดีในสนามนี้เมื่อรถทั้งสองคันไม่จบการแข่งขันตั้งแต่รอบแรก ซึ่งทีมเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นในสนามแห่งนี้มาแล้วเมื่อปี 2006 กับทั้งรอสเบิร์กและเว็บเบอร์ และย้อนไปครั้งแรกในยูเอส กรังด์ปรีซ์ ปี 2005 จากไฮด์เฟลด์และเว็บเบอร์ อย่างไรก็ตาม ในยูเอส กรังด์ปรีซ์ ปี 1975 วิลเลียมส์ทั้งสองคันที่ขับโดยเลลล่า ลอมบาร์ดี้ กับฌาคส์ แลฟไฟต์ ไม่ได้สตาร์ทการแข่งขัน
- เซอร์จิโอ เปเรซ อำลาเซาเบอร์ไปโดยทำคะแนนไม่ได้ใน 6 สนามสุดท้าย โดยนับตั้งแต่โพเดียมครั้งล่าสุดของเขาที่มอนซ่า เขาก็เกิดอุบัติเหตุไม่ว่าในช่วงฝึกซ้อมหรือการแข่งขันทุกสนามต่อจากนั้น
*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2555 22:10:41 น. |
|
34 comments
|
Counter : 1822 Pageviews. |
|