O ลมเอย .. O
André Rieu - Edelweiss-1-O สุดขอบเขตอาจเอื้อม .. น้ำเชื่อมฟ้าเพียงหนึ่งดวงจันทราได้อาศัย-ฝากเอ็นดูลึกล้ำ .. ของน้ำใจผ่านรูจีอำไพ .. ช่วยไขความO ถึง .. รูปเยาว์ผุดผาดพิลาสลักษณ์ผู้ส่งหวานล้อมกัก .. เกินหัก-ข้ามโอนหอมพรมผ่านให้อ่อนไหวตามรบเร้าจนลุกลาม .. เป็นความนัยO อบอุ่นด้วย .. อ่อนหวานที่ผ่านสู่จนเกินกู้กีดกั้น .. ความสั่นไหว-แห่งดวงจิตปรารถนา .. แรงอาลัย-ที่เร่งเร้าพาใจ .. คอยไขว่คว้าO แต่ละหยาด .. แต่ละหยด .. แห่งรสสุคนธ์ค่อยหลั่งหล่นล้อมขวัญ .. ให้ฟันฝ่า-อาจเอื้อมเหนี่ยวรูปนิมิต .. ด้วยสิทธา-อันแรงกล้า .. ครอบครองด้วยสองมือO ที่สุดเขตอาจเอื้อม .. น้ำเชื่อมฟ้าคล้ายแววตาอ่อนหวาน .. บรรสาร-สื่อสิ่งที่หวังให้รู้ .. แฝงอยู่-คือ-หาญยุดยื้อดวงใจ .. มาไว้ครองO รูปเอยรูปพิลาส .. แห่งชาติหงส์ช่วยปลิดปลงล่มโศกแก่โลกผองผ่านสังคีตพิเราะล้ำ .. ท่วงทำนอง-การพร่ำพร้อง .. รตินัยสู่ใจงามO ที่คำนึงซึ้งใน .. อกใจนี้เพียงท่วงทีอภิรมย์ .. เกินข่มข้ามขวางอยู่ในจินตภาพ .. ทุกคาบยามร่ำรอทรามสวาดิน้อย .. เฝ้าคอยรอO มีความสัตย์ด้านในหัวใจชายเฝ้ารำบายเร่งช่วง .. บำบวง-ขอรวมอ่อนโยนอุ่นเอื้อ .. มากเหลือพอ-เหนี่ยวพะนอชาติภพ .. ให้อบอวลO ได้หรือไม่เจ้าเอย .. ช่วยเผยบอกฝากระลอกลมอ่อน .. ได้ย้อนหวนช่วยหอบถ้วนคมคำ .. ถ้อยสำนวนว่าอกหนึ่งคร่ำครวญ .. ตั้งตาคอยO เมื่อใจหนึ่งคอยอยู่ .. ไม่รู้หน่ายบางครั้งคล้าย .. เปลี่ยวเปล่าและเหงาหงอย-เผยผ่านความพร่ำพร้องได้ล่องลอยร่วมปลดปล่อยเสน่หา .. แรงอาลัยO ลมเอ๋ย .. ลมหวนจงหวีดเสียงคร่ำครวญ .. กำสรวลให้-โสตหนึ่งแว่วสั่นรัว .. แห่งหัวใจ-อาจเอื้อมไขว่คว้าอยู่ .. ไม่รู้วัน-2-O ในสำนึกผูกพันของวันนี้คือราศีหวานหอมรายล้อมขวัญห้วงคำนึง, ท่วงทีแห่งชีวัน-อาวรณ์นั้นรึงรัดแนบทัดทรวงO ฉ่ำชื้นน้ำค้างใส .. เกาะใบหญ้าฤๅเทียบค่าชื่นล้ำ .. ถ้อยคำ-หวงงามเอย .. งามภพภาพ .. เมื่อทาบทวงจะเลยล่วงจากใจ .. เยี่ยงไรฤๅ ?O หมอกขาว, หยาดน้ำค้างในสางรุ่งเพียงสูรย์ปรุงแสงปลั่ง .. จะยังหรือแต่-น้ำใจหลอมหลั่ง .. จะยังคือ-ความผูกพันยุดยื้อ .. ร่วมถือ-ครองO หยดน้ำค้าง-พร่างลออ .. ร่วมล้อแสง-บรรโลมแต่งสากล .. พรากหม่นหมองน้ำใจรอ-เนตรระยับ .. ตอบรับรอง-การครอบครองแววตา .. ด้วยอาลัยO ลมวรรษาพลิ้วผ่าน .. ลูบมาลย์ช่อคล้ายร่ำรออาวรณ์ผู้อ่อนไหวเพรียกอ่อนหวานลึกล้ำแห่งน้ำใจ-หยาดโลมไล้แอบออ-ลม .. ช่อมาลย์O พบกันเพื่อคำนึงได้ตรึงรอบเป็นเกณฑ์กรอบรายล้อม-ความหอมหวานพบเพื่อมอบอุ่นเอื้อ .. ร่วมเจือจานจับจูงผ่านเที่ยวทาง .. เคียงข้างกันO เสียงวิหคครวญคร่ำลมร่ำสายแผ่วรำบายสายใยผู้ใฝ่ฝันสื่อความนัยหวานซึ้ง .. ส่งถึงกันรัดล้อมขวัญ .. ถวิลเห็นอย่าเว้นเลยO รื่นรมย์เหลือกระไรอกใจนี้-กับหอมหวานพจนี .. ค่อยคลี่เผยมอบทั้งศักดิ์ทั้งสิทธิ์ให้ชิดเชยออดอ้อนเอ่ยความไว้ .. โดยไม่พรางO จึงแม้นวันคล้อยดวงใกล้ล่วงลับหากเนตรพรับพริ้มอยู่ .. เหมือนตรู่สาง-แสงแรกรุ่ง .. อำพนส่องหนทาง-ล่มหม่นหมองจืดจาง .. ทุกย่างเท้าO ลำดวนเอ๋ย .. แต่พบ .. บรรสบหน้าก็รู้ว่าโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเปล่า-นั้นเริดร้างห่างหายไม่กรายเงาแค่เพียงเจ้า-แววตา .. บอกอาลัยO ดูเถิดน้ำค้างหนาว .. อีกเช้าแล้วลมพลิ้วแผ่ว .. ไม้พรรณ-เอน-สั่นไหวจำนงเถิด .. ดวงฤดีผู้มีใจแฝงอ่อนไหวอารมณ์ .. ฝากลมครวญO ดูเอาเถิดอกใจ .. ผู้ไขว่คว้า-เสน่หา สั่งสม ฝากลมหวนเพื่อโอบล้อมชาติภพให้อบอวล-กับหอมนวลกล้ำกราย .. กลางสายลมO ด้วยสำนึกผูกพันของวันผ่านล้วนอ่อนหวานผ่านสู่ .. สุดรู้ - ข่มรู้-เพียงว่าปรารถนาทุกปรารมภ์-เพียงรอ-ห่มห้อมขวัญ .. ตราบวันวาย !
ลมเอย
".............. ......
ช่วยหอบถ้วนคมคำ .. ถ้อยสำนวน
ว่าอกหนึ่งคร่ำครวญ .. ตั้งตาคอย" !