Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O








Giovanni Marradi - Annie's Song



O แล้วเล่า..ความเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า
ค่อยก่อรูปรมยา..รับ-ราศี
แล้วเล่า..ปริศนาในตามี
ค่อยค่อยคลี่คลายล้อม..ให้ยอมต้ว
O เหมือนความหมายลอบเร้นบีบเค้นให้-
ความอ่อนไหวโหมระลอกเข้าหยอกยั่ว
เหมือนทุกมองสบนั้น..แววสั่นรัว-
จะกระเพื่อมโลมทั่วทั้งหัวใจ
O จันทร์ทรงเพ็ญงามเรื้องที่เบื้องหน้า
สุดสายตาอาจเคลื่อนกลบเกลื่อนไหว
ยิ้มในแววตานั้น-บีบคั้นใคร
จึงผ่านนัยให้ตระหนักพะวักพะวน
O ทุกครั้งสายตาเลื่อนแล้วเบือนสบ
แต่งชาติภพหยัดหยั่งทุกครั้งหน
ทุกครั้งหัวใจชายก็ว่าย-วน
ด้วยอับจนหลีกหลบ..กรรทบนั้น
O หยาดเพชรร่วงหล่นแล้ว..ในแววตา
ที่เหมือนว่าความหมาย..พร่างพรายสั่น
หยาดเอาความอ่อนหวานส่งผ่านกัน
สืบสัมพันธ์แฝงเร้น..ขึ้น - เป็น, มี
O จันทร์เพ็ญควร-ลอยดวงบนสรวงฟ้า
กลับเหมือนว่าลอยดวงกลางทรวงนี่
ทุก-กรรทบ..ภพชาติจึงวาดวี-
แฝงท่วงทีอาวรณ์..แอบซ่อนนัย
O โอ งามราวจะตามมาลามล่วง
กดทับทรวงบีบเค้น..เกินเร้นไหว
โอ นั่นแววตายั่ว..บีบหัวใจ
ฤๅ-หวังสั่นรัวให้ เสียง-ได้ยิน ?
O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบ
แว่วเสียงสอบถามใจ..เหมือนไม่สิ้น
ว่าเยี่ยงไรรมย์รื่น..ถ้วนผืนดิน
เหมือนรวยรินกล่อมเห่ห้วงเวลา
O อก-กลางเสียง..ถามตอบอยู่รอบตัว
กลับสั่นรัวเหลือทีกับทีท่า-
ของรูปลักษณ์นวลลออ..เมื่อต่อตา-
ใครเล่าถูกล่ามคา..แววตานั้น
O สบตาแล้ว..สบอีกสุดหลีกหลบ
วางชาติภพรอสาป, แวววาบสั่น-
ก็วาบแววรำร่าย..ที่ปลายวัน-
เหนี่ยวรอบฉันทารส..ให้ทดลอง
O ราวโค้งรุ้งพุ่งลงที่ตรงหน้า
เพื่อ-ไขว่คว้า..ใฝ่เฝ้า..เป็นเจ้าของ
รอเพียงแววตอบรับการจับจอง
โลกทั้งผองย่อมวาง..ให้ย่างเท้า
O หล่นลงแล้วดาวร่วงจากสรวงสูง
มาจับจูงภาพฝันจากวันเก่า
มีดวงใจสั่นรัว..กับยั่วเย้า-
จากรูปเงาในตาเบื้องหน้านั้น
O หล่นลงแล้วดาวสรวง..สองดวงที่-
รำบัดสีฉาบทรวง..ทุกช่วงสั่น
เยื่อใยเอย คลี่สายเมื่อปลายวัน
ม้วนรัดขวัญโอบแล้ว..ผ่านแววตา
O ยิ้มรับแววชม้อยชม้ายเมียง
ทั้งความเอียงอายล้อมละม่อมหน้า
นวลแก้มอิ่มเนียนนั้น..เพียงหันมา-
ก็ตรึงล่ามปรารถนา..แววตา-คอย
O จันทร์ทรงเพ็ญแสงวาม..ในท่ามกลาง-
หยาดเพชรวางบทแล้ว..อย่างแผ่วค่อย
ระลอกความอ่อนหวานก็ผ่านรอย-
พาหัวใจเฝ้าคอย..ชม้อยชม้าย
O โอ งามหรือจะลามทั้งสามโลก
เข้าแทรกโศกอาดูร..จนสูญหาย
พักตร์ละม่อม..เสน่หา..แววตาชาย-
หรืออาจคลายโอบรัด..เอาตัดรอน ?
O หล่นลงแล้วดาวช่วง..สองดวงนั่น
พร้อมแววสั่นวาบสู่..เกินรู้ซ่อน
หล่นลงบนทีท่า..ความอาวรณ์-
ของหัวใจสั่นคลอน..เกินถอนตัว
O หล่นลงแล้วเรื่อรุ้ง..จากคุ้งฟ้า
ลงต่อตั้งปรารถนากลางฟ้าหลัว
งามไหนหนอพะนอขวัญ..ให้สั่นรัว-
แล้วหยอกยั่วจับวาง..ลงกลางใจ !



Create Date : 11 สิงหาคม 2558
Last Update : 12 เมษายน 2566 18:43:03 น. 0 comments
Counter : 3796 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.