O มีเจ้า .. O
Giovanni Marradi - And I You
O บริบทงดงาม .. แห่งยามเช้า- ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ ศรัทธาชนในธรรม ราวร่ำรอ- การเติมต่อ .. แต่งหวังอยู่ทั้งเป็น O ฝ่าแสงยามตรู่สาง .. ท่านย่างเหยียบ- ยอธรรมเทียบทุกข์สรรพ .. ช่วยดับเข็ญ เพื่อหัวใจปรุงปองได้ผ่องเพ็ญ ข่มสร้อยโศกหลีกเว้น .. บีบเค้นใจ O ผ่านแสงตรู่ยามเช้า .. กลิ่นข้าวหอม ย่อมอบอวลอยู่พร้อม .. การน้อมไหว้ ฝ่าแสงเงาตรู่สาง .. เหยียบย่างไป ล่มโศกไข้ทุกข์เขลา .. ให้เบาบาง O บริบทยามเช้า ตรู่เช้านั่น ก่อน-ค่อยผันผ่านเลย .. ก็เผยร่าง- เรียวรูปผู้เยาว์วัย .. อยู่ในทาง เหมือนคอยขวาง .. ฝากรูป .. โลมลูบใจ O นิ้วเรียวรูปเคลื่อนขยับ .. หยิบจับลง- ใส่บาตรสงฆ์ .. จากรูป .. สู่รูป .. ให้- ห้วงจิตรู้รมยา .. เกินกว่าใคร- อาจพรากสุขแจ่มใส .. จากนัยน์ตา ! O บริบทยามเช้า ตรู่เช้านั่น กอปร-รูปนาม .. เบญจขันธ์ .. กลางพรรษา สบ .. สัมผัส .. เป็นเหตุ .. ดลเวทนา จวบ-ตัณหา .. อุปาทาน .. ละลานล้อม ! O ตั้งขึ้นเป็น .. ภพ .. ชาติ - แรงปรารถนา โดยแววตาพริ้มพรับ .. คอย-ขับกล่อม ที่เหมือนทั้งเจตจินต์ .. คล้ายยินยอม- เข้าแนบน้อม .. มธุรส เป็นบทเดียว ! O หลังกรุ่นหอมกลิ่นข้าว .. ตรู่เช้านั่น มีดวงขวัญตื่นตอบ .. การลอบเหลียว พร้อมดวงใจปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว- ที่-ใครเหนี่ยวโน้มวางลงกลางมือ ! O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อน .. รอ .. ก้าว หาก-ตาวาว-วามอยู่ .. อาจรู้หรือ ? ว่า-ทุกการเคลื่อนขยับ .. พริ้มพรับ-คือ- แรงยุดยื้อไขว่คว้า .. อีก-อารมณ์ ! O แถบแพรขาวบางนุ่ม .. ห่มคลุมไหล่ เสียบแซมกลีบช่อไม้ที่ปลายผม สังวาลย์เพชรวางสาย .. ให้หมายชม- หรือ-เพื่อข่มขับมืด .. ให้จืดจาง ? O ดู-ข้าทาสหญิงชาย .. ที่รายล้อม- แสนนอบน้อม .. นั่ง, ลุก และทุกย่าง- ที่-คอ, หลัง .. ค้อมรับ-หยิบ .. จับ .. วาง- ข้าวของกลางแวดล้อม .. อยู่พร้อมเพรียง O ในท่ามกลางสายตา, รูปหน้านั้น- ค่อยค่อยสั่นโยกใจ .. จนให้เสียง รูปนามแห่งยามเช้าทอดเงาเคียง- การร้อยเรียงธรรมบทลงจดใจ O ในคาบยามบรรจบ .. แห่งภพชาติ- เหมือนเพรงวาสน์พาดช่วงเกินหน่วงไหว จับจูงเอา .. อิริยา .. รูปหน้าใคร- จำหลักไว้ตรึงมั่น .. ลงสัญญา O แล้วรูปนามพริ้มเพราแห่งเช้าวัน ค่อยค่อยผันรูปกลับ .. จนลับหน้า แวบเดียว .. ที่เหลือบคล้ายจะชายตา- ปรารถนาก็ช่วงในห้วงใจชาย O สวยปีกผีเสื้อบินกลางถิ่นทุ่ง ขณะรุ้งทินกรเริ่มชอนฉาย ลมเช้าพลิ้วแผ่วร่ำ .. ล้อมรำบาย แตะร่องรอยความหมายขึ้นว่าย-วน O แดดใสแผ่นฟ้าคราม .. ในยามนี้ เหลื่อมแสงสีอบอุ่นแทนฝุ่นฝน เมฆขาวแทนมืดดำฟ้าคำรน วิหคบนแทนวิชชุที่คุไฟ O งามเงื่อนหางยูงฟ้าในป่าแดด ทอดลงแวดล้อมอยู่ .. จนรู้ได้- ว่า .. อ่อนหวานโลมทั่วทั้งหัวใจ- ด้วยรูปใคร .. เผยองค์ขึ้นบงการ O ระยับแดดเหลื่อมแล้วที่แววขน พร้อมตาคนวาบแล้วด้วยแววหวาน ที่ช่วงใจเต้นรับอยู่นับนาน จนสุดหาญฝ่าบ่วงให้ล่วงพ้น O งามปีกผีเสื้อลาย .. ระบายป่า กระหยับทาทิวเถื่อนอยู่เกลื่อนกล่น ปีกแห่งรักพลิ้วพรายลอยว่ายวน ด้วยหัวใจดิ้นรน .. คิดวนเวียน O โลมแดดอุ่นแอบลมไว้ข่มรื่น เมื่อใจตื่นนิรมิตเกินปลิด .. เปลี่ยน จำหลักรอยแฝงฝาก .. ให้พากเพียร- ว่า-เนื้อเนียนกลิ่นร่ำ .. คือ-จำนง ! O สวยปีกผีเสื้อลาย .. พลิ้วพราย .. ร่อน เมื่ออาวรณ์พิสวาดิด้วยชาติหงส์- ค่อยหลอมรวมหวานหอม .. รอน้อมลง- จบ .. บรรจง .. เสพรับชั่วกัปกัลป์
Create Date : 21 สิงหาคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 11 เมษายน 2566 8:15:47 น. |
Counter : 3094 Pageviews. |
|
|
|
" O หลังกรุ่นหอมกลิ่นข้าว .. ตรู่เช้านั่น
มีดวงขวัญตื่นตอบ .. การลอบเหลียว
พร้อมดวงใจปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว-
ที่-ใครเหนี่ยวโน้มวางลงกลางมือ ! "
สาวไทยน่ะหอมกลิ่น แป้งกระแจะจันทร์ นะ
ส่วนมินตราน่ะหอมกลิ่นแป้ง baby johnson
สาวของสดายุนี่ มีแต่.. "กรุ่นหอมกลิ่นข้าว .."