Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
O เมื่ออุษาสาง .. O








ชัยภัค ภัทรจินดา - ลาวคำหอม



O เพียงลมเช้าเฉื่อยโชย .. อย่างโผยแผ่ว
พายวาดแล้ว-อ่อยเอื่อย, เรือเรื่อยไหล
คลื่นน้ำพลิ้วโยนระลอก .. แผ่ออกไป
พร้อมริ้ววงน้ำไหว .. คือใจรอ
O บรรจงหยิบจับของประคองถวาย
นอบน้อมกายมอบสู่ท่านผู้ขอ
หมายนัยธรรมผ่านเสียง .. จะเพียงพอ-
ช่วยเติมต่อภูมิธรรมลงย้ำใจ
O ภาพ-พระที่ท่าน้ำ, เรือลำน้อย-
กับงามหนึ่งรูปรอย .. ที่ค่อยไหว-
ค้อมคอลงรับคำ .. พากย์ธรรมนัย
พาเงื่อนเหตุอาลัย .. พลอยไหววน
O แสงเช้านั้นรองเรืองที่เบื้องหน้า
เมื่อสบตาปลาบปลั่ง .. อีกครั้งหน
ช่อดอกไม้, ขันข้าว, เนตรวาวจน-
สะท้อนพื้นสายชล-วาบ-วนเวียน
O จวบแว่วเสียงสาธุ .. บรรลุโสต
เช่นกาลโชติช่วงแสงเข้าแปลงเปลี่ยน
คือใจตรองธรรมพากย์ .. พลอยพากเพียร-
เอาปัญญาตัดเตียน .. บ่งเสี้ยนแซม
O ชื่นเช้ากับนัยธรรม .. จากคำพระ
เมื่อสุดผละแววตา .. จากหน้า-แก้ม
พาอ่อนหวานรำบายลงก่ายแกม
ก่อนป่ายแต้มพักตร์พิไลติดนัยน์ตา
O จึงเช้าชื่น .. ด้วยหมอก, ปวงดอกไม้-
น้อมแนบไว้ด้วยละห้อยเฝ้าคอยหา
ช่วงเช้านี้ลมเห่ .. กาลเวลา
เกสรา-ภุมรินก็บินล้อม
O ไหว้พระ .. อธิษฐานเพื่อกาลหน้า
สืบคุณค่าตั้งรอ .. ร่วมหล่อหลอม
รูปหน้าหรือนัยธรรม .. หนอ-ด่ำดอม
จนดูเหมือนจำยอม .. อย่างพร้อมใจ
O กราบพระ .. บำบวงผ่านห้วงสินธุ์
หวังบรรลือแรงถวิล .. จนสิ้นได้
จังหวะพายจ้ำจ้วง .. หวัง-ทรวงใคร-
จักหวามไหวตามระยะจังหวะแรง
O กราบพระ .. บำบวงผ่านท่วงที
แววตาที่อ่อนโยนเริ่มโชนแสง
พร้อมความหวานหอมล้ำ .. ที่สำแดง
ลงเติมแต่งโลกธรรม .. ล้อมรำบาย
O ภาพ-กุศลสืบสาน, ดอกมาลย์หอม
ก็งามพร้อมแสงสรวงขึ้นช่วงฉาย
ความอ่อนหวานอ่อนไหว .. หัวใจชาย-
ก็กำจายฝากคลื่น .. แนบผืนน้ำ
O ร่ำรอภาพ-บุญกุศลให้วนกลับ
เพื่อสำหรับปลาบปลื้ม .. แสนดื่มด่ำ-
จักวนรอบเวียนรับ .. ลำดับกรรม
เอาหยั่งย้ำอาวรณ์ .. แนบนอนทรวง
O ภาพสาวน้อย .. ละม่อมหน้า .. ที่ท่าน้ำ
ค่อยตอกย้ำอกใจพลอยไห้หวง
กราบพระดูแช่มช้อย, คำถ้อย-ปวง-
หวังผ่านล่วงถึงใคร .. หนอใจนั้น .. ?
O น้ำกระทบกราบเรือ, แสงเรื่อส่อง-
ก็เหลื่อมต้องผ่านแต้มสองแก้มนั่น
ตากระทบรูปเยาว์, เมื่อเช้าวัน-
ก็เฝ้าฝันใฝ่อยู่ .. ไม่รู้แล้ว
O คล้ายเสียงธรรมล้อมโลก .. เข้าโบกโบย
เมื่อลมเช้าเฉื่อยโชย .. ยังโผยแผ่ว
ใจคนฤๅต้องสาป .. เมื่อภาพแวว-
ตาผ่องแผ้วผ่านนัย .. รอไขว่คว้า
O ก่อนเสียงธรรมจางหายกับสายลม
เมื่อปรารมภ์มุ่งมั่นขอฟันฝ่า
หมายเอื้อมเหนี่ยวพวงพะยอมให้น้อมมา
ร่วมรับรองคุณค่า .. แรงอาลัย
O ลมเช้ายังเฉื่อยโชยอย่างโผยแผ่ว
เมื่อดวงแก้วบนฟ้าทาบทา .. สมัย
ปลายปีกนกผกบินสู่ถิ่นไกล
เมื่อหัวใจถวิลเห็นไม่เว้นวาง
O ภาพพระที่ท่าน้ำ, เรือลำน้อย-
เหมือนดั่งคอยเฝ้าอุบัติขึ้นขัดขวาง
พร้อมรูปมือเรียวงามอยู่ท่ามกลาง-
ม่านหมอกพรางขุ่นขาวแห่งเช้าวัน
O ผมหล่นล้อมวงหน้า .. เมื่อหน้าก้ม
มือประนมคอค้อมอยู่พร้อมนั่น
ด้วยรูปและโดยใจของใครกัน-
แต่งเป็นสัญญาร่าง .. ขึ้นขวางไว้
O ภาพ-จีวร, ลำเรือ, แดดเรื่อส่อง,
พักตร์ผุดผ่องรูปขวัญ, เช้าวันใหม่-
ก็เคลื่อนบทบาทล้อมเข้าย้อมใจ
กลางลมไหววาดวี .. ในที่นั้น
O ภาพ-จีวร, ลำเรือ, ผิวเนื้อเนียน,
เนตรวกเวียนเหลือบชะม้าย, น้ำส่ายสั่น-
ก็เคลื่อนผ่านวูบไหวดั่งไฟควัน-
แทรกส่วนสัญญารูป .. โลมลูบใจ
O จนเสียงธรรมจางหายกับสายลม
เหลือเพียง-เนตร, เส้นผม .. เกินข่มไหว-
เข้ารายล้อมดวงตา .. เกินฝ่าไป-
พ้นผ่านรูปเพ็ญพิไล .. ของใครแล้ว !



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 5 พฤษภาคม 2566 9:54:37 น. 1 comments
Counter : 3792 Pageviews.

 
พวงครามเยี่ยงพวงแก้มเมื่อแย้มสู่
แววตาผู้สบรูป .. จึงวูบไหว
กลีบพวงครามต้องลม, เนตรคมใคร-
เหมือนพรมนัยแผ่วพลิ้วกว่าริ้วลม
.
พวงคราม ฤ งาม พิศะกระนั้น
อภินันทะเมื่อนัย-
ผ่านสู่, พบู จะ รู้บทะสยาย
เพราะชม้ายชม้อยไฉน ?


โดย: สดายุ... วันที่: 8 ธันวาคม 2563 เวลา:16:06:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.