|
O ละห้อยหา .. O

Giovanni Marradi - In My Little Corner
O นั่น .. นกฟ้าบินคว้างร่อนกลางหาว เมื่อเดือนดาวลอยดวงขึ้นช่วงฉาย พร่ำพร้องเสียง .. เล่นแสง .. ไม่แฝงกาย ร่อนโล้สายลมร่ำ .. ให้นำทาง O อาจรู้ฤๅ .. ที่มาแหล่งอาศัย ทั้งรูปไพจิตรล้นแห่งขนหาง หวัง .. สักวันปลายปีกเมื่อฉีกกาง- อาจลิ่วคว้างคว้างร่อน .. เกลือกขอนดิน O แหละเมื่อนั้น .. รมยาแห่งหล้าต่ำ- จักร่วมพร่ำพร้องช่วง .. แสงดวงศศิน- ให้ทอทาบเงาวิหค .. ยามผกบิน เพรียกปีติธรณิน ตราบ .. สิ้นวัน O แต่เริ่มเดือนลอยดวงบนสรวงสูง ก็เพรียกฝูงโบกบิน .. ผ่านถิ่นฝัน อย่างแช่มช้าปีกโฉบ .. เข้าโอบจันทร์ พร้อมโอบขวัญอ่อนละมุน .. ให้อุ่นพร้อม ! O เพื่อ-ตฤปรสน้ำค้าง .. กินต่างข้าว ทั้งเหนี่ยวน้าวกลีบมาลย์ .. รสหวานหอม กอปรรูปรอยงามล้ำให้ด่ำดอม เอาห่มห้อมโอบเอื้อเป็นเนื้อเดียว O จากที่ยืนอยู่นี่ .. ถึงที่นั่น ห่างไกลกันเกินกว่าสายตาเหลียว กลับเหมือนได้เกี่ยวร้อยด้วยก้อยเรียว- พาโน้มเหนี่ยวหวานหอมที่ล้อมลน O ขณะคิด .. ถวิลถึงเพียงหนึ่งช่วง จิตก็ห่วงถึงกันนับพันหน ขณะชั่วลมไหว .. หัวใจคน- ก็ดิ้นรนถวิลเห็นไม่เว้นวาย O ภาพแฝงในน้ำค้าง .. เหมือนร่างเงา- อันรุมเร้าใจอยู่ไม่รู้หาย ละม่อมพักตร์เปล่งปลั่ง .. กระทั่งกาย- ราวจะพลอยรำร่ายกลางสายตา O จากที่เฝ้าคิดถึง .. ใครหนึ่งนั้น- โกสุมพรรณโรยหอมเข้าล้อมหา ปีกนกฟ้าโบกไหวอยู่ไปมา แต่เหมือนว่าใจคนยังวนวก O ริ้วลมร่ำโลมลูบ .. จบจูบมาลย์ ฤๅเท่าความหอมหวาน .. ซึ้ง .. ซ่านอก ความออดอ้อนถ้อยกระซิบก็หยิบยก- เอาล้อมปกป้องหวัง .. อีกครั้งแล้ว O ปีกนกกลางลมเอื่อย .. ที่เฉื่อยโชย ก็พลิ้วรูปโบกโบยอย่างโผยแผ่ว นึก-เนตรคมปลั่งปลาบ .. ไหววาบแวว สบ-ย่อมแผ้วผ่องล่วงทั้งดวงมน O ปีกนกล้อลมร่ำ, ถ้อยรำพัน- ก็ล้อฝันปรารถนาอีกคราหน ปีกเบาบางล่องฝ่า .. ฟากฟ้าบน เมื่อใจหนึ่งดิ้นรนอยู่บนยาม O ปีกบางร่อนเรื่อยไปที่ในฟ้า เมื่อแววตาสื่อทราบ .. รอยวาบหวาม คำนึงผู้อ่อนไหว .. ก็ไหลลาม ล่วงเขตดาววับวาม .. อย่างย่ามใจ O ปีกเบาบางกางโบก .. เย้ยโลกต่ำ เมื่อความคร่ำครวญตอนที่อ่อนไหว- เริ่มเย้ยยั่วโลกธรรม .. อยู่ร่ำไป อย่างร่ำไร .. ออดอ้อนเกินผ่อนลง O มีขอบคุ้งโค้งฟ้า .. ค้ำคาขวาง เป็นอยู่พร้อมช่วงห่างด้วยร่างหงส์ ทั้งห้วงเหวลึกล้ำแห่งจำนง เป็นเขตคงคาอยู่ให้รู้ควร O ปีกบางยังโบกบ่ม .. ยั่วลม-ยอ เมื่ออาวรณ์ยั่วล้อ .. ร่ำรอหวน ปีกนกโบก .. โลกภพก็อบอวล ร่วมคร่ำครวญ .. วาระ .. จังหวะเดียว O ปีกเบาบางกางโบก .. ลับโลกแล้ว เมื่อขลุ่ยแว่วทำนองให้มองเหลียว หมายว่ารูปงามแสน .. ทอดแขนเรียว- ร่วมก้อยเกี่ยวร่วมย่าง .. เส้นทางจร O ขณะคิดถวิลเห็นอยู่เช่นนั้น ก็ผูกพันแน่นอยู่ .. เกินรู้ถอน ขณะลมเฉื่อยโชย .. ขลุ่ยโหย .. วอน รอบอาวรณ์ก็เห่โหมอยู่โครมครืน O ขณะคิด .. ถวิลอยู่, ความรู้สึก- จำหลักลึกเกินกว่าจะกล้าฝืน ขณะนั้นคำอ้อนราวย้อนกลืน- กลบทุกแรงขัดขืน .. ใต้ผืนทรวง O สัมผัสความรื่นรมย์แห่งลมร่าย เมื่อจันทร์ฉายรอบพิมล .. จากบนสรวง หมาย-ใครอ่านถ้อยคำ .. พี่บำบวง- แล้วสุดหน่วงเหนี่ยวใจ .. อาลัยรัก !
Create Date : 21 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 15 เมษายน 2566 12:22:39 น. |
|
12 comments
|
Counter : 4270 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 21 ธันวาคม 2555 เวลา:22:01:02 น. |
|
|
|
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.199.106 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:11:54:04 น. |
|
|
|
โดย: วลีลักษณา วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:21:57:02 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:22:16:34 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:23:10:51 น. |
|
|
|
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.196.240 วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:17:55:15 น. |
|
|
|
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.196.240 วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:18:00:37 น. |
|
|
|
โดย: วลีลักษณา วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:19:48:10 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:20:51:17 น. |
|
|
|
โดย: มาย IP: 124.122.149.130 วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:0:37:22 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ... วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:6:10:51 น. |
|
|
|
โดย: มาย IP: 124.120.176.24 วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:11:07:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]

|
|
|
|
|
|
|
|
ทวนไฟฉันท์ ๓๙
O พากย์นี้กรองเฉพาะหมายสยายบทะคะนึง
กระจ่างเพราะจินต์ถวิละถึง - - - ระรึงพร้อม
หวังประดิษฐะความและตามประนอม
แนบฝังประนังน้อม - - - นิทรา
O ให้รับรู้ภวะซึ่งคะนึงสหะสถา-
นภาพกะรอพะนอสภา- - - - วะอารมณ์
เพื่อภวังคะผ่านผสานผสม
ข้องเกี่ยวและเกลียวกลม - - - ประการ
O สำนึกเถิดบทะนั้นจะสรรคะพิสดาร
ประดุจะล่วงณห้วงสถาน - - - พิมานทอง
จังหวะแห่งถวิลฤสิ้นคระลอง
เมื่อนัยพิสัยนอง - - - ประนัง
O แม้นดวงเดียวรพิแผงแสดงพละประดัง
วิโรจนาประภานภัง- - - - คะปลั่งแดง
ช่วงระหว่างเพราะวาระกาละแปลง
ปรับเห็นและเร้นแสง - - - กะโสม
O ดั่งโรจน์แรงสุริยันถวัลยะโพยม
กระอุกกระไอสมัยะโหม - - - ตระโบมหา
ดั่งประจบประจันบุหลันนภา
โลมคลื่นระรื่นถา - - - ผทม
O ตาวันบอกระยะต่างระหว่างภวะปฐม
วิตกะวัตรและทัศน์นิยม - - - ภิรมย์ยล
บอกจะเพียงจะเพื่อจะเอื้อพิมล
รอยห่างระหว่างหน - - - ฤ เห็น
O ห่างเพียงรูปเฉพาะหมายเพราะปลายพิสัยะเร้น
กมละสรรค์อนันตะเป็น - - - จะเช่นปอง
คาบระหว่างประสิทธิ์วิจิตรสนอง
หวังเพียงจะเคียงตรอง - - - ตริตาม
O คาบคำนึงผิวะตรงประสงค์รหัสะความ
ผจงสมัยพิสัยะขาม - - - จะข้ามไข
ร้อยละเมียดละมุนกรุณะใคร
ผ่านวอนเลาะอ่อนไหว - - - ระแวง
O คืนแลวันจะสมานเพราะผ่านรุจะแสดง
ขจัดประภาสพิลาสะแรง - - - ละแหล่งลง
ทัศนาเสมือนตะวันและจันทระทรง
ชั่วกัลป์อนันต์คง - - - ประคอง
O เกรงไร้สิ้นภวะนั้นจะปันบทะสนอง
ประสาทะฤทธิ์ประสิทธิรอง - - - ละอองรมย์
อาจจะหมายวิวัฒน์อุบัติสม
เฝ้าคิดขจิตจม - - - ณ ใจ
O คือ .. น้ำค้างระดะหยาดพิลาสชุติพิไล
สลับสล้าง ณ กลางไผท - - - ไสววาม-
นั้นจะผ่องและผายผกายพิราม
ยอแสงแจรงยาม - - - ณ ยล
O คือ .. น้ำใจระดะหลั่งประดังอุระระคน
ละหยดผิว์สาปะนาบกมล - - - พิมลเหลือ
นั้นก็ผ่องและผายผกายอะเคื้อ
ยอแสงแจรงเชื้อ - - - เผชิญ
O คือ .. สัมพันธ์ขณะแรกก็แทรกบทะประเมิน
สุพจนีวิถีเผอิญ - - - ก็เพลินพร้อง
งามก็พลันสถาปนาคระลอง
ฉาบอุ่นละมุนจอง - - - ณ ใจ
O คือ .. งดงามถิระพร้อมประนอมรหัสะนัย
อุบัติซึ้งคะนึงสมัย - - - กะใครนั้น
หมายละล่องถวิลคละจินตะบรร-
โลมทรวงและหน่วงขวัญ - - - ะตรู
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O ขวัญเอย .. จะเย้ยจะเยาะจะหยัน
เถอะนะ .. ขวัญก็ลองดู
แรงหวานจะซ่านกมละรู้
นยะชู้จะเชื้อเชิญ
O จงต้านและทานกะพิสมัย
ผิวะใกล้จะก้ำเกิน
ป้องไว้นะใจผิวะเผอิญ
จะสะเทิ้นสะท้านไหว
O พากย์นี้พิถีทะลุทะลวง
เฉพาะทรวงและดวงใจ
หมายตรึงระรึงรติพิสัย
ระบุให้ละห้อยหา
O คำถ้อยจะปล่อยนยะประสิท-
ธิประชิดและบัญชา
จักเริ่มกระเหิมพละสถา-
ปนะภาวะอาวรณ์
O หมายพากย์สัมผัสะต้องตระกองจิตะสมร
ประสงคะวางระหว่างนิวรณ์ - - - ฉะอ้อนนั้น
หวังจะพิมพ์เพราะศัพทะขับประพันธ์
กล่อมเกลี้ยงประเดียงขวัญ - - - นะเอย