Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
O จันทร์เพ็ญรูป .. O








อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้



O และแล้วความเยียบเย็นก็เร้นหาย
หลังอุ่นอายทิวากาลได้ผ่าน .. เผย
ความมืดหม่นทั้งปวง .. ย่อมล่วงเลย
ให้ชิดเชยระยับช่วง .. แห่งดวงวัน
O กรุ่นกลิ่นช่อกุสุมาแห่งป่าฝน
จึงเหมือนปรนเปรอหอมเข้าล้อมขวัญ
ให้เสพรสปรีดิ์เปรม .. แห่งเขมพรรณ
จนงามนั้นทอทาบลงฉาบทรวง
O ค่อยค่อยเผยภาพพิจิตรให้พิศเพ่ง
ค่อยค่อยเปล่งรอบรุจีราศีสรวง
โอนงดงามเข้าประดัง .. ใจทั้งดวง
ก็สุดใจจะแล้วล่วง .. พ้นห่วงใย
O รับรู้ถึงจินตภาพที่ทาบทับ
ผ่านแววเนตรงามระยับ .. เจ้าขับไข
เอื้อรูปรอยความคิดห้วงจิตใจ
คอยบ่มไล้ความสะคราญอยู่นานวัน
O แต่เผยรูปเผยรอยมาคอยล้อม
ก็ถึงพร้อมแช่มชื่นทั้งตื่นฝัน
ปีกผึ้งภู่เร่งรุด .. ล้อมบุษบัน
เฉกเช่นนั้นหวานหอม .. รายล้อมใจ
O เกสรหอมโกสุมเร้ารุมภู่
เมื่อแรงชู้โหมผ่านเกินต้านไหว
หลังมองเห็นต้นเหตุ .. แห่งเลศนัย-
หวานล้ำใครพร่างแพร้ว .. ที่แววตา
O เริ่มต้นแล้วคาบยาม .. แห่งความละห้อย
เมื่อเนตรใครเฝ้าแต่คอยชะม้อยหา
โลมลูบใจล้อมขวัญคอยบัญชา
ปรารถนาห่วงเห็น .. อยู่เช่นนั้น
O แต่นี้ลมคงร่ำ .. เสียงคร่ำครวญ
พร้อมทั้งส่วนเสี้ยวใจ .. ที่ไหวหวั่น
เสียงนกร้องก้องป่าพนาวัลย์
เช่นใจสั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
O คอยเถิด..ความห่วงหา .. ความอาวรณ์
จักแทรกซ้อนรุมรัดเกินปัดหาย
เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย
ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง
O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น
ที่จะกั้นกีดไว้ .. อย่าได้หวัง
ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง
ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน
O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา
จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น
ประโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้าค่ำคืน
จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น
O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย
จักรุมว่ายวนใจ .. พาไหวสั่น
ย่อมรายล้อมความคำ .. ถ้อยรำพัน-
มากล่อมขวัญสุมทรวง .. ด้วยห่วงใย
O จักละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง
ยามเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว
เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร
ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา
O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้
โอบร่างไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา
จะชวนชี้ดาวสวรรค์ .. ชมจันทรา
กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ
O ถึงต่างฟ้าทางไกลจนไพศาล
จนต่างกาล .. ดวงจิตกลับชิดใกล้
ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย
จะทอดให้ก้าวย่าง .. มากลางทรวง
O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า
ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง
ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง
จะเลยล่วงลับใจอย่างไรกัน
O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น
ครั้นห่างเห็น .. คร่ำครวญแต่นวลขวัญ
เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์
ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง
O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง
จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง
มาทักทายอยู่ล้อ .. จนพอเพียง
ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย
O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางฟ้า
ลมวูบฝ่าค่ำแล้วอย่างแผ่วค่อย
เมื่อเยียบเย็นเริดร้างจืดจางรอย
จากแววเนตรใครชม้อย .. เฝ้าคอยชะม้าย !



Create Date : 12 เมษายน 2558
Last Update : 13 เมษายน 2566 12:57:32 น. 3 comments
Counter : 3455 Pageviews.

 
วันอังคาร พระจันทร์สวยมาก


โดย: จันทร์เจ้า IP: 223.24.173.66 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:18:13:33 น.  

 


ถ่ายมาวางหน่อยสิ


โดย: สดายุ... วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:8:56:09 น.  

 
ดูจากของจริงสวยกว่า


โดย: จันทร์เจ้า IP: 223.24.152.23 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:8:04:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.