Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
O ก่อนอุษาสาง .. O








กอไผ่ - บังใบ-2ชั้น



O ไฟเลื่อนแล่น, เมฆสว่าง ณ กลางคาบ
เดือนลบภาพ, ดาวระยับ ก็ลับหาย
ลมเหนื่อยอ่อนร่ำโรย .. น้ำโปรยปราย-
หยาดเป็นสายฝนเย็น .. ลงเต้นรำ
O ร่วงเม็ดลงกรรโชกให้โลกตื่น
พาเย็นรื่น-ฝ่าพลบให้อบร่ำ
ไฟแล่นสายคำรณกลางฝนพรำ
แววลอบเหลือบลึกล้ำ .. ก็ตำตา
O เมื่อเม็ดฝนหล่นสาย, ลมบ่ายโบก
หวานแห่งโลกก็กระหวัดกลางวรรษา
หอมแห่งมวลมาลีย่อมมีมา-
ร่วมคุณค่าขับขจ่างขึ้นกลางใจ
O พร้อมเม็ดน้ำหล่นคว้างอยู่กลางพลบ
คือชาติภพ, นามรูป .. สบ-วูบไหว
ตั้งภาวะตื่นรู้ .. ว่าผู้ใด-
เพรียกอาลัยฝ่าฝนที่หม่นครึ้ม
O แสงสรวงฟาดเฟื้อยรูปอยู่วูบวับ
เสียงตอบรับทุกครั้งก็ดังกระหึ่ม
เลื่อนเส้นเข้าโบยตีเมฆสีทึม
ขับความอึมครึมปวงจนล่วงรอย
O เมื่ออ่อนหวานพาดแนวในแววตา
ล่มความว้าเหว่-ดับลงยับย่อย
ชี้, บงการ, รุมเร้า .. ให้เฝ้าคอย
เหลือบชม้อยวาบนั้น .. รัด-พันธนา !
O แสงสรวงยังเฟื้อยเส้นโลดเต้นอยู่
เลศนัยชู้เหลือบชม้อยก็คอยท่า
ฝนหยาดเม็ด, ลมพลิ้วเป็นริ้วมา
เสน่หาในอกก็ยกตัว
O ลมเหนื่อยอ่อนค่อยพลิ้วเป็นริ้วผ่าน
แววอ่อนหวานก็เผยออกมาหยอกยั่ว
ขณะพืดฟ้าบนยังหม่นมัว
การณ์ก็เริ่มจะเป็นตัว .. จะเป็นตน
O คำนึงในสัญญา .. ช่างพร่าพราย
กลางแววตาลอบชม้าย-กลางสายฝน-
พรากเวิ้งฟ้าโอบดินหลั่งริน .. ปรน-
เปรอ .. จิตวนเวียนอยู่ .. กับผู้เดียว
O วาบวามแสงบนฟ้า, แววตานั้น-
วามไหวสั่น, เผยรอยเมื่อคอยเหลียว
เยื่อใยอย่างแฝงเร้น-ฟั่นเป็นเกลียว
เข้ายึดเหนี่ยวหน่วงใจ .. คอยไขว่คว้า
O ลมเหนื่อยอ่อนยังพลิ้วเป็นริ้วแผ่ว
ลอบเหลือบแววตาชม้อยเหมือนลอยฝ่า-
สายฝน, พืดฟ้ามัว .. หยอกยั่วมา
ยอคุณค่าล้อมห่ม .. เมื่อลมวก !
O เย็นเยียบสายลมร่ำแห่งค่ำนี้
ผ่านเรื่อยรี้อ่อนโยนแทนโผนผก
พร้อมแววตาไหวหวั่นเหมือนสั่นสะทก
บอกว่าในหัวอก .. มีหัวใจ
O ในแววตาขัดเขิน, การเมินชม้อย-
คือเฝ้าคอยเพรียกสิทธิ์ความพิสมัย
การชม้ายเมินหลบ, ครันครบใน-
การพร่ำเพรียกอาลัยอย่าให้เลือน
O ฝนขาดเม็ด, ลมค่ำยังร่ำผ่าน
เมื่อหอมหวานรำบายลงป่ายเปื้อน
อิริยา, รูป, จริต-เฝ้าติดเตือน
จนสุดเกลื่อนสุดกลบให้ลบแล้ว
O ขอบฟ้าเรื่อ, ปีกนกเริ่มโบกบิน
จำพรากถิ่นฝ่าลมที่พรมแผ่ว
เลศนัยตาคุกคามยังวามแวว
เหนือกว่าความผ่องแผ้วทุกแววตา
O ไฟแล่นเลื่อน, เมฆสว่าง นั้น-จางหาย
เหลือเพียงแววชม้อยชม้ายที่คล้ายว่า-
แฝงรอยยิ้มฝากลมให้พรมพา
แทนสองมือประคองหน้า .. โน้มหากัน !



Create Date : 07 สิงหาคม 2558
Last Update : 30 เมษายน 2566 11:53:38 น. 0 comments
Counter : 4080 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 152 คน [?]









O สิ้นสวาดิ .. O





O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้
อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา
ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา
ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม

O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ
จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม
ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม
ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น
O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข
สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น
คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน
ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้
O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต
โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่
สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป
สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา
O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด
ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา
โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา
คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง
O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร
คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง
ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง
ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน
O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย
เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน
ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน
จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ?
O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น
เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา
แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา-
ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย
O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง
ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย
แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย
ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที

O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ
ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่
ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี
ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ !




Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.