O เมื่อลมหนาวล่อง .. O

จันทร์ (ขิมบรรเลง)
O ในค่ำคืนมืดหม่น ร้างอำพนแสงห่ม, สายลมแผ่ว- ผ่านอ่อยเอื่อยเฉื่อยโชยค่อยโรยแนว ภาพของแววตาอุทธัจก็รัดพัน O แต่แรกรูปเผยงาม ฤๅ-ห้ามได้ จนทั้งช่วงดวงใจถึงไหวสั่น แล้วค่อยเลื่อนรูปละม่อมเข้าล้อมกัน จึงเหมือนสั่นโยกสิ้นจิตวิญญาณ O สบชม้ายชำเลืองคนเบื้องหน้า เหมือนในตาวาบเงาคอยเผาผลาญ คล้ายรอยยิ้มแฝงรับอยู่นับนาน คลี่รอยหวานบ่มไล้หัวใจคน O ริ้วลมหนาวผ่าวผ่านอยู่นานแล้ว โลมดอกแก้วหอมแรงทั่วแห่งหน อีกหอมยิ่ง .. หอมซึ้งจนอึงอล พาใจวนว่ายหอมไม่ยอมร้าง O ลมเอย .. พลิ้วผ่านตรูให้รู้สึก โอนรำลึกซึ้งสู่อย่ารู้ห่าง กระซิบสื่อความนัยน้ำใจนาง ร่วมสืบสร้างแต่ในน้ำใจเดียว O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว หวังอาวรณ์แฝงเร้นดั่งเช่นเกลียว- ค่อยค่อยเหนี่ยวสองขวัญรัดพันไว้ O หมายเมื่อหอมกลิ่นแก้วสู่แก้วเจ้า จักคอยเร้ารุมขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่ เพื่อลมผ่าววาดวี .. ผู้มีใจ- จะโลมไล้สำทับ .. ให้รับรู้ O ว่า-อิริยารูปละม่อม .. คอยล้อมกัก จะฝ่าหักขวางขวาก .. เห็นยากอยู่ เกิดแต่เมื่อรูปเห็น .. และเอ็นดู สบเพียงครู่ .. หอมหวานก็ผ่านคอย O ในท่ามกลางลมหนาว .. ใจผ่าวร้อน แรงอาวรณ์รุมแล้ว .. แม้นแผ่วค่อย จากแววหวานคลุมเคลือบ ทุกเหลือบปรอย เพรียกละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นวาย O แอบอ้อมกอดลมหนาวมายาวนาน จนสะท้านใจอยู่ไม่รู้หาย ที่หวังให้คลุมครอบอยู่รอบกาย คือรูปหมายให้ละเมียดละไมทรวง O เมื่อถวิล .. มากครันสุดกั้นกีด ทั้งประณีตเกินขับให้ลับล่วง หวานย่อมไหลโลมหลั่ง .. ใจทั้งดวง หอมก็หน่วงอกซ้ำอยู่ค่ำเช้า O หมายดวงใจ .. ผ่องพักตร์เป็นหลักมุ่ง บ่มบำรุงส่วนเสี้ยวเคยเปลี่ยวเปล่า หวังบำราศโศกศัลย์แห่งวันเยาว์ จึงแนบเนาอ่อนหวานแห่งกาลนี้ O กาลที่ความงดงามลุกลามอก จะคอยปกปิดไว้ก็ใช่ที่ จึงเผยเล่ห์เสน่หาผ่านวาที เป็นไมตรีจบจูบ-ใจรูปคราญ O หลังลมหนาวผ่านระลอก .. กรุ่นดอกแก้ว ก็หอมรื่นทั่วแล้วทุกแนวผ่าน พร้อมคาบยามเติมตวงของห้วงกาล เติมหอมหวานเต็มช่วงทุกห้วงใจ !
Create Date : 07 ตุลาคม 2558 |
Last Update : 17 มิถุนายน 2566 21:21:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3756 Pageviews. |
 |
|
|