O ลมหนาวและดาวเดือน .. O

Ernesto Cortazar - Our Love Never Dies (Concerto)
O ปีกนกคลี่แผ่กาง .. ร่อนกลางหาว เมื่อเดือนดาวเลื่อนดวงจนล่วงหาย ลมรุ่งสางรินร่ำ .. หอมกำจาย พาปีบคลายหอมรส .. เป็นบทเดียว O ดอกสีขาวพราวลออ .. ร่ำรอสมัย- เลื่อนดวงไฟขึ้นส่อง .. ให้มองเหลียว- มาเสพรูปแดดทอ .. กลีบช่อเรียว- กลางพุ่มใบขาบเขียว .. ทุกเรียวใบ O ลมอ่อยเอื่อยเฉื่อยโชย .. ร่ำโรยสู่ อารมณ์ผู้เพ็ญถวิล .. ก็รินไหล เหิมระลอกวนว่าย .. อยู่ภายใน- ห้องหัวใจ .. เจตจินต์ทั้งสิ้นแล้ว O สิ้นวรรษาฟ้าหม่น .. สิ้นฝนพรำ เหลือลมร่ำสายโรยอยู่โผยแผ่ว เลื่อนดวงตาคู่ระยับ .. พริ้มพรับแวว- เลศผ่องแผ้วแนบช่วง .. อีกดวงตา O ปีกนกยังคลี่กาง .. อยู่กลางหน พร้อมอีกใจดิ้นรนเฝ้าค้นหา ความงดงามอ่าลออ .. ที่รอมา- แต่ครั้งครา .. ชาติภพเลือนลบกัน O ปีกแห่งรัก .. ห้อมห่มสายลมร่ำ โดยเสียงคร่ำครวญพร้อม .. รอกล่อมขวัญ กรุ่นหอมปีบฟายฟุ้ง ยามรุ่งวัน- พึงล้อมพันธนาอยู่ .. อย่ารู้คลาย O ให้รื่นเหมือนลมริน .. หอบกลิ่นชู้ รอบล้อมอยู่ให้ถวิล .. แต่สิ้นสาย รูปแพงเอย .. อาลัยแห่งใจชาย จักทอนถ่ายถ้วนบทได้หมดฤๅ ? O แถบรุ้งบนโค้งฟ้า .. ย่อมลารอย เหลือเพียงเนตรปริบปรอย .. เฝ้าคอยสื่อ แฝงฝากลมอุ่นนั้นให้บรรลือ- เสียงอึงอื้อสั่นไหวอยู่ในทรวง O พร้อมกับความออดอ้อน .. นัยซ่อนเร้น- ราวไฟเต้นเปลวลุกไปทุกช่วง เผยผ่านร้อนรุมไหม้อยู่ในดวง- ตาคู่หวงแหนงาม .. แห่งยามนี้ O ปีบเลือนกลิ่น .. สายหยุดก็หยุดหอม รอแวดล้อมคุณค่ารูปราศี เริ่มบทกลางโอภาส .. ลมวาดวี ให้ภาคพื้นธาตรี .. รู้ปรีดา O ริ้วลมหนาวแผ่วผ่าน, ความหวานหอม- ก็เหมือนคอยแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า เพียงเลศนัยเผยช่วงผ่านดวงตา- ก็รับรู้เสน่หา .. ผ่านท่าที O เพียงแววหวานอ่อนโยน .. เริ่มโชนช่วง ก็รับรู้แหนหวงในทรวงที่- แรงอาวรณ์อาลัย, ความใยดี- หลั่งล้นปรี่ออกแล้ว .. ที่แววตา O เลศนัยเคยซ่อนเร้น .. เมื่อเต้น .. ตื่น ความแช่มชื่นห้วงใจผู้ใฝ่หา- ก็โหมตอนหวานล้ำขึ้นค้ำคา- ปรารถนาอาลัยที่ในดวง O ผ่านลูบโลมเนื้อผิว .. คือ-ริ้วลม- เข้าห้อมห่มแทรกแฝง .. ให้แรงหวง- เข้าลูบโลมสั่นไหวอยู่ในทรวง กี่คาบช่วงผ่านแล้ว .. อย่า-แล้วเลือน ! O เข้าเหมันตะฤดู .. ลมวู่ไหว แรงอาลัยพูนเพียบ .. ฤๅ-เปรียบเหมือน ดูเอาเถิด .. ตาชม้อยเฝ้าคอยเตือน- ให้สบแล้วสุดเขยื้อนขยับพ้น O เมื่อแววตางามระยับ .. ไม่ลับล่วง ความเงียบเหงาในทรวงก็ร่วงป่น แววออดอ้อนอ้อยสร้อยก็คอย-วน- เวียนวกปรนเปรอใจคอยไขว่คว้า O ปลายปีกนกยกโบก .. ผ่านโลกกว้าง ยังคลี่ค้างเช่นนั้น .. เพื่อฟันฝ่า- วงรอบความเป็นมีแห่งชีวา ไกลสุดตาลิบโลก .. ยังโบกบิน O ก็เช่นความละห้อยหา .. แรงอาวรณ์- จักเวียนย้อนวนอยู่ไม่รู้สิ้น ไกลสุดตารูปแล้ว .. ยังแว่วยิน- ความถวิลอาลัย .. ที่ในทรวง O ปลายปีกนก, อกคนผู้วนคิด- ย่อมทรงสิทธิ์ทรงศักดิ์ทั้ง .. รัก .. หวง ฤๅ .. รูปการณ์เวียนย้ำ .. เช่นคำบวง- แนบความห่วงใยเหลือทุกเนื้อความ O ปลายปีกนกเหยียดกางที่กลางหาว เมื่อ-วับวาวเนตรนั้น .. คล้าย-หวั่น .. หวาม ลมเลื่อนริ้วโลมลูบ .. จบจูบงาม- ย่อมเลื่อนตามหัวใจ .. ผู้ไขว่คว้า O ตราบที่ปลายปีกนก .. ยังยกโบก- โล้ลมโลก .. แสงสรวง, ความห่วงหา- ย่อมติดตรึงลงมั่นในสัญญา เพียงหนึ่งรูปหนึ่งหน้า .. จนกว่าวาย O มองดูเถิดแสงระยิบ .. จากลิบโพ้น ฤๅ-เทียบความอ่อนโยนที่โชนฉาย ? พร้อมอกอุ่นอาลัย .. ของใจชาย ร่ำรอถ่ายโอนสู่ .. เจ้าผู้เดียว !
Create Date : 18 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 14 เมษายน 2566 12:50:11 น. |
|
9 comments
|
Counter : 4240 Pageviews. |
 |
|
|
"O ปลายปีกนก, อกคนผู้วนคิด-
ย่อมทรงสิทธิ์ทรงศักดิ์ทั้ง .. รัก .. หวง
ฤๅ .. รูปการณ์เวียนย้ำ .. เช่นคำบวง-
แนบความห่วงใยเหลือทุกเนื้อความ "
ตรงนี้ อ่านแล้วไม่เข้าใจนะ..
"..................อกคนผู้วนคิด-
ย่อมทรงสิทธิ์ทรงศักดิ์ทั้ง .. รัก .. หวง"
ผู้ที่" ทรงสิทธิ์ ทรงศักดิ์"น่ะ ใคร ...
ตัวผู้เขียน หรือ นางอันเป็นที่รัก..?
".........................เช่นคำบวง-
แนบความห่วงใยเหลือทุกเนื้อความ "
นี่น่ะ หมายถึง"คำบวง" ของใครเอ่ย..
สงสัยระยะนี้ จะอ่านเอกสารทางเทคโนโลยีมากไป
เลยขาดความละเมียดละมัยในคำกลอน..