Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
O หอมนี้ .. O








Ernesto Cortazar - With you



O ลมผ่าวร้อนพลิ้วผ่านอยู่นานเนิ่น
เมื่อ-ขัดเขินแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-ไหว
ลอบเหลือบมองทุกช่วง .. ก็หน่วงใจ-
จนแกว่งไกว .. สั่นรัวอยู่ทั่วดวง
O ลมตื่นตอนอ้อนเมฆ .. ก็เฉกเช่น-
แววตาตื่นตอบเต้น .. ไม่เว้นช่วง
ชายชำเลืองปริบปรอย เหมือนคอยทวง-
การล้ำล่วง .. กล้ำกรายด้วยสายตา
O แล้วจักษุวิญญาณ .. ก็ผ่านล่วง
ให้ภพชาติพาดช่วง .. บนท่วงท่า-
สบสัมผัสรูปนาม .. แล้วล่ามคา-
แววแฝงเร้นปริศนา .. เบื้องหน้านั้น !
O รูปนามเคยผ่านช่วง .. พลัน-ร่วงป่น-
ร่วงลงบนแววตา วุ่นว้า .. หวั่น
โลกนี้หนอ .. ยองามมาล่ามพัน
ยาก-แล้วขวัญ จะฝ่างาม .. เอาตามใจ !
O ความอ่อนโยน .. อ่อนหวานเมื่อผ่านล้อม
ก็แนบน้อมอารมณ์ .. สุด-ข่มไหว
เผยรูปนามเพียงเพื่อ .. ทอเยื่อใย-
โอบล้อมให้ถวิลอยู่ .. แต่ผู้เดียว
O ดาวจะเลื่อนเดือนจะลับ .. ไม่รับรู้
เมื่อแรงชู้ตื่นตอบ .. ทุกลอบเหลียว-
เผยแววรับปรารมภ์ รอกลมเกลียว
ร่วมโน้มเหนี่ยวคำนึง .. จดถึงกัน !
O เริ่มบทบาทแห่งโลกเข้าโยกตี
ผ่านท่วงที .. แววตา .. เบื้องหน้านั่น
ที่เหมือนทอสายสวาดิลงพาดพัน-
ผูกล่ามขวัญร้อนรุม .. แล้วกุม .. กำ !
O ตรู่เช้า .. ที่เบิกบท .. ความสดชื่น
ฤๅเท่ารื่นล้อมตระหลบ .. ให้อบร่ำ
แววในตาเหลือบชาย .. เหมือนร่ายรำ-
ถ้อยความ .. คำ .. เร่งรุดเข้ายุดยื้อ
O แวววับ .. หวาน .. ชายตอบอีกรอบแล้ว
ใด-อาจหยุดผ่องแผ้วจนแล้ว .. หรือ ?
จิตวิญญาณเปล่าเปลี่ยว .. ใต้เรียวมือ-
หลังสบสื่อ .. ยื้อยุด .. ฤๅ-ฉุดทัน ?
O ม้วนปลายสอดเป็นห่วง .. เป็นบ่วงบาศก์
เอาภพชาติล่ามรอ .. เคล้าคลอขวัญ
งามก็เหมือนสมสร้างแต่ปางบรรพ์
สบ-บัดนั้น .. ละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นวาย ?
O เหมือนยูงยืนอกแอ่น .. รำแพนหาง
ให้รอบข้างรู้งามรู้ความหมาย-
ว่าขาบเขียวเรียวขน .. ที่บนกาย-
จักเฉิดฉายยอโฉม .. บรรโลมใจ
O แต่วกวนพากเพียรเฝ้าเวียนพิศ
รูป .. จริต .. อิริยา .. ฤๅฝ่าไหว ?
เมื่อเฝ้าคอยหยอกยั่ว .. ล้อหัวใจ-
มือย่อมไขว่คว้าอยู่ .. ให้รู้กัน
O หมายปองงามทรามสวาดิในชาตินี้
ด้วยหัวใจดวงที่ .. ไม่มีหวั่น !
ร้างซึ่งความอ่อนไหว .. ดั่งไฟควัน
ย่อมเพียงขวัญพาดช่วงในดวงตา
O ชื่นชมวับวาวแสงดาวลอย
ที่กระพริบพร่างพร้อยขึ้นคอยท่า-
ขณะรูปผ่องแผ้ว .. พร้อมแววตา-
เหมือนลอยรูปคอยท่าให้อาวรณ์
O จนสิ้นแรงทุกคราเมื่อตาพรับ
แววระยับวนว่าย .. ที่คล้ายอ้อน
ออดแววความอ่อนไหว เหมือนไฟฟอน-
เข้ารุมร้อนลนจิตจนติดตาย
O แต่ตาวามวาวพ้องมาต้องกัน
แต่บัดนั้น..ความคำ..ก็รำร่าย
วับวามความสดใส, หัวใจชาย-
ก็ยอมวายวอดแล้ว .. ด้วยแววตา
O เพ่งพิศความผุดผ่องที่ต้องอยู่
ย่อมรับรู้รูปรอยที่คอยหา
เสพรับความหอมหวานแห่งมารยา
ด้วยรู้ว่า .. ล้อมรัด เกินทัดทาน
O แต่เฝ้าชมรูปนาม, ที่หวามไหว-
คือหัวใจเพียบพร้อมด้วยหอม .. หวาน
แล้ว-เรื่องราวร้อยขวัญแห่งวันวาน-
ก็เอ่อซ่านรวมสาย .. ขึ้นว่าย-วน
O ความอ่อนโยน .. อ่อนหวานยังผ่านล้อม
ให้แนบน้อมดื่มด่ำ ..อยู่ซ้ำหน
เผยรูปนามโอบไล้หัวใจคน-
ที่คล้ายอลเวงอยู่ .. ไม่รู้พอ
O ลมผ่าวร้อนหยุดผ่านไปนานเนิ่น
ขณะการณ์ก้ำเกิน .. ดำเนินต่อ
ลอบเหลือบมอง-แก้มอิ่ม .. ตาพริ้มรอ-
แก้มนวลลออ .. แต้มยิ้ม .. ไว้พิม์ใจ !
O รูปเอย .. รอถนอม .. ในอ้อมกอด
ทั้งความ, คำ พร่ำพลอด .. จักออดให้-
ห้วงอารมณ์-เปี่ยมค่าแรงอาลัย
จำหลักหวงแหนไว้ .. สุมใส่ .. ทรวง
O อุ่นจะคอยโอบเอื้อ .. เนียนเนื้อนุ่ม
หอมจักรุมเร้าสู่ไม่รู้ล่วง
หวานจักหลอมรสสั่ง-ใจทั้งดวง-
ร่วมเหนี่ยวหน่วง .. ปฏิพัทธ์ เข้ารัดรึง !
O คอจะรอแขนเรียว .. เข้าเหนี่ยวโอบ
ฆานผู้โลภ-กรุ่นหอม .. จักยอม .. ถึง-
ให้ทุกความดื่มด่ำในคำนึง-
หอมเพียงหนึ่ง-หอมนี้ .. ไม่มีคลาย !



Create Date : 01 พฤษภาคม 2558
Last Update : 12 เมษายน 2566 11:14:37 น. 0 comments
Counter : 4259 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.