Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
กรกฏาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
24 กรกฏาคม 2557
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
Ernesto Cortazar - Leaves in the wind
O หม่นมัวเงียบงันอยู่ ..ในตรู่สาง
หยดน้ำวางตัวเกลื่อน..ทั่วเถื่อนหน
ฟ้าสูง .. ภาพฝูงนก .. บินวก-วน
เมื่อสูรย์พ้นสิขรคล้อย .. ขึ้นลอยดวง
O หอมโกสุมกล่อมยาม .. เมื่อวามวับ-
ดวงวันทอลออระยับขึ้นรับช่วง
ลมเช้าชื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยรวง-
ช่อมาลย์ปวงเตรียบหอมรายล้อม .. รอ
O ตฤปความหอมรื่นล้ำ-แห่งธรรมชาติ
บำบวงภาษปรุงปอง .. พร่ำพร้องขอ
หมายโสตเทพเพลิดเพลิน .. คำเยินยอ
ดลฤทธิ์ต่อสายใย .. รัดใจนั้น
O ผูกมัดใจหนึ่งอยู่ .. อย่ารู้คลาย
เก็บสองปลาย .. ซ่อนไว้เพื่อไหวสั่น-
แห่งถวิลร้อนแรง .. จักแบ่งปัน-
โอบออขวัญ .. อบอุ่นเข้าหนุนทรวง
O ละคาบยามพ้นผ่าน .. แม้นนานเนิ่น
พึงจำเริญแนบแน่นด้วยแหนหวง
ดื่มด่ำรสวาบหวามถ้อยความปวง-
พร้อมความห่วงใยมี .. เต็มที่ทาง
O หมายทุกทุกอณูธาตุ .. ห้วงอากาศ
ยอโอภาสวับวาวทุกก้าวย่าง
ล้อมรูปแพงทองขวัญ .. ป้องสรรพางค์-
ถนอมร่างถนอมเนื้อ .. ไว้เอื้ออิง
O ทุกโอภาสแอบออ .. ร่ำรอถนอม
พึงแนบน้อมอาลัยสู่ใจหญิง
ทุกรอบวันลับดวง .. โปรดช่วงชิง-
ดวงใจมิ่งขวัญวาง .. ที่กลางใจ
O บำบวงถ้อยเทอดแถนทั้งแดนฟ้า
เพื่อก่อรูปพรรณนา .. หมายอาศัย-
สื่อความอุ่นอ่อนหวานจากด้านใน-
ดวงจิตให้สั่นเต้น .. ด้วยเอ็นดู
O เตรียบคำถ้อยเพื่อแถนทั้งแสนสรวง
ช่วยทาบทวงอาวรณ์ .. มอบย้อนสู่-
หัวใจเยาว์อบร่ำความดำรู-
ด้วยนัยชู้แห่งชาย .. ที่หมายชม
O หม่นมัวเงียบงันอยู่แห่งตรู่สาง
ก็เริดร้างด้วยระยับแสงทับถม
ตระการรูปปรารถนาในอารมณ์
ก็ห้อมห่มทรวงไว้ด้วยนัยเดียว
O เตรียบจินตาร่ำรอลออภาค
รับอาวรณ์ไหลหลากอันกรากเชี่ยว
เตรียมใจไว้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว-
เจ้าเอื้อมเหนี่ยวเด็ดวาง .. แนบหว่างใจ
O เตรียบอารมณ์ร่ำรอพะนอถวิล
ก็โดยจินตนาความ .. อันหวามไหว
กลางวงรอบเสน่หาความอาลัย
หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว
O ขวัญเจ้าเอย ..
ครั้งรูปเผยผ่านมาให้ตาเหลียว
เยื่อใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว-
ม้วนสองปลายรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้
O สายใยแทนความแหนหวง
คือเงื่อนบ่วงโอบขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่
เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน
อุ่นอาลัยล้อมรุม .. เข้าสุมลน
O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
แววตาฉายสบกันนับพันหน
ก็แต่นั้น .. หวั่นไหว .. และใจคน
จักหลุดพ้นพรากได้ .. เยี่ยงไรฤๅ ?
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา
ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว
O เหลื่อมแสงพร้อยพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น
เชื่อมสองจินต์เผยออก .. นัยหยอก-ยั่ว
แววมณีแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-รัว-
อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น
O จนเส้นช่วงโชติวิเชียร .. เริ่มเวียนว่าย
แววช่วงฉายจากไหน .. นะไหวสั่น
ดูเถิด-ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน-
ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักแล้ว
O รับรู้ความครวญคะนึง...
เมื่อแววซึ้งซ่านใจ .. นั้นไหวแผ่ว
มณีงามก็คล้ายดั่งจะปลั่งแวว-
และคล้ายแน่วแน่อยู่ .. ให้รู้นัย
O รับรู้ความอาวรณ์...
ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้-
ที่เหมือนอ้อนออดรู้ .. เพื่อรู้ใจ
ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน
O ลมเหนือที่เหน็บหนาว ..
เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน
เถิด-ทุกครั้งอวลหอม .. เข้าล้อมลน
ล้อมใจคนถวิลชู้อย่ารู้คลาย
O เจ้าดวงมณีเอย ..
ยิ่ง-รำเพยลมร่ำ .. เจ้ารำร่าย-
แววออดอ้อนฝ่าสมัย .. ยั่วใจชาย
เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว !
Create Date : 24 กรกฎาคม 2557
Last Update : 13 พฤษภาคม 2566 5:21:58 น.
10 comments
Counter : 3722 Pageviews.
Share
Tweet
O หลับเถิดนะคนดีให้พี่กล่อม
อุ่นแห่งอ้อมอกโลภจักโอบหา
อุ้มดวงขวัญให้สนิทในนิทรา
จนตื่นตาถวิลอยู่อย่างรู้คอย
O เหนื่อยนักแล้วแก้วตานิทราเถิด
เพลงจะเปิดกล่อมแว่วเพียงแผ่วค่อย
แทนความรักอาวรณ์ .. จำซ่อนรอย
ให้รับรู้ห่วงละห้อยทุกคล้อยยาม
O แม้นจำข่มอาวรณ์แอบซ่อนไว้
หากอาลัยศรัทธาเกินกว่าห้าม
ด้วยจารีตประเพณีอันดีงาม
สุดปลดแก้ข่มข้าม - ด้วยความอาย
๑๔
O ชาติใดฤทัย-ก็-จะ-กระหวัด
ป-ฏิ-พัทธะหนึ่งชาย
ช่วงภพจะลบ-ระ-ยะ-สลาย
จิ-ตะ-หมายจะผูกพัน
O ชาติใดฤทัย-จะ-ป-ฏิพัท-
ธะ-กระ-หวัดเสมอวัลย์
รัดล้อมประนอม-ร-หั-สะฝัน
กระ-จะ-มั่นกระจ่างหมาย
O โดยกาละผ่าน-อุ-สุ-มะยาม
ผิ-วะ-หวามและวุ่นวาย
ย่อมเนตรและเจ-ต-นะ-สยาย
น-ยะ-คล้ายจะรอคอย
O กี่คืนสะอื้น-วิ-ต-กะเศร้า
ทุ-ขะ-เร้าและหยัดรอย
เดือนปี ฤ มี-สุ-ขะ-ทยอย
ยุ-ติ-สร้อย .. และคืนสรวล
O คืนเปลี่ยวและเสี้ยว-ก-ม-ละเยา-
วะ-ก็-เคล้ากะคร่ำครวญ
ห่วงหา .. และอา-ดุ-ระ-กระบวน
ก็-กระ-อวละบีบเค้น
O เคลิ้มคลอพะนอ-ร-ติ-นิวรณ์
ดุ-จะ-อ้อนจะรอเอ็น-
ดูต้อง .. ตระกอง-ประ-ทุ-ษะเข็ญ
ยุ-ติ-เร้นปลาตเลือน
โดย:
สดายุ...
วันที่: 24 กรกฎาคม 2557 เวลา:8:30:32 น.
ชายเดียว...
"O รับรู้ความอาวรณ์...
ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้-
ที่เหมือนอ้อนออดรู้ .. เพื่อรู้ใจ
ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน"
วันนี้ท่าทางจะสำลักความสุข นะ..
ทั้งกลอน ทั้งฉันท์ ประจันกัน ....
"หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว"...
ดักไว้ทั้ง กลอน ทั้งฉันท์ แล้วจะหันไปหาชายใดได้อีกนี่...
"O ชาติใดฤทัย-ก็-จะ-กระหวัด
ป-ฏิ-พัทธะหนึ่งชาย
ช่วงภพจะลบ-ระ-ยะ-สลาย
จิ-ตะ-หมายจะผูกพัน"
หลายหลายสาว ที่เป็น..หลายหลาย" O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O" นี่
นะคะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 24 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:12:51 น.
มินตรา ..
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา
ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว !
คงเห็นด้วยว่า สาวอารยันในส่าหรีของอินเดีย งามเกินบรรยาย พูดได้ว่าเป็นหญิงงามอันดับ 1 แห่งแผ่นดินก็คงไม่ผิดนัก
งามแบบนี้ "ซิมเปี๊ยะกุน" แห่งเซียวจับอิดนึ้งคงทำอะไรไม่ได้ .. ทำให้ผมนึกถึง "นาคมัลลิกา" ในปฐพีเพลิงของพนมเทียนขึ้นมาทีเดียว แถมน่าจะใกล้เคียงกว่าเพราะเป็นเผ่าอารยันแน่นอน
ความงามแห่งรูปกาย คือดวงมณี
ความงามแห่งพฤติจริตกิริยา คือแสงที่ช่วงประกายออกมา
ไม่มีความงามใดในสามโลกจะเทียมเท่า
ส่วนทั้งกลอนทั้งฉันท์อาจพรรณนาเนื้อความได้เพียงส่วนเสี้ยวของรูปธรรมที่มองเห็นเท่านั้น
เวลาพูดถึง "แสงช่วงแห่งดวงมณี" นั้นจะพูดถึงเพียงสาวเดียวเท่านั้นในความรู้สึกของผู้ชาย
โดย:
สดายุ...
วันที่: 24 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:18:02 น.
ชายเดียว...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 24 กรกฎาคม 2557 เวลา:21:41:23 น.
ผมเขียนอะไรผิดหรือเปล่ามินตรา ?
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:6:17:29 น.
ชายเดียว..
มิมีคำใดที่พูดไปแล้วผิดแม้นแต่คำเดียว....
เพียงแต่อึ้งไป ที่ยังมีชายไทย ผู้ยกย่องและเห็นคุณค่า ของความงามในการเป็นสตรี เหลืออยู่ในโลกออนไลน์นี้..
นึกว่า สตรีจะต้องสรวมวิญญาน "ซิมเปี๊ยะกุน" ประดาบ กับผู้ชายในวงยุทธจักร ไปตลอดชีวิตซะแล้ว
มิเสียแรงที่มาพักหัวใจใน วรรณประทีป...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:14:44:57 น.
มินตรา ..
ผู้ชายอาจจะคิดได้ช้าไปบ้างหากมีอคติลำเอียง .. แต่อย่างไรเสียก็ต้องดูความงดงามออกจนได้ว่า "สร้าง ทำ" หรือ "เป็นตัวตนตามธรรมชาติ"
ระยะเวลาที่นานพอ รวมทั้งสิ่งที่มองเห็นที่มากพอ .. มันจัก activate ตัวรู้ขึ้นมาจนได้
ว่าแท้จริงแล้ว รูปกายเป็นเพียงเปลือกทีจะค่อยๆเปลี่ยนไปตามวัย .. แต่พฤติแห่งจิตนี่สำคัญกว่ามาก
ความชัดเจน ความมั่นคงแห่งจิตวิญญาณ นั่นต่างหากที่ผู้ชายต้องการในที่สุด
เนื่องจากผู้สวมวิญญาณ"ซิมเปี๊ยะกุน" ในที่สุดก็จะเหนื่อยเกินไปที่ต้องแบก"เรื่องสร้าง" ไว้บนหัวตลอดเวลา แต่อาจสายเกินไปหากวันนั้น "ไม่มีใครเขาสนใจสิ่งที่สร้าง ทำ บนหัวคุณ " อีกต่อไป
เนื่องจาก "ชีวิตในยุทธจักร" จะไม่มีวันอยู่สงบแม้แต่วันเดียว !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 26 กรกฎาคม 2557 เวลา:6:06:03 น.
หลวงพี่..
เข้าถึงสัจจะธรรม จริงนะ..
หรือว่า เจอคู่บุญ แล้ว จึงเจรจาอย่างมั่นใจได้ถึงขนาดนี้..
สาวเจ้ารู้ตัวรึเปล่านี่ ว่าบุญจะหล่นทับ..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 26 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:36:32 น.
มินตรา
เปล่าหรอก ผมเพียงแต่คิดว่า ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย น่าจะเป็นความต้องการที่แท้จริงของคนเรา
ความเรียบง่าย ไม่ได้แปลว่าเราต้องมีใคร
แต่หากจะมีมันน่าจะมีท่วงทำนองที่สอดรับกัน ไปในทางเดียวกัน .. แบบชาวบ้านทั่วๆไปที่อยู่นอกวงจรยุทธจักร
เพราะความซับซ้อนมันทำให้จิตใจเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อนจากการที่ต้องคอย"หมุนตาม"
โดย:
สดายุ...
วันที่: 26 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:48:53 น.
ดายุ..
ที่สุดของที่สุด ก็คือ ความเป็นจริง ( eternal truth)
นักวิชาการในทุกสาขาวิชาซึ่ง แตกต่างกัน
จะมาสรุปลงในจุดเดียวกัน ตรงจุดนี้..
คือ ปรัชญา..
เรียบ..ง่าย..ตามธรรมชาติ..
สิ่งที่เรารักที่สุดคือตัวเราเอง..คือ..สิ่งที่เสมือนตัวเราเอง
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 26 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:56:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
อุ่นแห่งอ้อมอกโลภจักโอบหา
อุ้มดวงขวัญให้สนิทในนิทรา
จนตื่นตาถวิลอยู่อย่างรู้คอย
O เหนื่อยนักแล้วแก้วตานิทราเถิด
เพลงจะเปิดกล่อมแว่วเพียงแผ่วค่อย
แทนความรักอาวรณ์ .. จำซ่อนรอย
ให้รับรู้ห่วงละห้อยทุกคล้อยยาม
O แม้นจำข่มอาวรณ์แอบซ่อนไว้
หากอาลัยศรัทธาเกินกว่าห้าม
ด้วยจารีตประเพณีอันดีงาม
สุดปลดแก้ข่มข้าม - ด้วยความอาย
๑๔
O ชาติใดฤทัย-ก็-จะ-กระหวัด
ป-ฏิ-พัทธะหนึ่งชาย
ช่วงภพจะลบ-ระ-ยะ-สลาย
จิ-ตะ-หมายจะผูกพัน
O ชาติใดฤทัย-จะ-ป-ฏิพัท-
ธะ-กระ-หวัดเสมอวัลย์
รัดล้อมประนอม-ร-หั-สะฝัน
กระ-จะ-มั่นกระจ่างหมาย
O โดยกาละผ่าน-อุ-สุ-มะยาม
ผิ-วะ-หวามและวุ่นวาย
ย่อมเนตรและเจ-ต-นะ-สยาย
น-ยะ-คล้ายจะรอคอย
O กี่คืนสะอื้น-วิ-ต-กะเศร้า
ทุ-ขะ-เร้าและหยัดรอย
เดือนปี ฤ มี-สุ-ขะ-ทยอย
ยุ-ติ-สร้อย .. และคืนสรวล
O คืนเปลี่ยวและเสี้ยว-ก-ม-ละเยา-
วะ-ก็-เคล้ากะคร่ำครวญ
ห่วงหา .. และอา-ดุ-ระ-กระบวน
ก็-กระ-อวละบีบเค้น
O เคลิ้มคลอพะนอ-ร-ติ-นิวรณ์
ดุ-จะ-อ้อนจะรอเอ็น-
ดูต้อง .. ตระกอง-ประ-ทุ-ษะเข็ญ
ยุ-ติ-เร้นปลาตเลือน