Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
O รักสุดใจ .. O








Giovanni Marradi - All I Know Is You



O ร่ำหลอมหวานระคน .. เสียข้นเข้ม
ตราบเติบเต็มล้นล่วง .. ทาบทวงขวัญ
เนิ่นนานที่แรมใจของใคร-พลัน-
เช่นเสี้ยวจันทร์ซ่อนเร้น .. ยอมเพ็ญดวง
O จันทร์เมื่อเพ็ญพร่างพร้อย .. ย่อมคล้อยแรม
หากใจแจ่มเพียบเพ็ญ .. สุดเร้นล่วง
จะยอแสงละมุนทาบ .. ลงฉาบทรวง
ผ่านนัยน์ตาระยับยวง .. เฝ้าช่วงชาย
O เกรงม่านหมอก, อำพราง .. ตอนสางตรู่
บดบังรู้ .. บริสุทธิ์แห่งจุดหมาย
เมื่อหยาดแก้วเกล็ดรื้นถูกกลืน, กลาย
ค่อยค่อยร้างระเหยหาย .. กับสายลม
O ฉ่ำชื้นบนยอดหญ้า .. จะพร่าเลือน
สิ้นดาวเดือน, งามระยับ-จะลับล่ม
งามเอย .. งามละม่อมเคยจ่อมจม
มาจะล้มลงวายเมื่อปลายคืน
O ระเหิดระเหย-ร้าง .. น้ำค้างหยาด
ก่อน .. บำราศดินแดนทั้งแผ่นผืน
เกรง .. ระเหยห่างภพ .. จนกลบกลืน-
คือหยาดน้ำใจรื้น .. เคยตื่นรับ
O คง .. จะเช่นน้ำค้าง .. ตอนสางรุ่ง
เพียงเรื่อรุ้งแสงพลอดก็มอดดับ
สิ้นผกายเกล็ดแก้ว .. เคยแวววับ
เหลือหม่นหมองโจมจับ .. ลำดับนั้น
O ลมอุษาพลิ้วผ่าน .. ฝ่าลานหญ้า
เมื่อรูปรอยคุณค่า .. เริ่มพร่า-สั่น
จะเริดร้างรูปตระการแห่งวานวัน
เพื่อจะโอนหวาดหวั่น .. ลงสัญญา
O พร้อมวิหคครวญคร่ำ .. ลมร่ำสาย
ก็กลับคล้ายรอคอย .. ละห้อยหา
ยังวก-วน .. เวียนอยู่ .. ไม่รู้ลา
ทรมาทรมานอยู่ .. นานครัน
O เกรง .. เมื่อถึงคืนวันพระจันทร์เพ็ญ
จะลอบเร้นภาคแรม .. เข้าแซมฝัน
เกรง .. เมื่อความผิดพลาดเข้าพาดพัน
จะลบเลือนผูกพัน .. นิรันดร



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 19 เมษายน 2566 11:16:47 น. 0 comments
Counter : 3270 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.