Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มกราคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
23 มกราคม 2557
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
Maksim - Somewhere in Time
-1-
O ดูเถิดรูปเอวองค์ .. ที่ตรงหน้า
งามหนักหนา .. เกินการณ์จะต้านไหว
ราวสัญญาเก่าสร้างแต่ปางใด
ประทับให้ .. รูปลักษณ์จำหลักทรวง
O เมื่อหัตถ์พรหมวางภพ .. บรรจบใหม่
สบรูปแล้ว .. อาลัย .. นั้นใหญ่หลวง-
แตะตื่นรอบบุญบาป .. ลงทาบทวง
ผูกเป็นบ่วงพิสมัย .. อยู่ในยาม
O วัฏฏะวง .. สงสารเริ่มผ่านรอบ
เมื่อใจนอบน้อมทราบ .. รสวาบหวาม
ที่รายล้อมโลมรุกเข้าคุกคาม
คอยฉุดล่ามความคิด .. ห้วงจิตใจ
O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น
ราวเย้ยยั่วไหวหวั่น .. จนสั่นไหว
อกคนเบื้องหน้านี้ .. จะมีใด-
เอากีดกั้นหลบได้ .. จากนัยน์ตา
O ดูเหมือนจะสายเกิน .. การเมินหลบ
รูปเพรงภพหยัดหยั่ง .. เหมือนสั่งว่า-
จักเผื่อแผ่อ่อนหวาน .. ให้ผ่านมา-
ก่อระลอกเสน่หาอีกคราครั้ง
O วับวามแวว-เนตรนั้น .. เมื่อสั่นไหว
ราวจะผ่านความนัย .. จากใจสั่ง
เข้าล้อมให้แววตาละล้าละลัง
ด้วยสุดยั้งระลอกคลื่นในผืนทรวง
O ระลอกความอาลัย .. ดวงใจหนึ่ง
ที่ตราตรึงรูปแก้ว .. ไม่แล้วล่วง
ราวหัตถ์พรหมเหนี่ยวนำ .. เพราะคำบวง-
นั้นเริ่มช่วงกำลังเข้าสั่งการ
O ดูเถิด .. รูปแก้มอิ่ม .. รอยยิ้มเจ้า
จะคล้อยผ่านรูปเงา .. รุมเผาผลาญ-
อกใจผู้ปรารมภ์ให้ซมซาน
ทรมานทรมาด้วยอาวรณ์
O จะรับรู้บ้างไหม .. ว่าใจหนึ่ง-
จมคำนึงเวียนว่ายเกินถ่ายถอน
ความอ่อนโยนอ่อนหวาน .. เหมือนผ่านวอน-
เข้าออดอ้อน .. เร้ารัวทั้งตัวตน
O ดูเถิดรูปเอวองค์ .. ที่ตรงหน้า
จะฝืนฝ่า-งามประดัง .. สักครั้งหน-
เหมือนอ่อนล้าแรงสิ้น .. เกินดิ้นรน
ด้วยยอมตนยอมตัว .. สิ้นหัวใจ
O จำหลักรูปลงทรวงให้ห่วงหา
ปรารถนาบีบคั้น .. จนหวั่นไหว
รับรู้การพังทะลาย .. จากภายใน
พร้อมศัพท์เสียงอาลัย .. แว่วให้ยิน
O สุดรอคอยค่อยเห็นว่าเป็นเจ้า
กี่ภพกาลผ่านเล่าที่เฝ้าถวิล
เหมือนม่านหม่นหมองโศกเริ่มโบกบิน-
เคลื่อนสู่จินตนาการแห่งวานวัน
O ก่อนแต่สองภพชาติบำราศรอย
มีคำถ้อยบำบวง .. ล้อมดวงขวัญ
ท่องวัฏฏะเกิดดับกี่กัปกัลป์
จักผูกพันธนาอยู่ .. ไม่รู้วาง
O รอคอยจะพบกันในวันหน้า
เมื่อคุณค่าพ้องกัน .. กินกั้นขวาง
รสประณีตความร้อย .. ในรอยทาง
ก็มอบวางชักนำ .. เหยียบย่ำรอย
-2-
O แต่สิ้นชาติวาสนาชะตาคู่
เพียงรับรู้เปลี่ยวเปล่า .. และเศร้าสร้อย
แสงชีวันทอดทอ .. เพียงรอคอย
บรรจบด้วยขวัญน้อย .. ทุกรอยใจ
O แม้นเพรงกรรมเชี่ยวกราก .. จำพรากภพ
จักเกลื่อนกลบแรงถวิล .. ฤๅสิ้นได้
สัญญาตรึงลงทรวง .. ถ้วนปวงนัย-
ร่างมอดไหม้กี่ครั้ง .. ก็ยังคง
O เที่ยวท่องล่องฟากฝั่ง .. วัฏฏ์สังสาร
ล้วนหอมหวานเร้ารุม .. ให้ลุ่มหลง
กี่รอบร่าง, ดวงจิต-ถึงปลิดปลง
จึงเสริมส่งหลุดพ้น .. ด้วยตนเอง
O จากอุบัติ .. ตั้งอยู่ .. จนรู้รส
ตราบเบิกบทเร้ารุมเข้ากุมเหง
จำเริญการหยอกยั่ว .. ไม่กลัวเกรง
การรุดเร่งอารมณ์ .. อันสมยอม
O กำซาบรสรมย์แสนย์ .. อันแหนหวง-
ทอดทับทรวงสั่นสะท้านด้วยหวานหอม
โอนอบอุ่นซาบซ้ำ .. ให้ด่ำดอม
ด้วยอารมณ์รอบล้อม .. อยู่พร้อมแล้ว
O มาเถิดเจ้า .. อกอ้อมรอน้อมอิง
จงผ่อนพิงหัวใจอันไหว .. แผ่ว
รั้งรอฤๅเนตรปลาบ .. จงวาบแวว
ให้รู้แนวสืบสม .. อารมณ์นั้น
O พบเจอแล้วจำพราก .. ซ้ำซากนัก
ยังคงถูกกุมกัก .. เกินหักบั่น
คล้ายหัวใจตอบรับข้ามกัปกัลป์
เย้ยโทษทัณฑ์ทรมา .. ด้วย-อาลัย
O กี่วงเวียนสงสารผันผ่านล่วง
ยังคล้องบ่วงรัดรึง .. มาถึงได้
กี่ช่วงภพชาติดับ .. เลือนลับไป
ยังอยู่ในสัญญาไม่ล้าเลือน
O มีคนพร้อมหัวใจ .. แม้นไหวหวั่น-
หากดวงขวัญ .. ยิ่งใหญ่ยากใครเหมือน
มีมาดมั่นในจิต .. เกินบิดเบือน
เพื่อแล่นเลื่อนเสน่หา .. สัญญาใจ
O เพื่อคอยเตือนดวงจิต .. สัมฤทธิ์รู้
ว่าเพียงผู้เดียวนั้นที่ฝันใฝ่
บรรจบรูปแล้วยากเกินพรากไป
ตราบบรรลัยชีพม้วยลงด้วยกรรม
O เหมือนรอบบุญแรงบาปได้สาปส่ง
ตรึงจำนงคงอยู่ให้รู้สัม-
ผัส .. อ่อนหวานน้อมแนบ .. ที่แอบอำ-
ลงตอกย้ำอาลัยด้วยใครนั้น
O คล้ายติดตามมาทวง .. บำบวงพากย์
ก่อนพลัดพรากเลือนลับ .. แตกดับขันธ์
จึงเผยรูปรอยโจทก์ .. ชี้โทษทัณฑ์
ผูกรัดพันชีพเชื้อด้วยเยื่อใย
O ถวิลรูป .. ฤๅเว้น-อยากเห็นหน้า
ละห้อยหาอาวรณ์ .. เกินผ่อนไหว
หรือบาปกรรมเคยสร้างแต่ปางใด
รุมเร้าใจตรึงมั่น .. แต่สัญญา
O แม้นรอบกรรมวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก
จะเจือโศกเคล้าคลุกไปทุกหน้า
คงยอมรับชะตากรรม .. ให้นำพา
ล่องลอยฝ่าอาวรณ์ .. อย่าผ่อนเลย
O หวังสบโทษทัณฑ์มี .. เท่าที่สร้าง
พากย์เอ่ยอ้างเคยมี .. จักคลี่เผย
เพื่อความอ่อนหวานละมุนอันคุ้นเคย-
จะรอให้ชิดเชยอย่างเคยมี
O ฤๅรับบุญร่วมบาตรแต่ชาติก่อน
จึงสุดผ่อนเพลาค่ารูปราศี
แรกบรรจบหัวใจจึงไหววี
พ้องความวาบหวามที่เคยมีมา
O คงตักบาตรร่วมขันแต่วันก่อน
ดาลถ้วนคำบวงอ้อนกลับย้อนหา
จำหลักความมุ่งมั่นลงสัญญา
เพื่อตรึงตราแต่ในน้ำใจเดียว
O จักรอคอยละห้อยเห็นอยู่เช่นนี้
รอ-ท่าทีแววตา .. ละล้าเหลียว
รอ-ดวงใจปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว
เมื่อเจ้าเหนี่ยวเด็ดวางลง-กลางใจ
-3-
O รอคอยตราบ .. พบกันในวันนี้
ก็วันที่รูปฝัน .. พร้อมฝันใฝ่-
บรรจบหวานผ่านเจือ .. สู่เนื้อใจ
ร่วมอาลัยผูกพันตามสัญญา
O รอคอยตราบ .. พบกันในวันนี้
ในวันที่หวานละมุนและคุณค่า-
ได้เติบตนผ่องผาย .. สบสายตา
เจ้าเอย .. รู้ไหมว่า .. ใครอาวรณ์ ?
Create Date : 23 มกราคม 2557
Last Update : 1 พฤษภาคม 2566 21:03:38 น.
14 comments
Counter : 3390 Pageviews.
Share
Tweet
ดายุ..
"O จะรับรู้บ้างไหม .. ว่าใจหนึ่ง-
จมคำนึงเวียนว่ายเกินถ่ายถอน
ความอ่อนโยนอ่อนหวาน .. เหมือนผ่านวอน-
เข้าออดอ้อน .. เร้ารัวทั้งตัวตน "
จองค่ะ
จองกุหลาบสีชมพู หอมนุ่มนวลละมุนละมัย ที่อยู่ในภาพประกอบ..
กุหลาบชื่อQueen Elizabeth Rose
มินตรามีนะ มีที่สวนในวิลล่าเพราะเป็นกุหลาบที่ปลูกได้นานตั้งแต่ฤดูร้อน ไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง..เกือบเข้าฤดูหนาวทีเดียว..
เป็นกุหลาบที่เพาะพันธุ์ใหม่ในปี1954 โดยนักเพาะพันธุ์กุหลาบชาวอเมริกัน ชื่อWalter E. Lammerts (1904-1996)
ดายุนี่ นอกจากจะละมุนละมัยในการเลือกคำ ยังละเอียดละออในการเลือกภาพที่จะนำมาประกอบด้วย..ฉะนั้นไม่สงสัยเลยว่า ทำไมจึงละเอียดละออในการเลือก นางอันเป็นที่รัก..
โดย: บุษบามินตรา IP: 88.74.70.14 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:14:02:31 น.
มินตรา ..
วิลล่า ที่ว่า ไปเที่ยวได้ไหม ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:14:24:56 น.
ดายุ...
"O มาเถิดเจ้า .. อกอ้อมรอน้อมอิง
จงผ่อนพิงหัวใจอันไหว .. แผ่ว
รั้งรอฤๅเนตรปลาบ .. จงวาบแวว
ให้รู้แนวสืบสม .. อารมณ์นั้น"
Europa-Rosarium (12.5 hectares)ที่ปลูกกุหลาบไว้เป็นหลายพันชนิดและนักวิชาการท่านว่าใหญ่ที่สุดในโลก คือ Rosarium Sangerhausen, เมืองSangerhausen,แคว้น Saxony-Anhalt, Germany
โดย: บุษบามินตรา IP: 88.74.70.14 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:15:55:42 น.
ตกลงนี่พูดถึงสวนสาธารณะ หรือ บ้านตัวเองนะนี่
ชักงง 55
โดย: สดายุ IP: 171.100.146.55 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:22:39:31 น.
สดายุ..
เวลาใช้คำว่าวิลล่าน่ะ หมายถึงบ้านตนเองที่อาศัยอยู่..ซึ่งปลูกกุหลาบไว้ประดับบ้านพอชื่นตาชื่นใจ..
นึกว่าสนใจเรื่องดอกกุหลาบและต้องการมาศึกษาก็เลยแนะแหล่งที่น่าสนใจให้รับทราบ..น่ะ.
".O พบเจอแล้วจำพราก .. ซ้ำซากนัก
ยังคงถูกกุมกัก .. เกินหักบั่น
คล้ายหัวใจตอบรับข้ามกัปกัลป์
เย้ยโทษทัณฑ์ทรมา .. ด้วย-อาลัย"!!
โดย: บุษบามินตรา IP: 88.74.70.14 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:22:57:27 น.
หวานจับใจคะพี่กาย
โดย: ขวัญ (
toyor
) วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:1:39:54 น.
มินตรา ..
อ้อ วิลล่า คือบ้านมีที่ปลูกกุหลาบก็ต้องมีบริเวณแบบบ้านเดี่ยวในเมืองไทยสินะ .. ที่นี่ใช่ไหมที่ว่าอยู่ใกล้ เบอร์ลิน
ดอกกุหลาบก็สวยดีอยู่หรอก .. แต่ปกติผู้ชายไม่ค่อยสนใจดอกไม้สักเท่าไร .. หากมีแบบนี้อยู่ตรงหน้า ..
O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น
ราวเย้ยยั่วไหวหวั่น .. จนสั่นไหว
อกคนเบื้องหน้านี้ .. จะมีใด-
เอากีดกั้นหลบได้ .. จากนัยน์ตา
ขวัญ ..
ไม่แวะมาบล็อคนี้นับนาน ..
บทนี้เอามา re-run เพราะอยากเปลี่ยนรูปเปลี่ยนเพลงค่ะ
ขวัญสบายดีนะ
หวังว่าคุณพ่อยังคงแข็งแรงดีนะคะ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:5:25:07 น.
ดายุ...
" เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น"
น่าจะมาจาก..
"O .......
ตราบเบิกบทเร้ารุมเข้ากุมเหง
จำเริญการหยอกยั่ว .. ไม่กลัวเกรง
การรุดเร่งอารมณ์ .. อันสมยอม"
กระมังคะ
คนไทยจะใช้คำว่า เจ้าชู้!ใช่ไหมเอ่ย..555
โดย: บุษบามินตรา IP: 82.82.191.111 วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:14:49:28 น.
สดายุ..
คนสองคนจะคุยกันรู้เรื่องไหมนี่.
อยู่กันคนละครึ่งฟ้า...คนหนึ่งสนใจเรื่องดอกไม้หอมหอม จะอวดว่า ชั้นเก่งปลูกกุหลาบเป็น อีกคนก็ ชั้นเก่งมีความรู้ความสามารถทางภาษาระดับที่สาวสาวเคลิ้ม
เพิ่งไปสังเกตุอ่านกระทู้..ชื่อว่าO พรหมลิขิต .. ?
แต่คนอ่านเซ่อซ่าไป นั่งหอมกลิ่นกุหลาบ บนความงามของการเลือกสรรคำแสนจะไพเราะอ่อนหวานมาร้อยเรียงจนละมุนละมัย ไปทั้งบทกลอน..
การใส่เครื่องหมายคำถามหลัง..พรหมลิขิต น่าจะมีมาด้วยประการละฉะนี้แล..555.
โดย: บุษบามินตรา IP: 82.82.191.77 วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:19:48:54 น.
มินตรา ..
อาการพึงใจที่หญิงสาวมีต่อชายหนุ่มอย่างออกนอกหน้าจนบุคคลที่สามสามารถมองเห็นสัมผัสได้นั้น ผมมองเป็นความสวยงามแห่งวัยนะ
อาจไม่ค่อยเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ ที่มองอาการ "เก็บกด" กิริยา อารมณ์ของผู้หญิงว่างาม !
แม้แต่ควีนอลิซาเบธคนปัจจุบันยังแสดงความปฏิพัทธต่อเจ้าชายฟิลลิปก่อนครั้งแรกพบในวัยสาวน้อย
ชอบวิถีตะวันตกแบบนี้ รวมทั้งวิถีแบบละตินอเมริกาแถบ โคลอมเบีย เวเนซูเอล่า ปานามา แถวนั้น 55
ธรรมชาติให้อารมณ์ ความรู้สึก ของวัยเจริญพันธุ์มาเท่าเทียมกันทั้งสองเพศ .. การแสดงออกก็ย่อมเป็นกระบวนการทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ..
วัฒนธรรมที่ยกย่องการเก็บกดทางอารมณ์จึงเป็นความเสแสร้งอย่างหนึ่งที่ฝืนกฎธรรมชาตินะ ผมว่า
เคยไปอยู่ แฟรงเฟิร์ต กับ สตอร์คโฮล์ม อย่างละเดือน
สรุปว่า ชอบกว่า กรุงเทพ !
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:23:44:56 น.
แน่ะ พี่ท่าน..
ไฉนจึงเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ ประดุจเล่นงูกินหาง...เล่นรวบรัดจัดความแบบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเลยที่จะ "กินกลางตลอดตัว" เค้าตั้งคำถามว่า.."กินหัว หรือ กินหาง"เท่านั้นนะ..
เป็นราชประเพณีนะที่สตรีในราชวงศ์ต้องเอ่ยปาก"แจ้งความ"ให้ชายที่ตน"ติดตาต้องใจ"รับทราบ.. มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่า ฝ่ายชายจะ"บังอาจ"ไป
ควีนวิคทอเรีย(1819 1901)ก็ทรง"แจ้งความ"ให้เจ้าชายอัลแบร์ทแห่งซักเซนโคบวร์ก ทรงทราบแถมยัง"ทรงหวาน"ชนิดที่เขียนพระราชสาส์นทุกวันถวายเจ้าชาย จนระบบการไปรษณีย์สมัยยุควิคทอเรีย รวดเร็วมาก..555
สมัยที่ยังมีรถม้า..นะคะ
อ้อ ชอบเมืองในยุโรปนี่เอง...นึกว่าจะโปรดสาวไทยในยุโรปซะอีกแน่ะ...รอดตัวไป 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 82.82.191.77 วันที่: 26 มกราคม 2557 เวลา:5:22:24 น.
มินตรา
ในความเป็นฝรั่งนั้น ..
คนเอเชียไม่ว่าจะไปอาศัยอยู่ด้วยนานเท่าใด อย่างไรก็ไม่เหมือน นี่พูดถึงวิถีแห่งกิริยามารยาทอันกอปรขึ้นเป็นจริตทั้งปวง ..
แม้แต่ไปเกิดที่เมืองฝรั่งแต่หากแวดล้อมด้วยพ่อแม่เอเชียแล้วก็จะยังเหลือความเป็นเอเชียอยู่ดี
ความเป็นไทยที่ชอบมีเพียงประการเดียวที่ฝรั่งไม่มี คือ "ความออดอ้อน" .. อันนี้เจอเมื่อไรไปไม่เป็น 555
ผมว่าสาวสวีดิช ช่วงขายาวเพรียว ผมทองตาสีฟ้า นี่มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะเวลาเดินก้าวฉับๆ เคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วยนี่ ..
55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:6:37:03 น.
ดายุ.
"O ดูเหมือนจะสายเกิน .. การเมินหลบ
รูปเพรงภพหยัดหยั่ง .. เหมือนสั่งว่า-
จักเผื่อแผ่อ่อนหวาน .. ให้ผ่านมา-
ก่อระลอกเสน่หาอีกคราครั้ง "
"ความออดอ้อน"ของ ดายุ น่ะ...ที่บ้านเรียกว่า ออเซาะ.. นี่สาวไทยจะโดนฝึกมาแต่อ้อนแต่ออกให้ใช้วิธีออเซาะ แทนที่จะใช้วิธีขู่เข็ญ เพื่อจะได้อะไรมา..
แต่ในขณะเดียวกัน..สาวไทยก็จะโดนฝึกอบรมมามิให้ "หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชาย"..มิฉะนั้น ผู้ชายจะไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพเรา...
(แต่ท่านมิได้สอนว่า..ห้ามหอบเครดิตคาร์ด หนีตาม..)555
O พรหมลิขิต .. ? O 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.12.206.136 วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:16:27:07 น.
มินตรา ..
ที่จริงการแสดงออกในวาระต่างอย่างออกนอกหน้า สังเกตุให้ดีจะเกิดในเพศหญิงมากกว่าชาย
ความคลั่งไคล้ฮีโร นักกีฬา ศิลปินแขนงต่างๆ รวมทั้งในเวทีคอนเสิร์ต จะเป็นหญิงที่ "ลั่นเจี๊ยวจ๊าว" มากกว่าชายชัดเจนมาก 555
เพียงแต่ธรรมชาติสร้างจิตใจชายให้มองด้วยความ "เอ็นดู" มากกว่า "หมั่นไส้" เป็นส่วนใหญ่ .. นี่หมายถึงชายจริงหญิงแท้นา
ส่วน Mr.Female ไม่นับนะ
.
.
และหญิงใดยอม "หอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชาย" นั้น ส่วนตัวผมต้องนับถือผู้ชายนั้นว่า นายแน่มาก .. 55
มีสองสามเหตุผล พอจะวิเคราะห์ได้
.. รักมาก .. ความเป็นหญิงมีมาก (อารมณ์เหนือเหตุผล)
.. ต้องการสร้างครอบครัวใหม่ที่ดีกว่าเก่า .. กรณีเด็กขาดความอบอุ่น
โดย:
สดายุ...
วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:7:02:31 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ดายุ..
"O จะรับรู้บ้างไหม .. ว่าใจหนึ่ง-
จมคำนึงเวียนว่ายเกินถ่ายถอน
ความอ่อนโยนอ่อนหวาน .. เหมือนผ่านวอน-
เข้าออดอ้อน .. เร้ารัวทั้งตัวตน "
จองค่ะ
จองกุหลาบสีชมพู หอมนุ่มนวลละมุนละมัย ที่อยู่ในภาพประกอบ..
กุหลาบชื่อQueen Elizabeth Rose
มินตรามีนะ มีที่สวนในวิลล่าเพราะเป็นกุหลาบที่ปลูกได้นานตั้งแต่ฤดูร้อน ไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง..เกือบเข้าฤดูหนาวทีเดียว..
เป็นกุหลาบที่เพาะพันธุ์ใหม่ในปี1954 โดยนักเพาะพันธุ์กุหลาบชาวอเมริกัน ชื่อWalter E. Lammerts (1904-1996)
ดายุนี่ นอกจากจะละมุนละมัยในการเลือกคำ ยังละเอียดละออในการเลือกภาพที่จะนำมาประกอบด้วย..ฉะนั้นไม่สงสัยเลยว่า ทำไมจึงละเอียดละออในการเลือก นางอันเป็นที่รัก..