Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มิถุนายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
14 มิถุนายน 2554
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
Giovanni Marradi - Angelitos Negros
O เผยออกมาสักทีจะดีไหม
ซ่อนเร้นอยู่ทำไม .. หนอ-ใจนั่น ?
เมื่อต่างก็มีใจมอบให้กัน
พร้อมใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. อย่างรู้คอย
O คิดถึง .. ละห้อยเห็นเมื่อเร้นหน้า
กับแววตาว่างเปล่า-แสนเศร้าสร้อย
เพียงภาพเคยจับจอง .. ที่ล่องลอย-
สร้างรูปรอยแล่นเลื่อนขึ้นเตือนใจ
O ไย-ถึงต้องแฝงเร้นอยู่เช่นนั้น
กดข่มความผูกพัน .. ห้าม-สั่นไหว
ก็เมื่อแววในตา .. แสนอาลัย
นึกหรือว่าความนัย .. ปิดได้พ้น ?
O วาบวามความอ่อนหวาน-เมื่อผ่านช่วง
ก็รับรู้แหนหวงที่ร่วงหล่น-
ลงในการร่ายรำ .. แววจำนน-
ที่เอ่อล้นเผยล่วงผ่านดวงตา
O กี่ครั้งแล้วแววตา-เกินกว่าซ่อน
เผลอ-เผยความอาวรณ์ออดอ้อนหา
รับรู้แววอ่อนหวานส่งผ่านมา
ย่อมรู้ว่าเกินคิดจะปิดบัง
O เพียงแววตาฉายทอจะพอหรือ
ว่านั่นคือรูปรอยให้คอยหวัง
แล้วหัวใจเต้นแผ่วจะแว่วดัง-
ให้รับฟังเสียงสั่น .. เอาวันใด ?
O เพียงแววตาฉายทอ .. ไม่พอหรอก
จะพูดบอกความถวิล .. จนสิ้นได้
หากต้องมีพจน์พากย์คอยฝากนัย
จึงอาจรู้อาลัยที่ในทรวง
O ซ่อนเร้นด้วยขัดเขินมาเนิ่นนาน
จน-รับรู้อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านช่วง
โดยพจีงดงาม, ถ้อยความปวง-
ย่อมลามล่วงสู่ใจผู้ใฝ่คอย
O คล้ายเนิ่นนานหนักหนากับท่าที-
แฝงไมตรีปรุงเปรียบ .. อย่างเงียบหงอย
จนความหมายสืบสร้าง .. ไม่พรางรอย-
แล้ว-จึงค่อยนำวาง .. ลงกลางใจ
O เมื่อท่าที, บทบาท-ไม่ขาดช่วง
ย่อมยากล่วงเลือนกัน .. จากกันได้
ด้วยต่างคอยรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
ส่งรับแรงอาลัย .. มีให้กัน
O หยุดเถิด-ความอาวรณ์ที่ซ่อนเร้น
หยุดบีบเค้นหัวใจ, ความใฝ่ฝัน
ด้วยว่าความทรมาน .. จากนานวัน
จักค่อยผันผ่านช่วง .. จนล่วงพ้น
O หยุดเถิด-รอบดวงใจที่ไหวสั่น
ด้วยว่านั่นเป็นช่วงการร่วงหล่น-
ของอาวรณ์อาลัยที่ในตน
อย่างจำนน, รอพร้อม-อุ่นอ้อมทรวง !
O หรือจะให้คำนึงมีถึงกัน
ต้องถูกกั้นกีดชาติจนขาดช่วง
หรือจะให้แรงกรรมเคยบำบวง
ต้องเลือนล่วงสูญเปล่า .. ไม่เข้าที
O ก็แค่เผยความนัย .. ออกให้รู้
เป็นนัยชู้พร้อมสรรพสำหรับที่-
จะใช้เป็นสายใยแห่งไมตรี
โอบรัดชีวิตสองมาพ้องกัน
O คอยเถิด .. วงแขนโลภ .. รอโอบกอด
เมื่อร่างทอดลงทับ-การรับขวัญ
อกอุ่น, แรงปราโมช คือโทษทัณฑ์-
ไว้กักกันอาวรณ์ .. เคย-ซ่อนเร้น !
O หรือจะให้คำนึง .. แม้หนึ่งช่วง-
จังหวะดวงใจคอยละห้อยเห็น-
ต้องแกว่งไกวรอเฝ้า ทั้งเช้าเย็น
เพราะถูกรักซ่อนเร้น .. บีบเค้นเอา ?
Create Date : 14 มิถุนายน 2554
Last Update : 3 เมษายน 2566 18:27:56 น.
18 comments
Counter : 5403 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีค่ะ...
ไพเราะ... ทั้งเพลง ทั้งบทกลอน เพลงนี้ฟังบ่อยๆ ทำไมวันนี้ถึงไพเราะกว่าทุกวันน๊า... เพราะเข้ากับบทกลอนบทนี้ นี่เอง...
แต่งกลอนได้ ตรง กับความรู้สึกของคนหลายๆคนนะคะ เชื่ออย่างนั้น... เหมือนๆกับ เคยอ่านมาแล้วบ้าง จำไม่ได้ค่ะ ว่าบทไหน คุ้นๆ... ^^
คุณเจ้าของบล๊อคเคยพูดว่า "บางคนอ่านแล้วชอบคิดเข้าข้างตัวเอง" ก็กลอนแบบนี้คงไปตรงกับอีกหลายๆคนนี่คะ ให้คิดไปให้ตาย secret ก็คือ secret ค่ะ...
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทกลอน และเพลงที่แสนจะเข้ากัน...
มีความสุขมากๆนะคะ
โดย: secret IP: 216.66.59.184 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:7:53:27 น.
ฟ้ามายิ้มทักทายด้วยไมตรีจิตให้..คุณสดายุค่ะ..
เวลานี้คุณคงสบายใจดีขึ้นมากแล้วใช่ไหมค่ะ?..
คุณสดายุค่ะ..นี่ถ้าฟ้ามีกลอนเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ของฟ้าพิรุณร่ำลอยขึ้นข้างๆแบบคุณบ้างน่าจะดีเนอะ!
แต่ฟ้าก็แต่งกลอนไม่ได้เรื่อง..ทำให้อักษรลอยๆแบบนั้น
ก็ไม่เป็นค่ะ..ได้แต่แอบชื่นชมของคุณด้วยความสุขใจค่ะ แหะๆๆ
คนสวยมักทำอะไรไม่ค่อยเป็น (ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยค่ะ อิๆๆ)
โดย:
พิรุณร่ำ
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:9:28:51 น.
Secret....
สวัสดีครับ...อยู่ไกลอีกคนนะนี่...Milpitas เงียบสงบดีอยู่หรือครับ
กลอนบทนี้เขียนขึ้นจากความรู้สึกคุ้นเคยกับ"จริตแห่งอารมณ์"ของสาวไทยเป็นการเฉพาะเจาะจง...การเก็บอารมณ์ไม่ยอมให้ "คู่กรณีอีกฝ่าย" ได้รับรู้เลยนั้น ..ดูๆจะเป็นลักษณะเด่นของสาวไทย....เข้าใจว่าฝรั่งจะไม่มี ใช่ไหมครับ ?
ความรู้สึกที่เริ่มเกิดขึ้นก่อน...เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาถึง"การตอบสนอง" ของอีกฝ่าย...ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง มันเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก....โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหญิงสาวเป็นคนที่มีสถานภาพดีทั้งการศึกษาและฐานะ...การปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกเชิงเสน่หาจะยิ่งซับซ้อน...ประมาณ ลับ ลวง พราง นั่นทีเดียว....
และจนกว่าความรู้สึกแห่งอารมณ์นั้นจะมีมากจนสามารถ"เอาชนะความเขินอาย" ได้แล้วนั่นแหละ....ดอกพิกุลถึงอาจจะร่วงออกจากปากได้...ใช่ไหม ?
ผมชอบเล่นกับอารมณ์คนอ่านครับ...ยิ้ม
คุณฟ้า....
สวัสดียามสายครับ....
ผมอ่านที่เขียนมาแล้วต้องยิ้มกับตัวเองครับ....ว่าสุภาพสตรีคนนี้ช่างสามารถเจรจาโดยแท้...อิๆๆ
เรื่องกลอนนั้น...ผมไม่คิดว่าคุณฟ้าเขียนไม่ดีแต่อย่างใด....เพียงแต่อาจไม่ค่อยได้เขียนบ่อยนักใช่ไหมครับ...ส่วนเรื่องการทำให้กลอนเลื่อนขึ้นด้านข้างๆนั้น มีโค๊ดสำหรับสั่งให้มันเลื่อนครับ....
< marquee width=400 height=550 direction=up scrollamount=1 >
ข้างบนนี้คือโค๊ดส่วนบนสำหรับให้กลอนเลื่อนขึ้น....ผมเอามาลงนี่ต้องแยกวงเล็บหัวท้ายออกห่าง ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นคำสั่ง....หากคุณฟ้าเอาไปใช้ก็เลื่อนวงเล็บหัวท้ายให้ชิดกันกับโค๊ดนะครับ
< /font >< /marquee >
นี่คือโค๊ดส่วนล่าง เอาปิดท้ายกลอน...แต่หากไม่มีอะไรมาต่อท้ายกลอนก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ...
อย่าลืมเลื่อนวงเล็บมาชิดโค๊ดเสมอนะครับ
ส่วนรูปหากเราต้องการใส่ด้วยก็ต้องลดขนาดลงให้เล็กก่อน...
ทั้งหมดนี่เราต้องไปใส่ใน "แก้ไข Profile ส่วนตัว" เมื่อคุณฟ้าล็อคอินเข้าไปอยู่หน้าจัดการบล็อคแล้ว....และเอาไปใส่ในส่วน "ข้อความแนะนำตัว" ครับ
ในกล่อง"ข้อความแนะนำตัว"...เราใส่รูปได้...ใส่สีอักษรได้...ใส่ความหนาตัวอักษรได้...ตามปกติครับ
คนสวย..ไม่ต้องทำอะไรมากครับ...มาเยี่ยมบล็อคนี้บ่อยๆก็เป็นความกรุณาอย่างสูงแล้ว
ขอบคุณกุหลาบขาวแสนสวย ขอรับ แม่หญิงพิรุณร่ำ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:10:16:48 น.
แย่เลยค่ะ..ต้องวิ่งกลับมาจาก louisiana เพื่อมา Milpitas มาตอบคำถาม ขอโทษด้วยค่ะเพิ่งหยุดพักเอง...
Milpitas คงไม่สงบเท่าประเทศไทย แต่ช่วงนี้ประเทศไทยคงไม่สงบเท่าไรมังคะ?...
คิดว่าอารมณ์ของสาวไทยบางคนไปไกลกว่าสาวฝรั่งแล้ว เท่าที่เห็นนะคะ แต่...ยังมีอยู่บ้างอาจจะอีกมากก็ได้ที่เป็นอย่างที่คุณบอก... ถ้าเธอโตมาแบบ ครอบครัวอบอุ่น ที่ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งหาความรักที่ไหน หรืออีกนัย เธอ อาจจะ กลัว เพราะถ้าคุณบอกว่า..
" หญิงสาวเป็นคนที่มีสถานภาพดีทั้งการศึกษาและฐานะ"
ตรงนี้ค่ะ ที่ทำให้เธอ มองอะไรอย่าง ตรึกตรอง ไม่ใช้อารมณ์ และความรู้สึก เพราะความรู้สึกที่เธอ คิดว่า "อาจจะ" รึเปล่านะ?
อารมณ์เข้าข้างตัวเองแบบนี้ อย่างที่คุณพูดบ่อยๆ ว่า "คนอ่านแล้วคิดเอา" อันนี้อันตรายสำหรับเธอเหล่านั้นค่ะ...
เพราะฉะนั้นแล้ว ทางออกที่ดีของเธอเหล่านั้น คือ นิ่ง ทำเฉยเหมือนไม่รับรู้ แต่...คุณทราบรึเปล่า เพราะอะไร? เพราะเธอไม่ไว้ใจ อารมณ์ของผู้ชายเช่นกันค่ะ...
คุณเชื่อรึเปล่าว่า คุณจะไม่เห็น...
"ความรู้สึกแห่งอารมณ์นั้นจะมีมากจนสามารถ"เอาชนะความเขินอาย" ได้แล้วนั่นแหละ....ดอกพิกุลถึงอาจจะร่วงออกจากปากได้...ใช่ไหม ?"
เพราะเธอเหล่านั้นจะไม่แสดงอะไรออกมาก่อน จนกว่าเธอจะแน่ใจ เพราะเธอเหล่านั้นคงกลัว คนที่ชอบเล่นกับอารมณ์ของหญิงสาวเช่นกันค่ะ... ต่อให้เธอเหล่านั้น เก็บความรู้สึกไว้มากขนาดไหนก็ตามค่ะ...
เพราะฉะนั้น อย่า"เล่น" เลยค่ะเพราะอาจทำให้หลายๆคน "เจ็บหัวใจ" ได้ เป็นบาปนะคะ... ^^
โดย: secret IP: 216.66.59.16 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:13:36:34 น.
แก้คำผิด "คนอ่านแล้วคิดเอา" คือ ** "คนอ่านแล้วคิดเอาเอง"
โดย: secret IP: 216.66.59.16 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:13:40:34 น.
secret...
คุณอาจเข้าใจคำที่ผมเขียนได้ระดับหนึ่งในข้อที่ว่า..."ผมชอบเล่นกับอารมณ์คนอ่าน" แต่เข้าใจไม่ทั้งหมด....
อย่างแรกคือต้องเข้าใจว่า"คนอ่าน"นั้นสำหรับผมแล้ว...มีแค่ร่องรอยการเข้ามาผ่าน pageview เท่านั้นเอง...ร่องรอยลักษณะนี้ไม่สามารถแยกแยะเพศและวัยได้....และบทกลอนที่เขียนทั้งหมดในห้องนารีปราโมช....ย่อมมิใช่เพื่อผู้ชาย...ย่อมมิใช่เพื่อเด็กหญิงที่ยังไม่ถึง 17-18 ย่อมมิใช่ผู้หญิงอายุเกิน 35 แต่อย่างใด....
ดังนั้นหากเราคิดออกมาเป็น % ของความน่าจะเป็นของจำนวน pageview แล้ว...อาจมีน้อยมาก อาจมีไม่ถึง 50% ที่อยู่ในข่าย...นั่นประการหนึ่ง
คนอ่านที่ไม่ปรากฏตัว...ย่อมเหมือนไม่มีตัวตนสำหรับผม...เหมือนบุคคลในที่มืด...ไม่มีการรับรู้ของผู้เขียนว่ามีอยู่...ดังนั้นจึงย่อมมิใช่บุคคลที่จะสื่อถึงผ่านนัยแห่งบทกลอนถึงแต่อย่างใด....ดังนั้น 50% ที่ว่าในประการแรก...อาจเหลือไม่ถึง 20% ในที่สุด...นี่อีกประการหนึ่ง
คนเขียนอยู่ในที่แจ้ง...และคนอ่านที่ไม่ปรากฏตัวย่อมเหมือนอยู่ในที่มืด...และสำหรับในความคิดคนเขียนแล้วย่อมไม่มีอยู่ในการรับรู้...จึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหากเขาจะคิด..จะตีความ..จะตัดสินเนื้อหาเอาโดยพละการ...จริงไหม นี่อีกประการหนึ่ง
และสำหรับประโยคที่ยกมานี้..."ความรู้สึกแห่งอารมณ์นั้นจะมีมากจนสามารถ"เอาชนะความเขินอาย" ได้แล้วนั่นแหละ....ดอกพิกุลถึงอาจจะร่วงออกจากปากได้..."....คุณเชื่อไหมว่าผมเห็นมาแล้ว....ผมเขียนจากสิ่งที่พบเจอ...ไม่ใช่นั่งเทียนเขียน...
ที่จริง"ชื่อบทกลอน"นี้อาจใช้เฉพาะกับหญิงที่มีลักษณะอ่อนโยนอ่อนหวาน โรแมนติกอยู่สักหน่อยเท่านั้น....คงไม่ใช่สำหรับหญิงทุกคน
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:14:42:19 น.
ค่ะ...รับทราบ ว่าเข้าใจผิด...
คิดไว้เหมือนกัน ว่าจะออกมาแบบนี้ค่ะ...
ถ้าได้มาคอมเม้นท์ เพราะความคิดเห็นของเรา จะต่างกัน
180 องศาเลยทีเดียวค่ะ...
มีความสุขมากๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ
โดย: secret IP: 69.22.186.13 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:15:09:00 น.
คุณฟ้า....
พอดีว่าผมเคยเขียนอยู่บทหนึ่งชื่อ..."ฝนพรม..สายลมร่ำ"....บริบทยามฝนคร่ำลมครวญ...จึงเอามามอบตอบแทนความมีน้ำใจความปรารถนาดี...ที่เอาช่อดอกไม้สวยๆมาให้บ่อยๆ...ขอรับ...
O พิรุณร่ำ....O
O งดงามเอย..ช่อฝนเมื่อหล่นสรวง
ท่ามกลางช่วงสายลม..ห้อมห่มเสียง
ฉ่ำชื้นหยาดฝุ่นฝน..ร่วงหล่น-เพียง-
เพื่อบ่ายเบี่ยงรุ่มร้อนให้ทอนแรง
O วูบไหวล้อมรมยา..แววตาเต้น
ด้วยลอบเร้นรูปภาค..ใครฝากแฝง
เมื่อสายตาจบจูบด้วยรูปแพง-
ก็เติมแต่งหอมหวานลงซ่านทรวง
O อีกครั้งที่พรายเม็ด..หยาดเพชรแก้ว-
พรากผ่องแผ้วฟ้าบน..ให้หล่นร่วง
อีกครั้งที่อ่อนไหว..แววในดวง-
ตานั้น-ช่วงรุมเร้า..ความ-เว้าวอน
O วับวามความอ่อนไหว..เลศนัยชู้-
ตื่น-รับรู้พร่ำพลอด..แววออดอ้อน
รื่นหยาดฝนหล่นร่วง, อีกช่วงตอน-
ความอาวรณ์โหมช่วง..ไม่ล่วงแล้ว
O วับวามความหวานหอมที่ล้อมรอ
พร้อมช่วงช่อฝนห่ม..สายลมแผ่ว-
นั้น-เมื่อดาวสองดวง..โชนช่วงแวว-
เผยความแผ้วผ่องช่วง..แห่งดวงใจ
O งดงามความอบอุ่น..กลางฝุ่นฝน
ย่อมงามล้นเลอค่า..ให้อาศัย-
เป็นบ่วงบาศก์ล้อมกาย..เคลื่อนสายใย
ล้อมรัดไว้ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ
O ดวงใจเอย..เผยงามลงล่ามตรึง-
ห้วงคำนึง..รายล้อมด้วยหอมหวาน
ฝ่าทรวงสอดแทรกขวัญเข้าบันดาล-
ความซึ้งซ่านหลั่งหลอมให้ยอมตน
O จะกี่รอบน้ำหลั่งล้นฝั่งฟ้า
กี่ฉ่ำชื่นผ่านมาของห่าฝน
ฤๅเท่ารื่นคำนึงของหนึ่งคน
ที่หลั่งหล่นหล่อหลอมเข้าล้อมใจ
O วางชาติภพรายล้อมละม่อมหน้า
หลังดวงตาสบรูปจนวูบไหว
แววตื่นตอบลอบเร้น..ย่อมเป็นไป-
จากอาลัยอาวรณ์..สุมซ้อนลง
O รู้บ้างไหม..อ่อนหวานเจ้าผ่านสู่
กอปรนัยชู้เร้ารุม..จนลุ่มหลง
รู้ไหมว่า..ลึกล้ำแห่งจำนง-
คือรูปหงส์ทอดร่างอยู่กลางทรวง
O ปองเด็ดดวงดอกฟ้าลงมาหอม
โดยอุ่นอ้อมอกแขน..ความแหนหวง-
คอยอยู่พร้อมวาดหวัง..ใจทั้งดวง-
ก็โชนช่วงอาวรณ์เกินผ่อนคลาย
O งดงามด้วยรูปธรรม..ใครก้ำเกิน
ทั้ง-ขัดเขิน, อ่อนโยน..ที่โชนฉาย
อาจรู้ฤๅด้านในดวงใจชาย-
นั้นรำบายรอยร่าง..อยู่กลางดวง
O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายล้อม
เป็นอยู่พร้อมฝุ่นฝนที่หล่นร่วง
และ-แต่ล้วนพิมพ์ภาพคอยทาบทวง-
ความแหนหวง..ห่วงใยจากใจนั้น
O งดงามรูปนวลลออ..เม็ดช่อฝน-
หลั่งร่วงปรนเปรอให้, ความใฝ่ฝัน-
ละห้อยหา, ถวิลเห็นไม่เว้นวัน-
ผูกปมเงื่อนสัมพันธ์จนมั่นคง
O งดงามรูปนิ่มเนื้อ..นั้นเหลืออ้าง-
เอ่ยช่วงความแตกต่างด้วยร่างหงส์
รูปในฝันหล่นร่างที่กลางวง-
แขนให้เอื้อมโอบองค์..ร่วมวงกรรม
O ผ่านพ้นฤๅอกใจ..ผู้ไขว่คว้า
ท่ามกลางห่าฝนห่ม..สายลมร่ำ
ชั่วเพียงเจ้าเหลือบชม้ายแววร่ายรำ-
เหมือน-จองจำพี่แล้ว..ด้วยแววตา
O ดูเอาเถิด..แหนหวงเมื่อช่วงแวว
ราวผ่องแผ้วดวงกูณฑ์จักสูญค่า-
จากอาวรณ์แฝงฝันเข้าบัญชา-
ล่มลาญว้าเหว่ช่วง..จนล่วงรอย
O ดูเอาเถิด..อกใจผู้ใฝ่หา
ปรารถนารอบชู้..ฤๅรู้ถอย
ความออดอ้อน, เคล้าคลอ..ผู้รอคอย-
ย่อมละห้อยระโหยอยู่..ไม่รู้วัน
O งดงามเอย..ช่อฝนยังหล่นร่วง
เมื่อความหวงแหนชู้โหมสู่ขวัญ
แววอาวรณ์อาลัยของใครกัน-
ช่วงโลมฝันแฝงอยู่ไม่รู้เลือน
O งดงามเอย..รุ้งลออหล่นล้อตา
ล้อมคุณค่าความหมาย..ลงป่ายเปื้อน
พิมพ์รูปรอยรูปจริต..ลงติดเตือน-
เอางามเลื่อนลงล้อมให้ยอมตน
O วูบไหวช่วงรมยา..แววตารู้-
รับนัยชู้อบอุ่นกลางฝุ่นฝน
รู้เถิดว่าหวานหอม..เจ้าล้อมลน-
นั้น-ล้อมจนเกินการต่อต้านแล้ว !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:15:18:04 น.
คุณสดายุค่ะ..
ฟ้าหอบช่อดอกไม้มาขอบคุณ..ที่กรุณาช่วยแนะนำวิธีทำอักษร
เลื่อนและมอบกลอนพิรุณร่ำที่แสนจะไพเราะมาให้นะคะ..
นับว่าเป็นความโชคดีของฟ้าอย่างที่สุด..
ที่ระดับ..บรมครูกลอน..อย่างคุณสดายุ
มารจนาไว้ให้..ขอขอบคุณจากใจฟ้าจริงๆค่ะ
โดย:
พิรุณร่ำ
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:15:50:24 น.
ตามคุณฟ้ามาทักทายค่ะ
กลอนอ่อนหวานมากค่ะ เพลงก็ช่างชวนฝันชอบจัง
โดย:
pranfun
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:16:42:47 น.
สวัสดีครับคุณฟ้า....
กลอนบทนั้นผมเขียนในบริบทที่มีต่อหญิงสาวผู้หนึ่งในกาลเวลาที่ผ่านมาครับออกจะยืดยาวอยู่บ้าง....เดี๋ยวว่าจะลองบทสั้นๆดูบ้างสัก 5-6 บท
เป็นแค่คนเขียนกลอน...ยังไม่คู่ควรต่อคำว่า...บรมครูหรอกครับ
ขอบคุณช่อดอกไม้แสนสวย....ขอรับ
คุณพรานฝัน....
สวัสดี และยินดีต้อนรับครับ....กลอนบทนี้เป็นกลอนบทเก่าที่เอามาปรับใหม่...
ส่วนเพลง...ฌป็นเพลงบรรเลงสากลที่ผมชอบที่สุดครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:17:48:27 น.
สวัสดีค่ะ
...ขอใช้ชื่อนี้เข้ามานะคะ...ชอบความหมายชื่อตัวเองมาก...
เพราะแม่เป็นคนตั้งให้...
.....และอยากจะบอกว่า.....เจ้าของบ้านเป็นครูได้ค่ะ...แต่บรมไหม? ไม่แน่ใจ...
...ส่วนใหญ่เราจะพบว่าคุณครูส่วนใหญ่ ชอบติดคำพูดที่ว่า...จริงไหม...เข้าใจไหม...และนึกภาพออกไหมค่ะ....
...ครูค่ะ...ที่ชอบพูดภาษาแบบนี้.เจ้าของบ้านน่าจะจัดอยู่ในลักษณะประเภท ....ครูนอกระบบโรงเรียนหรือครูที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย นะคะ
โดย: แสงสว่าง IP: 10.24.1.118, 202.28.66.25 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:18:11:39 น.
แสงสว่าง....
ผมเป็นครูที่ดีไม่ได้หรอกครับ...เพราะอารมณ์ไม่เย็นพอ...และถ่ายทอดอะไรก็ไม่ได้เรื่อง
คนเป็นครูได้ดีควรจะมีลักษณะใจเย็นและเข้าใจวิธีการถ่ายทอดความรู้ให้คนได้ในหลากหลายระดับ....และความสามารถทางการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของอาชีพครู...ตรงนี้ผมก็ตกครับ
คุณฟ้า...
บทนี้ผมเขียนตามมุมมองของผมเอง...เพียง 6 บท สำหรับตอบแทนมิตรไมตรี ขอรับ
O พิรุณร่ำ...O
O ละเม็ดคว้าง, คว้างหล่นแตกบนพื้น
พาโลกชื่นฉ่ำละมุนกับฝุ่นฝน
วิชชุลั่นเลื่อนเส้น..แล้วเต้นวน-
เมื่อแผ่นฟ้าเบื้องบน..มืด-อนธกาล
O กระหน่ำเม็ดหล่นคว้าง..ระหว่างเม็ด-
คล้ายสร้อยเพชรหล่นเส้นก่อนเร้นผ่าน
พารื่นเย็นพรมระลอก..เหนือดอกมาลย์
เลื่อนภาพอันตระการ..มาผ่านคอย
O พิรุณ..พิลาปร่ำ..แห่งค่ำนี้
บดบังดวงรัชนี..จนลี้-ถอย
เช่นงามทุกยามเอ่ย..เมื่อเผยรอย-
ยิ่งกว่าสร้อยพิรุณร่ำ..กลางค่ำคืน
O หยาดน้ำฟ้าร่วงหล่น..แล้วพ้นผ่าน
ให้ทุกการพบเห็นได้เย็นรื่น
หาก-น้ำใจล้อมรัดให้หยัดยืน-
อกใจคนย่อมฟื้น..จนคืนตัว
O แสงเดียววาบสว่างที่กลางฝน
ย่อมงามล้นแก่ตากลางฟ้าหลัว
หยาดน้ำใจอบร่ำกลางค่ำมัว
ย่อมงามทั่ว-ต้นสาย..ถึงปลายจร
O พิรุณพิลาปร่ำในค่ำผ่าน
จึงละลานงามตาเกินกว่าซ่อน
คล้ายแว่วเสียงกระซิบเบา..แผ่ว..เว้าวอน-
ว่าทุกตอนที่งาม..ช่างงามนัก !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:20:09:14 น.
สวัสดีรอบที่สองของวันนี้นะคะ
.....ถ้าเป็นบทร้อยแก้ว ภาษาพูด เอฟติดลบ วัดจากการอ่านและคุยกับท่านมานานขึ้นปีที่หก
..แต่ร้อยกรองนี่ ต้องให้เอบวก
ชอบอ่านค่ะ ที่สำคัญเวลามีคนมีเขียนคอมเมนต์ใกนกระดานบอร์ดนี่ล่ะ ไม่ต้องดูละคอนหลังข่าวเลย มีครบทุกรส
มีทั้งนางเอก พระเอก ตัวอิจฉา (กำลังฝึกจินตนาการ..เผื่อจะเขียนบทร้อยกรองเก่งๆบ้างนะค่ะ)
การอ่านคอมเมนต์ที่นี่สนุกดีค่ะ ได้เรียนรู้วิธีคิด ธรรมชาติของคนได้ดี แต่ละคนมีความหลากหลาย..สงสัยต้องทำวิจัยเรื่องนี้ซักที
น่าสนใจ... คงต้องอ่านคนที่...มาคอมเมนต์ในเวปท่านตาแฉะแน่เลย....เอาไว้คิดชื่อเรื่องวิจัยเท่ห์ได้เมื่อไรจะมาบอกนะคะ รับลองว่าจะจะหมวดหมู่ให้เห็นชัดเลยว่า ประเด็นใดที่คนเข้ามาคุยด้วยมากที่สุด มีอารมณ์ และความพึงพอใจในประเด็นใดบ้าง ฯลฯ ดีจัง เดี๋ยวเอาไปให้ลูกศิษย์ทำดีกว่า.......... ท่านใจดี ท่านอนุญาตให้ทำอยูแล้วเนอะ
....ขอขอบคุณคนที่มาคอมเมนต์ในเวปท่านล่วงหน้านะคะ
บ้ายบายคะ
โดย: สวัสดีค่ะ IP: 10.32.1.241, 182.52.160.138 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:22:30:43 น.
...แย่มากเลยพิมพ์ผิดเยอะเลย อ่านแล้วเดาเดาเอาบ้างล่ะกันนะคะ ขี้เกียจแก้คำผิดแล้ว
โดย: จิดา IP: 10.32.1.241, 182.52.160.138 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:22:34:43 น.
ฟ้ามาอรุณสวัสดิ์กับคุณสดายุนะคะ..
ขอบคุณในน้ำใจที่แสนงดงาม..ที่ช่วยทำให้ฟ้ามีกลอนเป็น
เอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างเพราะพริ้ง..
ถ้าลำพังตัวเองแต่งเอง..คงจะหาความงามเช่นนี้ไม่ได้กระมังค่ะ
ระดับเทพแบบคุณนี้..เพียงแค่ตวัดอักษรไปมาก็ร่วงพรูงามระยับ
เหมือนเพชรร่วงแล้วค่ะ..เยี่ยมสุดยอด!ชมจากใจจริงค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับมิตรภาพ...อันอบอุ่นที่ควรค่าแห่งการจดจำ
ไป...ตราบนานเท่านานค่ะ...ฟ้า
โดย:
พิรุณร่ำ
วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:7:00:03 น.
สวัสดีค่ะ
รายละเอียดจะคุยทางเมล์นะคะ....
คิดว่าเป็นวิทยาทาน เพราะที่นี้เป็นพื้นที่สาธารณะ
ใช้นามแฝงกัน ไม่น่าจะเป็นปัญกาอะไร อีกอย่างถ้าเป็นข้อความแบบเจ้าของบ้านมีจิตปฏิพัทธ์กับสาวคนไหน หรือสาวคนไหนมีจิตปฏิพัทธ์กับเจ้าของบ้าน ข้อมูลตรงนี้จะถูกเซ็นเซอร์ค่ะ ไม่ต้องห่วง...
เพราะโดยอาชีพของตัวเองคือสอนคนที่มีอาชีพเป็นครู.....เจ็ดสิบเปอร์เซนต์ เช่นสอนผอ.และบุคลากรในสำนักงานเขตทั้งมัธยมประถม ครูเทศบาล ผอ.และครูโรงเรียน ดังนั้นการใช้ภาษาสื่อสารต่างๆนิสิตที่เป็นครูเหล่านี้ต้องมีความเข้าใจ เเพราะส่วนหนึ่งจะต้องนำไปพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่เป็นเด็กรวมไปถึงวัยรุ่น
......มันเหมือนกับเรากำลังแนะนำเกษตรกรที่กำลังเพาะดอกกล้วยไม้ ถ้าเค้าเพาะได้เก่ง กล้วยไม้จะออกดอกได้เร็ว และมีคุณภาพ ซึ่งการจัดการศึกษาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
โดย: จิดา IP: 10.32.1.241, 182.52.160.138 วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:9:47:12 น.
จิดา...แสงสว่าง....สวัสดีค่ะ....ฯลฯ
ผมแค่พูดให้ฟัง...ไม่ได้สนใจจะเรียนรู้อะไร...คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดทางอื่น....
ความเห็นก็คือความเห็น...มันจะเป็นความรู้ไปไม่ได้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง...ดังนั้นความคิดเห็นต่างๆทั้งหลายของคนเรา...บ้างก็ได้จากประสบการณ์เพียงคนเดียวไม่ใช่ค่าเฉลี่ยที่จะเอามาใช้กับผู้อื่นได้....และผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันนัก...
ความคิดเกิดจากการใคร่ครวญพินิจพิจารณาพฤติกรรมที่ผ่านมาให้รับรู้....แล้วลงเป็นความเห็น...มันเป็นธรรมชาติของพฤติของจิต...เท่านั้นเอง....เป็นสภาพธรรมฝ่ายนามธรรมที่หาใช่สัจจะอะไรไม่....เพียงแต่แวดล้อมเราอยู่เท่านั้น...
คุณฟ้า...
สวัสดีครับ....ก็หวังว่าคุณฟ้าจะชอบกลอนที่ผมเขียนให้....
คนเขียนกลอนไม่มีอะไรจะตอบแทนน้ำใจไมตรีผู้คนดีเท่ากับการเขียนกลอนอันเป็นความถนัดมอบให้....
ผมชอบรูปฝนตกที่คุณฟ้าเอากลอนมาใส่มากเลย....ตัวอักษรแบบเดียวกับด้านบนบล็อคผมก็สวยงามมากเวลาเอามาเขียนบทกลอน....เข้าใจว่าเป็นอักษรภาพใช่ไหมครับ....ผมเองพยายามมาหลายครั้งยังทำไม่เป็นสักที....อิๆๆ
ทำงานให้สนุกและรักษารูปร่างให้ผอมเพรียวตลอดไปนะครับ...
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 มิถุนายน 2554 เวลา:10:07:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สวัสดีค่ะ...
ไพเราะ... ทั้งเพลง ทั้งบทกลอน เพลงนี้ฟังบ่อยๆ ทำไมวันนี้ถึงไพเราะกว่าทุกวันน๊า... เพราะเข้ากับบทกลอนบทนี้ นี่เอง...
แต่งกลอนได้ ตรง กับความรู้สึกของคนหลายๆคนนะคะ เชื่ออย่างนั้น... เหมือนๆกับ เคยอ่านมาแล้วบ้าง จำไม่ได้ค่ะ ว่าบทไหน คุ้นๆ... ^^
คุณเจ้าของบล๊อคเคยพูดว่า "บางคนอ่านแล้วชอบคิดเข้าข้างตัวเอง" ก็กลอนแบบนี้คงไปตรงกับอีกหลายๆคนนี่คะ ให้คิดไปให้ตาย secret ก็คือ secret ค่ะ...
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทกลอน และเพลงที่แสนจะเข้ากัน...
มีความสุขมากๆนะคะ