สดายุ...
Location : กรุงเทพฯ Thailand
Rss Feed
O สิ้นสวาดิ .. OO ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้อย่าได้มีหัวใจอาลัยหาความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชาปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืมO อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอจะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้มก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืมไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้นO เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแขสุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่นคล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวันค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิตโลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไปสุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธาO โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืดให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหาโหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมาคลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวงO มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตรคลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหงผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเองให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตนO นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมายเช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝนฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพนจักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่นเมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถาแค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบายO ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิงที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสายแต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจายย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงทีO เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมีตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !