Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O








Giovanni Marradi - Ecstasy



O แว่วยินไหม .. รำพันดวงขวัญเอ๋ย
ฝากให้ .. ลมรำเพยรำพึงผ่าน
ว่า .. ค่ำนี้แสงดาวคงร้าวราน
จาก .. ความหวานโชนช่วงในดวงตา
O จันทร์เอย .. เลื่อนขึ้นฟ้า .. ช้าช้าก่อน
ให้ความวอนเว้าปวง, แรงห่วงหา-
ได้ทอดเสียงกระซิบความ .. ส่งข้ามมา-
กล่อมหัวใจปรารถนา .. ผ่านราตรี
O ชะลอการเลื่อนดวงขึ้นสรวงฟ้า
เพื่อรอแสงในตารูปราศี-
ทอดทอแววสวาทสู่ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า .. ความใยดี - ผู้มีใจ
O เห็นไหม .. แสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ
ทอดฝ่าพลบ .. ฝ่าฝัน .. ถึงกันได้
ฝัน .. ที่รอคาบช่วงแห่งดวงไฟ-
เชื่อมอาลัยผูกพัน .. ลงสัญญา
O หนึ่งหัวใจทะยานสู่ความรู้สึก
ดำดิ่งลึกลอดบ่วงความห่วงหา
เชื่อมอาวรณ์ช่วงฉายผ่านสายตา
ล่มทุกแสงจันทราจนล้าเลือน
O จันทร์เอย .. จันทร์เจ้า .. ช่วยเว้าวอน-
ความออดอ้อนรำบายลงป่ายเปื้อน-
ดวงใจผู้ห่วงละห้อย .. เพื่อคอยเตือน-
ให้ .. ถวิลทุกเขยื้อนขยับใจ
O ดู .. ธารดาวทอ-ดวงบนสรวงสวรรค์
แทนดวงตาทอฝัน .. ที่สั่นไหว-
ด้วยรูปรอยเจ้านั้น .. เช่นจันทร์ไกล-
แต้มรูปต่ายลงไว้ .. ที่ในดวง
O ช่างเนิ่นนานหนักหนา .. แต่ครานั้น
ก่อนรูปฉันทาชาติจะขาดช่วง
นับภาพซึ่งสุมใส่อยู่ในทรวง
ล้วน – รูปพวงดวงพักตร์จำหลักพร้อม
O ค่อยเบือนเหลียวสบลักษณ์ .. รูปพักตร์ล้ำ
มือกุมกำเรียวก้อย .. เอ่ยถ้อยกล่อม
หยาดน้ำตาร่วงตก .. ห้วงอกตรอม-
ก็แวดล้อมกาลลาด้วยอาลัย
O ฝ่าลานทุ่งรุ้งทองลอยล่องถึง
ธารดาวซึ่งทอส่องความผ่องใส
รอบวงกัปหมุนกาล .. ตราบนานไกล-
จนบรรจบรูปใจ .. เช่นในจันทร์
O ยังเป็นจันทร์ดวงเดิมที่เริ่มฉาย-
แสงลงป่ายเปื้อนโลก .. เมื่อโศกศัลย์, -
เสียงคร่ำครวญ-ล่มลาญแต่นานวัน
หลังรูปขวัญเผยกายต่อสายตา
O ยิ่งต่ายแต้มในจันทร์ .. เจ้าขวัญน้อย
เมื่อผ่านเผยรูปรอยมาคอยท่า
ก็สอดรับรูปฝันในสัญญา
เสน่หาในอก .. ฤๅยกพ้น ?
O ลมเยียบเย็นโรยฝ่าขอบฟ้ากว้าง
ในท่ามกลาง ดาวช่วงที่ร่วงหล่น
แรงอาวรณ์เวียนวก .. ในอกคน-
ก็เวียนจนอ่อนแรง .. แล้วแพงน้อย !
O ป่านฉะนี้ร่างนั้นในบรรจถรณ์
จะรุ่มร้อนเย็นเยียบหรือเงียบหงอย
หรือมองดาวไกลลิบตาปริบปรอย
หรือละห้อยห่วงหา .. ทั้งราตรี ?
O จน-นกค่ำส่งเสียงจำเรียงร้อง
แสงจันทร์ส่องฉาบฟ้า .. อวดราศี
ก็รับรู้อาลัยความใยดี-
ผ่านลมวีวาดสายรำบายความ
O แสงพรายประกายพรึกอันลึกลับ
ก็ค่อยพรับพรายดวง .. คล้ายหวงห้าม-
แรงอาวรณ์อาลัยพึงไหลลาม-
ล้อมรูปทรามสวาดิชู้แต่ผู้เดียว
O มวลเมฆดำมืดมนเคยหม่นเศร้า
และเวิ้งฟ้าเงียบเหงาเคยเปล่าเปลี่ยว
กลับเลื่อนรูปจนเห็นเป็นเส้นเกลียว-
ของสายใยพันเหนี่ยว .. รูปเรียวนั้น
O แล้วค่ำก็ถูกกลืนด้วยคลื่นดาว
จนห้วงหาวไกลลิบกระพริบสั่น
แล้วลมก็ร้องร่ำเสียงรำพัน-
เพื่อโอบขวัญอบร่ำ .. ด้วยคำชาย
O เบื้องไกลพู้นเวิ้งว้าง .. ที่กลางหาว
กลาดเกลื่อนดาวลอยดวงขึ้นช่วงฉาย
หลากสีสันท่ามกลางแสงพร่างพราย
ก็เพียงหมายแสงช่วง .. ของดวงเดียว !



Create Date : 02 มิถุนายน 2556
Last Update : 2 กรกฎาคม 2566 10:56:12 น. 4 comments
Counter : 3475 Pageviews.

 
พี่ชาย..

น้ำผึ้งเดือนเจ็ด..ถึงแม้จะไม่ค่อยหวานซักเท่าไรนัก..แต่น้ำผึ้งเดือนเจ็ดก็ยังแฝงด้วย ความชุ่มชื่นและเขียวขจีของฝนแรกที่โปรยปรายนะคะ..

พี่ชายสบายดีนะคะ


โดย: ฟาง IP: 118.172.197.72 วันที่: 5 มิถุนายน 2556 เวลา:20:41:10 น.  

 
น้องฟาง

ปกติน้ำผึ้งเดือนห้า ถึงจะหวานที่สุดเพราะความชื้นในอากาศมีน้อย

ส่วนน้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. แม้จะเริ่มต้นวรรษากาล แต่ถือว่ายังเริ่มฤดู ความหวานของน้ำผึ้งยามนี้ย่อมอยู่ที่อารมณ์คนทานเป็นหลักค่ะ

น้องฟางสบายดีนะคะ






โดย: สดายุ... วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:5:40:10 น.  

 
พีชาย

ฟางสบายดีค่ะ..ส่วนพี่ชายคงสบายดีเช่นกันใช่มั๊ยคะ

ใช่ค่ะพี่ชาย อยู่ที่อารมณ์คนทานอย่างที่พี่ชายว่าแหล่ะค่ะ
บางอารมณ์ชอบหวาน บางอารมณ์ชอบขม
แต่ที่แน่ๆ กาแฟ 1 น้ำผึ้ง 2 สุดยอดค่ะ


โดย: ฟาง IP: 118.172.197.230 วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:22:29:56 น.  

 
น้องฟาง

พี่สบายดีค่ะ ..
ชีวิตคนโสดอาจเงียบเหงาอยู่บ้างแต่ก็มีสิ่งที่สนใจทำอยู่ค่ะ
แล้วน้องเป็นอย่างไรบ้าง .. ยังอยู่ด้วยกันกับผู้อาวุโสหรือเปล่าคะ

เดี๋ยวนี้พี่ชอบทำอะไรทานเองค่ะ


โดย: สดายุ... วันที่: 7 มิถุนายน 2556 เวลา:5:43:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.