Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
สิงหาคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
8 สิงหาคม 2556
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
Secret Garden - Sanctuary
-1-
O หอมรสรื่นรวยริน .. ของกลิ่นโมก
รำบายโบกแผ่วเบา .. รุมเร้าหา
ลำเพาพักตร์นวลลออ .. ก็คลอตา-
ด้วยสัญญากุมกัก .. สุดหักล้าง
O ลิบลิบกระพริบช่วงแห่งปวงดาว
ก็ดูราววิบไหว .. แสนไกลห่าง-
จากโลกหล้า, เปลื้องปรุงแสงรุ่งราง-
คงอยู่ค้างฟ้าทะมื่นในคืนแรม
O ลิบลิบดารดาษดวง .. ในสรวงฟ้า
เช่นนัยน์ตาวามแสงเมื่อแต่งแต้ม-
ด้วยรูปรอยรอบอุทธัจ .. ระบัดแกม
คาบนั้น-แซมสอดหมาย .. รำบายความ
O เพียงแสงช่วงปวงดาว .. เห็นวาววับ
เนตรพริ้มพรับเบื้องหน้า .. ฤๅ-ฝ่าข้าม
โลกทั้งดวงดูเหมือน .. จะเลื่อนตาม
และวาบหวามหวานหอม .. ก็ล้อม-ลน
O จึงน้อมรับระยับช่วง .. สองดวงดาว
ที่ช่างวาววาบปลั่งอีกครั้งหน
ความอ่อนหวานอ่อนไหวแห่งใจคน
ต่างฤๅโซ่พันวน .. เกินด้นดึง
O ระทึกและสั่นไหว .. อกใครหนอ-
หลังเติมต่ออาลัยส่งไปถึง
ร่วมครอบครองคุณค่าอันตราตรึง
เสพหวานซึ้งซ้ำอยู่ไม่รู้เลือน
O นึก-ระทึกวาบหวิวจนริ้วแก้ม-
ราวเกลี่ยแกมเลือดฝาดเข้าปาดเปื้อน-
เพื่ออยู่รอ-สายตา .. ผ่านมาเยือน
รอ-ด้วยใจสั่นสะเทื้อนสะทกสะท้าน
O เลือดในอกร่ำรอ .. เมื่อหล่อเลี้ยง
อุ่น-ฤๅอาจหลีกเลี่ยง .. ลำเลียงผ่าน
ขัดเขินสักเพียงใด .. หนอใจคราญ
จักซึ้งซ่านเพียงไหน .. หนอใจนั้น ?
O ชั่วเคลิ้มคิดคล้อยตาม .. กับความว่า
ภาพ-แววตาซ่อนนัย .. ก็ไหวสั่น-
เป็นภาพความละห้อยเห็น .. ไม่เว้นวัน-
ทุกช่วงสัญญาคนวก-วนคิด
O ชั่วเคลิ้มคิดคล้อยตาม .. ถ้อยความสื่อ
ตรองเถิดหรือ .. ความปวงจากดวงจิต-
ล้วนเร่งรอบอาลัย .. มาใกล้ชิด
เพื่อถือสิทธิ์รูปนาม เอาล่ามพัน
O แม้นหนทางขวางกั้น .. ด้วยอรรณพ
อาจบรรจบด้วยใคร .. แต่ในฝัน
ยังยอมอยู่เปล่าเปลี่ยว .. ใต้เสี้ยวจันทร์
ด้วยใจหนึ่งนี้นั้น .. ดื้อรั้น-คอย
O ดึกสงัดพราวพร่าง .. น้ำค้างหยด
ลมตอบบท .. แขเปลื้องแสงเงื่องหงอย
แรงคำนึงถวิลชู้ .. ที่อยู่คอย-
เพียงรูปรอยพักตร์พิไล .. พริ้มนัยน์ตา
O ในฝัน .. ฝันว่าฝน .. นั้นหล่นสาย
เนื้อ, อุ่นอาย, อ้อมแขน..ที่แม้นว่า-
หากโลกนี้แหลกยับไปกับตา
ยอม .. ชีวาดับล่วง .. กับทรวงนั้น !
O ในฝัน .. ฝันว่าฝน .. ค่อยหล่นร่วง
และแววหวงอาลัย .. ก็ไหวสั่น
สองแขนเรียวเยี่ยงโจทก์ .. จองโทษทัณฑ์-
รัด ผูกพัน ให้ประโลมผู้โฉมเพ็ญ !
-2-
O ขวัญเอย .. ขวัญพี่
แต่วันที่ผ่านมาให้ตาเห็น
ก็ตรึงกลางห้วงฤดี .. อย่างที่เป็น
คอยบีบเค้นคะนึงอยู่ไม่รู้เลือน
O แต่บัดนั้นจนบัดนี้อย่างที่เห็น
สุดจะเร้นรูปรอยให้ถอยเคลื่อน
ทุกหลับฝันคอยนิมิต .. รูปติดเตือน
จะเกลี่ยเกลื่อน .. เคลียคลอก็ทรมาน
O เคยหรือใจ-หยุดคิด-แม้นิดหนึ่ง
หยุดซาบซึ้งแนบน้อมความหอมหวาน
เกรงหยุดแล้ว .. จะเดือดดิ้นทั้งวิญญาณ
เกรงจะผลาญพร่าหวัง .. จนพังยับ
O เมื่อมีรูป .. มีใจ-หวั่นไหวรูป
เหมือนโดนสูบอารมณ์ .. สุดข่ม-ขับ
ละห้อยหา, แหนหวง .. เกินหน่วงนับ
ก็โถมลงสำทับให้รับรู้
O อาวรณ์ในสำนึก .. ที่ลึกล้ำ
ก็ค่อยเผยนัยคำ .. เฝ้าย้ำสู่
หมายเนตรผู้อาทร .. แอบซ่อนดู
เสพทราบอยู่ด้วยใจ .. หวั่นไหวตาม
O เติบเต็มเป็น .. คุณค่าขึ้นปรากฎ
ด้วยรูปรสประณีตลักษณ์ .. สุดหักห้าม
หนึ่งคน .. หนึ่งดวงใจก็ไหววาม-
ไหวอยู่กลางคาบยามแห่งความรัก
O เวิ้งว้างห้วงมหรรณพ .. ภาคภพนี้
พรหมขีดชี้ .. ดวงชะตาเกินฝ่าหัก
แต่รูปหนึ่งเลื่อนเลยมาเผยพักตร์
ก็จำหลักอาวรณ์ .. เกินซ่อนนัย
O จากหนาว-ร้อน-แล้ง-ฝน .. แล้วจนหนาว-
อีกครั้งคราว, บ่วงรักเกินหักได้
กี่ฝุ่นฝนหล่นล่วง .. หนอดวงใจ-
ที่เยื่อใยผูกพัน .. จักมั่นคง
O สดับเถิดคำกรองทำนองพากย์
จักแฝงฝากพิสวาดิด้วยชาติหงส์
พินิจเถิดนัยคำ .. ว่าจำนง-
นี้-มั่นคง งดงาม .. ทุกความนัย
O .. ว่าอ้อมอก .. อาทร .. รออ้อนซบ-
แนบหน้าอบอุ่นขวัญ .. ทอนหวั่นไหว
จะกล่อมเกล้าโอบกาย .. คลี่สายใย
รัดพันไว้ .. สุดวิถีแห่งชีวัน
O หาก-เมินเฉยซ่อนเร้น .. ไม่เห็นหน้า
ใคร-อาจท่วมทรมาถึงอาสัญ
หากรอคอย .. ละห้อยเห็น ไม่เห็นกัน
จะโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง
O รับรู้เถิด .. รอถนอมละม่อมพักตร์
รอโอบกอดกุมกัก .. ด้วยรัก-หวง
เพียงหนึ่งที่วาดหวัง .. ใจทั้งดวง
พึงเลื่อนล่วง .. สำทับ .. แนบกับใจ
O ขวัญเอย .. ขวัญพี่
ค่ำคืนนี้ .. ดาวดับเดือนหลับใหล
อ้อมแขนอุ่น, เสียงครวญ, เนื้อนวลใย-
จักดลฉันทะสมัยมา .. ให้ตระกอง !
Create Date : 08 สิงหาคม 2556
Last Update : 15 เมษายน 2566 13:17:02 น.
14 comments
Counter : 4195 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ!
"O หาก-เมินเฉยซ่อนเร้น .. ไม่เห็นหน้า
ใคร-อาจท่วมทรมาถึงอาสัญ
หากรอคอย .. ละห้อยเห็น ไม่เห็นกัน
จะโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง"
"แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพหลพลเทวา ลงไปล้อมพาราสามนต์ไว้"(สังข์ทอง)
555
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.209.59 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:10:57:55 น.
ดายุ...
"O ในฝัน .. ฝันว่าฝน .. นั้นหล่นสาย
เนื้อ, อุ่นอาย, อ้อมแขน..ที่แม้นว่า-
หากโลกนี้แหลกยับไปกับตา
ยอม .. ชีวาดับล่วง .. กับทรวงนั้น !"
นี่แปลภาษาธรรมดา แปลว่า " ยอมตายคาอก" ใช่ไหมเอ่ย
ขอใช้สิทธิผู้อ่าน ประท้วงค่ะ
ใครจะปฎิบัติหน้าที่เขียน นารีปราโมช ต่อล่ะคะ ???
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.209.59 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:11:31:38 น.
สดายุ !
วันนี้หายไปไหน..หรือว่าไป" ชีวาดับล่วง..กับทรวงนั้น!"แล้ว
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.209.59 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:16:23:28 น.
เดี๋ยวมา .. วันนี้งานเยอะ 55
โดย: สดายุ IP: 118.172.101.204 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:17:53:07 น.
สวยมากครับ
โดย: นพ IP: 49.231.98.35 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:18:52:03 น.
มินตรา ..
แปลถูกแล้วขอรับ 55
จะมีสิ่งใดน่าปรารถนาเท่ากับ"ดวงใจสาวน้อยในวัยเริ่มรู้เดียงสา"ที่แสนบริสุทธิ์งดงามอีกเล่า ..
แต่คนที่ออกกำลังกายเกือบทุกวัน คงไม่"ชีวาดับล่วงกับทรวงนั้น" หรอก .. สาบาน 555
ว่าแต่ สาวไทยจะพาแม่ไปเที่ยวไหนล่ะในดินแดนอารยันขาวแห่งนั้น ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ? ..
คุณนพ
สวัสดีครับ .. นางแบบใช่ไหมครับที่สวย ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:21:47:19 น.
แก้วน้ำค้างพร่างอยู่ .. ให้รู้ว่า
ทุกพจน์..เผยปรารถนา..ผ่านพิสมัย
โอบ-รุมเร้าทุกจังหวะดวงหฤทัย
ให้สเน่หาอาลัยไม่รู้คลาย
แก้วน้ำค้างพร่างอยู่ .. แม้ตรู่สาง
หยาดน้ำทิ้งรอยจาง...ใช่ห่างหาย
อุ่นจักห้อมห่มเจ้า-ตราบวางวาย
มั่นคงรักมิจางคลายฝ่าสายกาล
:))
งามจริง ๆ
สุขสมดังปรารถนาค่ะ
ปล ตอนนี้พื้นหลัง จขบ เปลี่ยนพื้นสีหรือลวดลายหรือปล่าวคะ .. หรือเป็นที่โปรแกรมคอมพ์เราอีกสินี่ มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากอักษรเหลืองบนพื้นขาว
โดย: มาย IP: 124.122.184.128 วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:22:13:49 น.
มาย ..
ใช่ครับ ผมเพิ่งเปลี่ยนพื้นหลัง .. เป็นสีน้ำเงินแล้วตัวอักษรสีเหลืองสด ..
แก้ไขแล้วครับ .. คราวนี้ดูได้ทุกเบราเซอร์ เหมือนกันหมด
เขียนยาวๆมาวางสักบทสิครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 สิงหาคม 2556 เวลา:23:07:05 น.
ดายุ....
ตรงนี้ก็อ่อนหวานนัก ดูจะรักและถนุถนอม"ขวัญพี่"เหลือเกินนะ
O ขวัญเอย .. ขวัญพี่
แต่วันที่ผ่านมาให้ตาเห็น
ก็ตรึงกลางห้วงฤดี .. อย่างที่เป็น
คอยบีบเค้นคะนึงอยู่ไม่รู้เลือน
เป็นแบบ เกอเธอ(Goethe)แบบที่รักแล้วทรมา
เฮ้อ..ความเอ๋ย ความรัก..เนอะ
มินตราก็เลยได้ลิ้มรส คำ..ความ.. ที่ประดิษฐ์ประดอยงดงามไพเราะเพราะพริ้งไปด้วย
ขอขอบคุณวัฒนธรรมทางภาษาที่ยังมิสูญหายไป
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.106.196 วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:10:55:23 น.
มินตรา
บทอ่อนหวานนี่ขึ้นกับอารมณ์ .. ไม่จำเป็นต้องสวยเลิศเลอ perfect แต่บางครั้งกิริยาละมุนละไมแบบแม่นกยูงแห่งเรือนมยุรา ก็สามารถรำพันออกมาได้เหมือนกัน
มีเพลงบรรเลงฝรั่งไม่กี่เพลง ที่สามารถนำมาประกอบบทร้อยกรองแบบไทยๆได้ และ song from a secret garden นี้ก็ช่างเหมาะยิ่งนัก
จริงไหมแม่ดอกกระถิน ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:11:36:17 น.
ต๊าย สดายุ..
ทำไมดอกกระถิน มินตราไม่ชอบรับประทานนะ
ดอกสะตอล่ะพอจะชอบอยู่ แม้นจะแพงไปหน่อย...
ทำไมไม่ดอกบุษบามินตราล่ะ ดายุไม่ชอบรึ 555
ลองหาเพลงพวกserenadeซิคะ จะเป็นลักษณะเพลงอ่อนหวานสำหรับอารมณ์รัก
มีนักแต่งเพลงดังดังระดับโลกแต่งกันไว้ใช้จีบสาวสาวโดยเฉพาะเลย
ประกอบความรู้สึกอบอุ่นแบบกลอนตรงนี้...ทีเดียว..
"O ขวัญเอย .. ขวัญพี่
ค่ำคืนนี้ .. ดาวดับเดือนหลับใหล
อ้อมแขนอุ่น, เสียงครวญ, เนื้อนวลใย-
จักดลฉันทะสมัยมา .. ให้ตระกอง ! "
อบอุ่นเหลือเกิน...
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.106.196 วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:13:31:10 น.
มินตรา .. แปลว่า ต้นกระถิน
บุษบา .. แปลว่า ดอกไม้ หรือ นางผู้เห็นรูปทองในตัวเงาะป่า
บุษบามินตรา จึงแปลว่า ดอกกระถิน
แปลเสร็จทำให้นึกถึงซีรีย์ชุด เทพบุตรจุฑาเทพ ตอนคุณชายปวรรุจน์ .. ที่มีสาวบ้านป่านาม มรว.กระถิน มาจากปัตตานี เป็นว่าที่เจ้าสาวของพระเอก
คนเขียนบทก็เหลือเกิน .. ทำไมต้องสร้างบทให้ตอนสาวบ้านนอกโดนจับมาขัดสีฉวีวรรณลงขมิ้น จนทั้งแสบทั้งคัน ให้ราชนิกูลหลงวังต้องคอยเกาขยุกขยิกเป็นหนุมานเช่นนั้นก็ไม่ทราบ ไม่เห็นจะช่วยเสริมเรตติ้งตรงไหน .. 555
สะตอมีทานที่เยอรมันด้วยหรือ .. ฝรั่งเขากินลงได้ไงนะ ไม่ต้องสอนให้กินกับน้ำพริกกะปิด้วยรึนี่ .. 55
แต่เมนู สะตอผัดกับกุ้งสดตัวโตๆแบบเปรี้ยวๆหวานๆ (และไม่มีกะปิ .. ) เป็นเมนูโปรดของผมเลยนะนั่น
ทำกับข้าวไทยเป็นนึเปล่านะนี่ .. อิๆๆ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:16:04:28 น.
ดายุคะ
บุษบามินตรา เป็นคำเดียวที่ไม่แยกออกจากกัน เป็นภาษาชวา แปลว่า พุทธรักษา
ความตั้งใจนั้น มินตราตั้งใจจะหมายถึง ดอกไม้สีขาวหอม ที่บ้านเรียกแบบชาวราชบุรี ว่า "พุทธรักษา"
แต่เมื่อไปดูคำนิยามของ ดอกพุทธรักษา ใหม่ เห็นเป็น ดอกไม้หลายสี แบบของอินเดียที่ใช้ชื่อว่าCanna indica Linn. ในวงศ์ Cannaceae
พุทธรักษาที่บ้านมินตราเรียกก้นเมื่อสามสิบปีก่อนนั้น
ตรงกับภาษาเยอรมันว่าGardenia คือGardenia jasminoides ในภาษาพฤกษศาสตร์
ภาษาเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเร็วมากนะ นี่ในชั่วชีวิตคนที่ยังยืนยันกันได้..กลายเป็นว่า คำที่ใช้มาตลอดชีวิต มาแพ้ความรู้ใหม่กำหนดใหม่กันไปเลยนะ..
ราชบุรีเป็นเมืองที่ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ท่านใช้เป็นฐานในการสร้างคนและวัฒนธรรม รวมถึงกำลังอำนาจด้วย..จนลงไปตามชายฝั่งแหลมมลายู..เราจึงรับอิทธิพลคล้ายคลึงกัน..
ขอใช้สิทธิส่วนบุคคลที่จะกำหนดว่า ชื่อตนเอง แปลว่าอะไร หมายถึงอะไรนะคะ แปลว่า มินตราเป็นคนกำหนดความหมายชื่อตนเอง คนอื่นอย่ามาเถียง555
สะตอนี่ ผัดเป็นค่ะ อร่อยตรงที่ต้องใช้กุ้งตัวโตโตนี่แหละค่ะ
เพิ่งมาทราบจากหมอเยอรมันว่า สะตอมีสารที่แก้โรคเบาหวาน ยาที่รักษาเบาหวานสะกัดทำเป็นเม็ด..ยาฝรั่งนี่แหละ ยังมีกลิ่นสะตอ เลยค่ะ
มีขายค่ะ ทั้งฝัก และ แกะเป็นเม็ดแล้ว
กิโลทั้งฝักน่ะ ราคากิโลละยี่สิบยูโร
ฝรั่งกินไม่เป็น และ มินตราไม่ส่งเสริมให้รู้จักด้วย เพราะแค่คนเอเซียรู้จักนี่ยังแพ้งแพง
ขืนฝรั่งรู้จัก คนไืทยจะหมดปัญญาซื้อเลย..
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.106.196 วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:16:53:42 น.
แม่ดอกพุทธรักษา
เมืองไทย สะตอ 5 ฝัก หนัก 4 ขีด (400 gram) ซื้อมา 20 บาท (2/3 ยูโร) แปลว่า กิโลละ .66/.4 = 1.66 ยูโร
ที่เยอรมันแพงกว่าไทย 12 เท่า .. เฮ้อ อย่าไปกินมันเลย 555
ดอกพุทธรักษา สมัยเรียนชั้นประถมมีปลูกที่โรงเรียนใบเขียวเข้มสวยงาม (ผมชอบพืชใบเขียวเข้มแบบ มังคุด ชมพู่มะเหมี่ยว และพุทธรักษา นี่แหละ) ดอกขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม .. ชื่อเป็นมงคล เหมาะสำหรับคนที่อ่อนไหวเรื่องศรัทธา ..
ดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมอ่อนนะส่วนใหญ่ โมก ปีบ มีแต่พุทธรักษานี่แหละที่กลิ่นหอมจัด
ราชบุรี เพชรบุรี เป็นเมืองเก่าที่ปรากฎการเอ่ยถึงในประวัติศาสตร์ .. ศึกพม่าที่ท่าดินแดงนั้นทางเดินทัพไปรบพม่าก็ผ่านราชบุรี ..
อารยัน
เปอร์เชีย
เชค อะหมัด
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
ราชบุรี
ปัตตานี
อย่าบอกว่ากำลังคุยกับ พวกบุนนาคสายฝ่ายหญิงอยู่นะ .. 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 สิงหาคม 2556 เวลา:20:18:30 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สดายุ!
"O หาก-เมินเฉยซ่อนเร้น .. ไม่เห็นหน้า
ใคร-อาจท่วมทรมาถึงอาสัญ
หากรอคอย .. ละห้อยเห็น ไม่เห็นกัน
จะโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง"
"แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
จำจะยกพหลพลเทวา ลงไปล้อมพาราสามนต์ไว้"(สังข์ทอง)
555