|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
O จันทร์เพ็ญรูป .. O

อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้
O และแล้วความเยียบเย็นก็เร้นหาย หลังอุ่นอายทิวากาลได้ผ่าน .. เผย ความมืดหม่นทั้งปวง .. ย่อมล่วงเลย ให้ชิดเชยระยับช่วง .. แห่งดวงวัน O กรุ่นกลิ่นช่อกุสุมาแห่งป่าฝน จึงเหมือนปรนเปรอหอมเข้าล้อมขวัญ ให้เสพรสปรีดิ์เปรม .. แห่งเขมพรรณ จนงามนั้นทอทาบลงฉาบทรวง O ค่อยค่อยเผยภาพพิจิตรให้พิศเพ่ง ค่อยค่อยเปล่งรอบรุจีราศีสรวง โอนงดงามเข้าประดัง .. ใจทั้งดวง ก็สุดใจจะแล้วล่วง .. พ้นห่วงใย O รับรู้ถึงจินตภาพที่ทาบทับ ผ่านแววเนตรงามระยับ .. เจ้าขับไข เอื้อรูปรอยความคิดห้วงจิตใจ คอยบ่มไล้ความสะคราญอยู่นานวัน O แต่เผยรูปเผยรอยมาคอยล้อม ก็ถึงพร้อมแช่มชื่นทั้งตื่นฝัน ปีกผึ้งภู่เร่งรุด .. ล้อมบุษบัน เฉกเช่นนั้นหวานหอม .. รายล้อมใจ O เกสรหอมโกสุมเร้ารุมภู่ เมื่อแรงชู้โหมผ่านเกินต้านไหว หลังมองเห็นต้นเหตุ .. แห่งเลศนัย- หวานล้ำใครพร่างแพร้ว .. ที่แววตา O เริ่มต้นแล้วคาบยาม .. แห่งความละห้อย เมื่อเนตรใครเฝ้าแต่คอยชะม้อยหา โลมลูบใจล้อมขวัญคอยบัญชา ปรารถนาห่วงเห็น .. อยู่เช่นนั้น O แต่นี้ลมคงร่ำ .. เสียงคร่ำครวญ พร้อมทั้งส่วนเสี้ยวใจ .. ที่ไหวหวั่น เสียงนกร้องก้องป่าพนาวัลย์ เช่นใจสั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย O คอยเถิด..ความห่วงหา .. ความอาวรณ์ จักแทรกซ้อนรุมรัดเกินปัดหาย เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น ที่จะกั้นกีดไว้ .. อย่าได้หวัง ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น ประโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้าค่ำคืน จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย จักรุมว่ายวนใจ .. พาไหวสั่น ย่อมรายล้อมความคำ .. ถ้อยรำพัน- มากล่อมขวัญสุมทรวง .. ด้วยห่วงใย O จักละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง ยามเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้ โอบร่างไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา จะชวนชี้ดาวสวรรค์ .. ชมจันทรา กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ O ถึงต่างฟ้าทางไกลจนไพศาล จนต่างกาล .. ดวงจิตกลับชิดใกล้ ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย จะทอดให้ก้าวย่าง .. มากลางทรวง O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง จะเลยล่วงลับใจอย่างไรกัน O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น ครั้นห่างเห็น .. คร่ำครวญแต่นวลขวัญ เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์ ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง มาทักทายอยู่ล้อ .. จนพอเพียง ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางฟ้า ลมวูบฝ่าค่ำแล้วอย่างแผ่วค่อย เมื่อเยียบเย็นเริดร้างจืดจางรอย จากแววเนตรใครชม้อย .. เฝ้าคอยชะม้าย !
Create Date : 12 เมษายน 2558 |
Last Update : 13 เมษายน 2566 12:57:32 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3455 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: จันทร์เจ้า IP: 223.24.173.66 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:18:13:33 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:8:56:09 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์เจ้า IP: 223.24.152.23 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:8:04:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]

|
|
|
|
|
|
|
|