Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O








ลมเอย



O ปฏิพัทธ์แห่งชายเมื่อบ่ายโบก
ผ่านลมโลกแล่นระลอกพร่ำบอกศรี
จะเปรียบหวานละลานค่าด้วยมาลี
เหมือนหลู่ค่าราศีให้มีรอย !
O ด้วยว่าหอมหวานมวลแห่งมาลี
จะต้องเกณฑ์ราคี .. บัดพลีถ้อย
ถ้วนคันธารสพะยอม .. แม้-น้อมคอย
ฤๅเปรียบหอมละม่อมน้อย .. รูปรอยเดียว ?
O รอเถิด .. รูปแพงน้อย .. รอคอยรับ-
การปรุงศัพท์ปรับพากย์ .. อันกรากเชี่ยว-
ด้วยอาวรณ์รำบาย .. เพื่อคลายเกลียว-
รัดทุกเสี้ยวใจขวัญ .. หมาย-พันธนา !
O รอเถิด.. รูปแพงเจ้า .. จงเฝ้าคอย
เพื่อแววตาปริบปรอย .. ละห้อยหา-
ได้ผ่านเผยภาพประทับ .. ไว้กับตา
ร่วมรับรู้ปรารถนา .. ในอารมณ์
O รอเถิดรูปแพงเจ้า .. จง-เจ้ารู้
เมื่อแรงชู้หลอมหลั่งเข้าสั่งสม
ก็ด้วยการ-ชี้ชัดจากหัตถ์พรหม-
ผูกเป็นปมเงื่อนตาย .. สุดคลายคลอน !
O เหมือน-หยุดยืนเคว้งคว้างในทางน้อย
ท่ามกลางหมอกล่องลอยดั่งคอยอ้อน
ทางทอดรอ .. มุ่งหมาย .. สู่ปลายจร
รอก้าวย่างแรมรอน .. อย่างท้าทาย
O ไร้ดื่นดาวแสงระยิบจากลิบโพ้น
เพียงแสงวันอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย
ลมเช้าโชยพรมพรำ .. ช่วยรำบาย-
ความมืดหม่นให้สลายคลี่คลายตัว
O หล่นร่วงรูปใบบางในทางเที่ยว
ความเปล่าเปลี่ยวเย็นเยือกก็เกลือกกลั้ว
ลมโชยผ่านใบนั้น .. ย่อมสั่นรัว-
จนหลุดขั้วร่วงคว้างลงกลางแดน
O ลมแผ่วผ่านโลมลูบ .. ใบวูบหล่น
ให้แดดบนฟ้าห้อมดุจอ้อมแขน
เพื่อหน่ออ่อนเขียวสด .. งอกทดแทน-
ความขาดแคลนชุ่มชื้น .. บนพื้นดิน
O เจ้า-ดั่งลมหนาวร่ำพรมพรำโลก
มาลบโศกถ้วนสรรพให้ดับสิ้น
เพื่อเห่กล่อมปถวี .. ปวงชีวิน-
และยอดตฤณที่ใต้ร่มใบบัง
O เห่เสียงกล่อมเหนื่อยล้าให้ลาลับ
แลร่วมขับขานถ้อยให้คอยหวัง
วาดวีบทวังเวงเป็นเพลงดัง
ต่อกำลังก้าวย่างสู่ทางจร
O โบกบ่ายความสดชื่นความรื่นรมย์
ผ่านสายลมพลอดพร่ำ .. แทนคำอ้อน
เผย"ความนัย"อ่อนเจ้า .. ช่างเว้าวอน-
ทั้งแสนอ่อนโยนเหลือทุกเนื้อความ
O วัลย์เลื้อยเถารัดล้อมราวอ้อมกอด-
สองแขนสอดรัดทรวง .. ว่าหวงห้าม
ลมแผ่วพลิ้วโลมลูบ, หวัง-รูปงาม-
จักวาบหวามในอก .. สะทกสะท้อน
O ลมแรกเช้าเฉื่อยโชย .. ค่อยโรยล้อม-
ดอกแก้วบานพรั่งพร้อมกลิ่นหอมอ่อน
ใบไม้ร่วงพลิ้ววางในต่างตอน
เมื่อทางจรทอดยาว .. รอก้าวไป
O โอ .. นั่นรูปเรียวก้อยเจ้าคอยยื่น-
มาร่วมขืนขัดร้อยเกี่ยวก้อยให้-
ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง .. ต้องร้างไกล
เหลือสดใสทอดช่วง .. ที่ดวงตา
O ยิ้มรับสายลมอ่อน, ความอ่อนโยน-
ก็ถ่ายโอนรุมล้อมอยู่พร้อมหน้า
เจ้าเอยที่ตรึงมั่นในสัญญา
รู้เถิดว่าเกินถอน .. แล้วอ่อนน้อย
O ลมผ่านวูบ .. ใบบางก็คว้างหล่น
ทิ้งรูปกล่นเกลื่อนแล้วอย่างแผ่วค่อย
เห็นเพียงความกรอบเกรียม ..นั้นเปี่ยมรอย
ที่จักคล้อยเคลื่อนลับ .. ไปกับกาล
O เห็นรูปเรียวเสียดยอดขึ้นพลอดแสง
แทรกทิ่มแทงโลกธาตุอย่างอาจหาญ
ใจที่คอยพิศเพ่งก็เบ่งบาน-
บนรูปคราญอ่อนน้อย .. ทุกรอยใจ
O ริ้วแห่งลมโลมภู่ให้รู้หอม
จนรายล้อมรู้หวานทุกหวานได้
แววอ่อนหวานวาบสู่ .. ถึงผู้ใด
จึงสั่นไหวทุกหอมเคยหอมล้ำ
O ก้อยเรียวพร้อมแววประหวั่นเจ้า
ย่อมรุมเร้าใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ร่วมเกี่ยวร้อยก้อยเรียวร่วมเหนี่ยวกรรม
ให้โลกร่ำลือนาม .. เช่นยามเพรง
O ที่เคยหยุดเคว้งคว้างในทางน้อย
กลับมีก้อยเกี่ยวฉุดให้รุดเร่ง
เคยอ่อนล้าสิ้นหวัง .. กลางวังเวง
กลับมีเพ่งพิศอยู่ .. คอยคู่เคียง
O แดดเช้า .. ลมชื่น .. ใจตื่นช่วง
แว่วยินท่วงทำนองพร่ำพร้องเสียง
จากแมกไม้พุ่มกอ หรือพอเพียง-
แทนสำเนียงอาวรณ์ถึงอ่อนน้อย
O ลมผ่านสายใบบางยังคว้างร่วง
ผ่านทุกช่วงยามโลกอย่างโศกสร้อย
ก้อยยังเกี่ยวก้อยย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย
ใดจะลอยหลุดร่วงไม่ห่วงเลย
O ลมเห่กล่อม, ดอกแดดทอแวดล้อม
คืออุ่นอ้อมแขน-อ้อนเถิด .. อ่อนเอ๋ย
โลมดอกแดดอบอุ่นให้คุ้นเคย-
ก่อนชิดเชยอกอุ่น .. ที่หมุนรอ !



Create Date : 08 กันยายน 2556
Last Update : 5 พฤษภาคม 2566 21:19:13 น. 6 comments
Counter : 3843 Pageviews.

 

ดายุ..

"O ที่เคยหยุดเคว้งคว้างในทางน้อย
กลับมีก้อยเกี่ยวฉุดให้รุดเร่ง
เคยอ่อนล้าสิ้นหวัง .. กลางวังเวง
กลับมีเพ่งพิศอยู่ .. คอยคู่เคียง"

ตอนนี้ ก็ไม่"เคว้งคว้างในทางน้อย"แล้วซิคะ..
น่าจะเปิดเพลง "พี่คอยน้องคอยต่างคนต่างคอยแต่บุญเราน้อยนักหนา.."ซิ


โดย: บุษบามินตรา IP: 80.132.225.117 วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:12:28:35 น.  

 
มินตรา ..

บริบทที่เขียนบางครั้งก็เป็นภาพในภวังคจิต
มิได้ตรงตามความจริงเสมอไป .. แต่เป็นภาพที่"ปรารถนา"อันค่อนข้างเป็นภาวะแห่งนามธรรม ที่ยากจะพบเจอในชีวิตจริง

บางครั้งภาวะนามธรรมอาจใกล้เคียงอยู่ในบางด้าน แต่รูปธรรมกลับมิใช่โดยสิ้นเชิง ..

หากเอาหน้าตาแบบในภาพที่เลื่อนอยู่ด้านบน .. ใส่ลงบนรูปกายที่บรรยายใน"สายธารกาลเวลาภาคอวสาน" นั่นจึงจะตรงกับภาพในภวังคจิต

ความงดงามของรูปหน้าสตรีที่ลงตัว .. เป็นเรื่องที่ยากต่อการต่อต้านมาตั้งแต่ ..

.. เฮเลนแห่งทรอย
.. คลีโอพัสตรา
.. ซิมเปี๊ยะกุน แห่งซาเซียวเอี้ย
.. นาคมัลลิกา แห่ง ปฐพีเพลิง

โน่นแล้ว .. จึงต้องมานั่งบรรยายผ่านกลอนอยู่นี่ไง 555


โดย: สดายุ... วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:22:02:16 น.  

 

ดายุ..
".. แต่เป็นภาพที่"ปรารถนา"อันค่อนข้างเป็นภาวะแห่งนามธรรม ที่ยากจะพบเจอในชีวิตจริง..."


O รอเถิด .. รูปแพงน้อย .. รอคอยรับ-
การปรุงศัพท์ปรับพากย์ .. อันกรากเชี่ยว-
ด้วยอาวรณ์รำบาย .. เพื่อคลายเกลียว-
รัดทุกเสี้ยวใจขวัญ .. หมาย-พันธนา !

หากนี่คือ"ปรารถนา"...อาจจะมี"รูปแพงน้อย" ผู้ที่ถูก
"รัดทุกเสี้ยวใจขวัญ .." ถูก"-พันธนา !"
แล้วก็ได้นะ... มินตราว่า
และน่าจะไม่ยากที่จะพบเจอในชีวิตจริง...

"Where there's a will, there's a way"







โดย: บุษบามินตรา IP: 80.132.225.117 วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:22:51:40 น.  

 


ดายุ..
ทราบใช่ไหมคะว่า แอนน์ ฮัททาเวย์
Anne Hathaway (1555/56 – 6 August 1623)เป็นภรรยาของ เชคสเปียร์ William Shakespeare (26 April 1564–23 April 1616)กวีอังกฤษ...

แล้วใครใครก็ปิดกันให้แซ่ดว่า เชคสเปียร์ น่ะ "เกรงใจเมีย"มาก..จนคนอังกฤษล้อกันว่า
ที่ไหนที่มีเชคสเปียร์ ตรงนั้นล่ะที่แอนน์มีช่องทางเสมอ
Where's the Wil(liam) Anne Hathaway !

ล้อ
"Where there's a will, there's a way" เล่น..555



โดย: บุษบามินตรา IP: 80.132.225.117 วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:23:12:06 น.  

 
มินตรา ..

ไม่ยากหรอกทีจะพบเจอ .. อยู่ที่ว่าจะคิดเหมือนกันหรือเปล่าเท่านั้น ..

หากคิดเอาเองข้างเดียวแล้วเขาไม่คิดด้วยก็ไม่มีประโยชน์(แห่งเรา) .. 555


โดย: สดายุ... วันที่: 11 กันยายน 2556 เวลา:5:11:23 น.  

 

อ๊ะ..
Anne Hathaway ! 555


โดย: บุษบามินตรา IP: 80.129.251.116 วันที่: 11 กันยายน 2556 เวลา:6:49:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.