Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
7 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O








ลาวคำหอม (บรรเลง) OST สี่แผ่นดิน




-1-
O ใฝ่เฝ้ามานับนาน .. จนกาลล่วง
ใจทั้งดวงยังละห้อยแต่คอยเห็น
ผ่านคนแล้วคนเล่า .. ทุกเช้าเย็น
ยากแอบเร้นแนบชิด .. ห้วงจิตใจ
O เมื่อไร้ความคู่ควร .. เพียงส่วนเสี้ยว
ยอม-แม้เปลี่ยวเปล่าคู่ .. ก็อยู่ได้
ฟ้าเอย-จงรับรู้และดูไป
รำพันไว้-จักเป็นดั่งเช่นนั้น

-2-
O วัยฝันที่ .. ผ่านลับเกินกลับย้อน-
กลับสุมซ่อนความนัย, แสนไหวหวั่น
เก็บกักกุมสุมอยู่ไม่รู้วัน
ตรึงดวงขวัญมุ่งหมายสุดคลายคลอน
O ไม่เคยนึกเคยฝันจะพลันพบ-
ร่องรอยฝันจะตระหลบ, จากหลบซ่อน
แต่งคุณค่าแนบทรวงทุกช่วงตอน
จนรุมร้อนใจเร้า-แต่เฝ้าคอย
O สะทกสะท้อนหวั่นไหว, ของใจหนึ่ง-
ที่แทรกซึ้ง-แทนเหงา, เงียบ, เศร้าสร้อย
งามจึงเริ่มเบ่งบาน-และหวานพลอย-
เร่งร่องรอยอาวรณ์ .. เข้าซ้อนใจ
O เช่น-พฤกษาต้องฝนที่หล่นล่าง
ช้อยกลีบบางรอรับ-ลำดับไหล
ร่วมฉ่ำชื่นฟุ้งฟ่องละอองไอ
จึงหวั่นไหว-มองเห็น .. เฉกเช่นนั้น
O เช่นระลอกอ่อนโยน .. ที่โผนผก-
เข้าแนบ-อก, แนบใจพาไหวสั่น
จนแนบจิตปักปลูกความผูกพัน
งามก็มั่น .. มุ่งหมาย .. สุดคลายงาม
O โอนอบอุ่นหนุนยั่ว .. ทุกชั่วคาบ
ผ่านอ่อนหวานไหววาบเข้าหยาบหยาม
ซ้ำซ้ำรอยเร้ารุก .. เข้าคุกคาม
อุ่นก็ข้ามเค้นใจ .. เค้นให้ยอม-
O -รับรหัสอ่อนหวานที่ซ่านสู่
ไหวเวียนอยู่ฤๅสิ้น .. ราวกลิ่นหอม-
คันธารสประทิ่นสู่ให้รู้ดอม
จะห่างห้อมหลอมหลั่ง .. สุดยั้งคิด
O อบอุ่นอึงอลอยู่บนขวัญ
กระชั้นลามล่วงทั้งดวงจิต
โอ้ใจ .. เอ๋ยใจ .. แต่ได้ชิด
จะมีสิทธิ์คิดหวัง .. สุดหยั่งรู้
O รู้แต่ฟากฟ้าใส .. เมื่อใจล่อง
เข้าตระกองอ่อนหวานเผยผ่านสู่
รู้แต่เมฆขาวฟ่อง .. เมื่อมองดู-
พร้อมแรงชู้เลาะเลี้ยว .. ทุกเสี้ยวใจ
O จะขัดขืนต่อต้าน .. อ่อนหวานนี้
ก็สุดที่สุดทางจะขวาง-ไหว
โหมระลอกซ้ำซ้ำอยู่ร่ำไป
ระลอกความอาลัย .. ให้ว่าย-วน

-3-
O จากร่องรอยภาพฝันในวันเก่า
เป็นรูปเงาโลมรุกไปทุกหน
โอบขวัญ .. มอบละมุนอบอุ่นจน-
สับสนอลวนอลเวง
O ใครนะ .. แห่ห้อมคอยกล่อมเกล้า
ปลดเงียบเหงาเร้ารุม .. เคยกุมเหง
อ้อมแขนมักโอบตัว .. ป้องกลัวเกรง
ตามักเพ่งปกป้อง .. สี่ห้องใจ
O ใครนะ .. ช่างสำคัญในวันนี้
ก็วันที่ .. ภาพฝันเคยสั่นไหว-
ค่อยค่อยชัดแจ่มแจ้ง .. หยุดแกว่งไกว
ค่อยค่อยไขภาพจริง .. แอบอิงทรวง
O เมื่องดงาม .. รุมลาม .. เกินห้ามสิทธิ์
จักเอ่อฤทธิ์อ่อนโยน .. ออกโชนช่วง
ดับฤๅสิ้น เมื่อประดังใจทั้งดวง
เหลือแต่หวงแหนไว้ .. แนบใจตน



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 31 พฤษภาคม 2566 8:03:40 น. 2 comments
Counter : 3570 Pageviews.

 


สดายุ.

"O เมื่อไร้ความคู่ควร .. เพียงส่วนเสี้ยว
ยอม-แม้เปลี่ยวเปล่าคู่ .. ก็อยู่ได้
ฟ้าเอย-จงรับรู้และดูไป
รำพันไว้-จักเป็นดั่งเช่นนั้น"

"แม่บอกว่า"...
รูปสมบัตินั้น..มีร่วงมีโรยไปตามกาลเวลา มิยั่งยื่น..สตรีจึงไม่ควรยึดในเรื่องรูปสมบัติ

ทรัพย์สมบัตินั้น.. มีได้ก็หายไปได้.สตรีจึงไม่ควรถือว่ามีรูปเป็นทรัพย์หรือ มีทรัพย์เป็นรูป..

สตรีที่มีสติปัญญาจึงควรจะสะสมคุณสมบัติติดตัวไว้ ตามสติปัญญาที่ตนมีอยู่ จะมิมีใครมาแย่งไปได้และจะไม่ทำให้อับจน เพราะ คุณสมบัติจะนำไปสู่ความเจริญในชีวิต

ชายที่"ไร้ความคู่ควร"สำหรับมินตรา คือชายที่ไม่มี "คุณสมบัติ"ใดใดติดตัวเลย..555




โดย: บุษบามินตรา IP: 94.222.180.190 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:38:02 น.  

 
มินตรา ..

ที่"แม่บอกว่า" นั้นถูกต้องแล้ว .. สวยอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องฉลาด เข้าใจอะไรง่าย แล้วก็มีสามัญสำนึกเป็นเหตุเป็นผลตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างสอดคล้องต้องกัน

รูปของสตรี เป็นความสวยงามที่มีอายุสั้นมาก จากวัยแค่ 16-17 จนถึง 35 เท่านั้น พอเกินไปกว่านี้วัยรุ่นจะเริ่มเรียก "ป้า" คำสรรพนามที่ได้ยินแล้วคงอยากกระทืบคนเรียกให้หายแค้น ! 555

ส่วนผู้ชายจะดูภูมิฐานไปจน 55 โน่น .. ทำให้ยังพอควงสาวน้อยออกงานได้อยู่

ส่วนเรื่องคุณสมบัตินั้น .. ต้องให้มันชัดเจนก่อนว่าคืออะไร หากจะหมายถึงความมีระเบียบ สะอาด ฉลาดในการใช้เงิน อย่างนี้ก็โอเค

แต่หากหมายถึงงานบ้านประเภท ทำกับข้าว กวาด ถู ซักรีด ผมว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไร .. เพราะหากทำงานนอกบ้านได้เงินเดือนเยอะ .. งานในบ้านก็จ้างเอาดีกว่า

ทีนี้เรื่อง สติปัญญา เป็นเรื่องที่วัดยาก
ส่วนมากก็เอาระดับการศึกษา สถาบัน คะแนน (ถ้าคะแนนดีก็ได้เกียรตินิยม อย่างนี้รู้ได้ง่าย)

เอาเป็นว่า คำพูดคำจา พฤคิกรรมในวาระต่างๆมัน make sense หรือไม่ .. หากไม่ ก็พอดูออกได้ว่าน่าจะ ไม่ค่อยฉลาด .. เช่น รัก ศรัทธาใครสักคนที่ไม่เคยเห็นตัว ถึงขนาดออกรับ เป็นเดือดเป็นแค้นเวลามีใครเขาวิพากย์วิจารณ์ อย่างนี้ต้องเชิญป้ายหน้า ด่วน ! - 555




โดย: สดายุ... วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:31:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.